ก่อนเดินทางกลับนครสารขัณฑ์ หลังจากพเนจรไปทั่วโลกเกือบ 20 ปี “โยคีลูกสามหลานเจ็ด” ได้ให้คำมั่นข้ามประเทศว่า

“ตนแก่แล้ว อยากใช้บั้นปลายชีวิตกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก”

คำมั่นสัญญาของท่านโยคี ทำให้ชาวสารขัณฑ์ทุกภาคส่วน “ต่างหายใจโล่งอก”เพราะสองทศวรรษแห่งการเมืองในนครสารขัณฑ์ที่เคยบาดหมาง เกลียดชัง แยกสีและแบ่งข้าง “จะได้จบเสียที”

“แต่แล้ว ท่านโยคีกลับไม่รักษาคำมั่นสัญญา ทันทีที่ท่านโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมาจากเมฆเข้าสู่น่านฟ้าสารขัณฑ์ โยคีก็ได้แปลงร่างเป็นเทวดา
ไม่ยอมชดใช้กรรมอยู่ในเรือนจำ แต่เหาะเหินเดินอากาศไปอยู่วิมานชั้น 14 ของดาวแปดแฉก ยาวนานถึง 181 วัน จากนั้นโยคีก็ไปจำศีลที่อาศรมรัชนีส่องแสง”

วันหนึ่ง “พ่อมดแห่งตระกูลฮุน” เพื่อนซี้ของโยคี ผู้ตั้งราชวงศ์ฮุนทางการเมืองในอาณาจักรขอมดำดินได้สำเร็จ ได้มาเยี่ยมโยคีอย่างคิดถึง จากการพบกันระหว่างสองผู้เฒ่า จะปรึกษาอะไรกันบ้าง “ไม่มีใครล่วงรู้ได้” แต่นับจากวันนั้นเป็นต้นมา “โยคีลูกสามหลานเจ็ด” เปลี่ยนไป ออกจากอาศรมมาปรากฏตัว และเริ่มดำเนินการสร้างวงศ์การเมืองของตนอย่างเข้มข้น

พลันที่ “ท่านโยคีได้ใช้คาถา” เป่าเพี้ยง เพี้ยง “ใช้แมวไปแจวเรือใช้เสือไปไถนาและใช้ลาไปบริหารประเทศ” ทำให้ “ฝ่ายกองแช่ง” ต่างรู้ทันทีทันใด โยคีไม่ต้องการกลับมาเลี้ยงหลาน แต่ต้องการกลับมาสร้างราชวงศ์ทางการเมืองต่างหากเล่า

ดังนั้น “กองแช่ง” และ “ศัตรูทางการเมืองของท่านโยคี” จึงได้ออกมา“ลุย” ด้วยการ “ทำนิติสงคราม” กับท่านโยคีอย่างถึงพริกถึงขิง

การออกมา “ลุย” เพื่อทำนิติสงครามของ “กองแช่ง” นั้น ในระยะแรก “โยคีก็กลัวพลาดพลั้งในการทำสงคราม” จึงปลีกวิเวกอยู่แต่ในอาศรม

แต่หลังจากได้ปรึกษากับสมุนคู่ใจ โยคีก็เริ่มมั่นใจ “กองแช่ง” หาได้มีขีปนาวุธล่องหน ยิงด้วยไฮมาร์สหลายลำกล้องที่สุดอันตรายไม่ ดังนั้น โยคีจึง“ย่ามใจ” จบท้าย “ตนจะเป็นผู้ชนะ”

จึงไม่น่าแปลกใจ บัดนี้ โยคีได้ออกจากอาศรม ทำการช่วยสาวกหาเสียง “ลุยศึกเลือกตั้งทุกระดับ” เพื่อจะได้สร้างราชวงศ์ทางการเมืองของตนให้เข้มแข็งต่อไป

โยคีออกศึกครั้งนี้ จะสร้างราชวงศ์การเมืองได้เข้มแข็งเช่นเดียวกับ“ราชวงศ์ฮุน” และ “ราชวงศ์มาร์กอส” และราชวงศ์การเมืองอื่นในเอเชียได้หรือไม่? คงต้องติดตามแบบ หนังซีรี่ส์ร้อยตอนจบ

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม