l 0. ชีวิตที่มีสุข และชีวิตที่เป็นทุกข์ เพราะอะไร?คนไม่มาก มีสุข คนไม่น้อย มีทุกข์ ชีวิต “ปู่จิ๊บ”ผ่านทุกข์ สุข มาวันนี้ ชีวิตมีสุขเป็นหลัก เพราะอะไร? อย่างไร? มาตามดูกัน
1. ผ่านการใช้ชีวิต ๗๕ ปี ผ่านมาเกือบทุกเรื่องทุกอย่าง การใช้ชีวิตที่คนธรรมดาทั่วไปได้ผ่านมาและชีวิตที่มีลักษณะพิเศษ ที่มีคนน้อยคนได้ผ่านมา ด้วยความไม่ปกติ ความจำต้องเป็นของสถานการณ์ทางการเมืองตั้งแต่ สมัยเป็นผู้นำนิสิตนักศึกษา การทำงานอาชีพและงานด้านอาสาสมัครฯ รวมทั้งการต่อสู้ทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตยไทย ตลอดมาผ่านชีวิตฆราวาส และ บรรพชิต (ในช่วงปี ๒๕๑๗)
@ การใช้ชีวิตทำมาหากิน อย่างซื่อสัตย์สุจริต ที่ไม่ง่าย ท่ามกลาง ผู้นำ คนเป็นหัวหน้างาน ในสังคมส่วนหนึ่ง ที่ต้องการสร้างความร่ำรวยทางทรัพย์สินเงินทองตำแหน่งหน้าที่การงาน ทั้ง มีเป้าหมายรวยเร็วและกลุ่มตามน้ำฯ การดำรงชีวิตอย่างตรงไปตรงมา พอเพียง ท่ามกลางสังคมที่เหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมฯ
@ การอยู่ด้วยความรักความสุข ท่ามกลางความขัดแย้งแบ่งฝ่าย พวกเขา พวกเราในสังคมการเมือง และวิชาการ ที่มีอคติ อวิชชา กำหนด ความคิดการกระทำของผู้คน ซึ่งใช้สติปัญญา ความจริงนำทางจากการสรุปบทเรียนไปทุกระยะทาง และด้วยการปฏิบัติตามคำสอนของป๋าแม่ ครู พระ และผู้นำทางสังคม รวมทั้งความคิดชาวบ้านชาวเมืองที่น่าประทับใจ
@ และที่สำคัญ คือ การสรุปความคิด การใช้ชีวิตของตนที่ผ่านมา แก้ไขข้ออ่อน เสริมข้อดีพัฒนามาต่อเนื่อง ไม่หยุด
@ จนกระทั่ง มาถึงจุดหนึ่งของชีวิตและความคิด ที่ใจสงบ มีความสุข พอเพียง ลดละสิ่งที่เป็นอัตตา และอคติของตัว เพิ่มส่วนที่เป็นธรรมเป็นความสุขสงบด้วยสติปัญญา ความจริง ผล คือ “ทุกข์ลดลง สุขมากขึ้น” และ “อัตตาน้อยลง สงบมากขึ้น” ใจนิ่ง สงบ มีสุข ตลอดวัน
2. ความเป็นมนุษย์ เราสามารถใช้ในชีวิตง่ายๆพอเพียง มีความสงบ สุข เป็นธรรมดา ในช่วงมีชีวิตอยู่ เราเพียงจะต้องศึกษาเรียนรู้และเข้าใจอย่างแท้จริง เป็นจริง ในเรื่องสำคัญๆ ดังนี้
(1) เรียนรู้ทำความเข้าใจตนเอง
(2) เข้าใจโลก และประเทศไทย
(3) เข้าใจคน
(4) เข้าใจหลักวิทยาศาสตร์
(5) เข้าใจศาสนา
(6) พื้นฐานที่ดี จาก บ้าน โรงเรียน วัด และมีโอกาสสัมผัสกับผู้นำดีที่เป็นแบบอย่าง
(1) เรียนรู้ทำความเข้าใจตนเอง
(๑) มนุษย์คือใคร มีที่มา ที่อยู่ ที่ไป อย่างไร
(๒) สิ่งที่กำหนดมนุษย์คนหนึ่ง คือ ความคิด สุขภาพกาย ใจ ยุคสมัยของสังคม
(๓) การอยู่อย่างพอเพียงมีสุข สงบ
(๔) ความสุขอยู่ที่ “ใจของเรา เป็นหลัก”แต่เรื่องอื่นๆ ก็สำคัญ
(๕) สุขภาพ กาย ใจ ของเรา ต้องรักษา ทะนุถนอมมนุษย์ รู้จัก “กายใจ” ของมนุษย์ มากขึ้นๆ แต่ยังเป็นส่วนน้อย มีเรื่องที่เรายังไม่รู้อีกมากทั้งๆที่วิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าขึ้นมามาก
(๖) วันที่เรามีความสุข ด้วยเหตุปัจจัยอะไร
(๗) วันที่เรามีความทุกข์ ด้วยเหตุปัจจัยอะไร
(๘) วันพิเศษของชีวิต ที่พานพบในยามหนึ่ง
(๙) ในช่วงเวลา ที่ “เรา” ควบคุมตนเองไม่ได้ :ด้วยความชรา ป่วยไข้ และก่อนจากในวาระสุดท้าย
(2) เข้าใจโลก และประเทศไทย
(๑) เข้าใจประวัติศาสตร์
(๒) เข้าใจแนวโน้มในอนาคต
(๓) เข้าใจปัจจุบัน
(๔) ประเทศไทย ดีที่สุด แม้ประเทศไทยมีข้ออ่อน ข้อจำกัดไม่น้อย จนหลายคน ทั้งผู้นำผู้ตาม หยิบยกมาพูดข้อด้อยของสังคมไทยแต่ “ฉัน”มองภาพรวม ที่เป็นจริง สามารถสรุปได้ว่า “ประเทศไทย ดีที่สุด” ที่ทำให้ “ฉัน” (ครอบครัว บรรพบุรุษ) มีวันนี้ และ “ฉัน” มีความสุขที่สุดที่เป็นคนไทย อยู่เมืองไทย
(3) เข้าใจคน
(๑) คนในครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง ภรรยาสามี ลูก หลาน
(๒) เพื่อนมิตร
(๓) เพื่อนพิเศษ
(๔) คนทั่วไป
(๕) คนที่มีอคติต่อเรา หรือคนที่เราไม่ชอบหน้า
(4) เข้าใจหลักวิทยาศาสตร์
4.1 ความหมาย วิทยาศาสตร์ หมายถึง ความรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตรวมทั้งกระบวนการประมวลความรู้เชิงประจักษ์ ที่เรียกว่ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และกลุ่มขององค์ความรู้ที่ได้จากกระบวนการดังกล่าว
4.2 ปรัชญาวิทยาศาสตร์ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของวิทยาศาสตร์ในประวัติศาสตร์มนุษย์ ได้สร้างประเด็นคำถามทางปรัชญาไว้มากมาย โดยนักปรัชญาวิทยาศาสตร์ได้ตั้งคำถามทางปรัชญาที่สำคัญดังนี้
๑. สิ่งใดเป็นตัวแบ่งแยกความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับความรู้ประเภทอื่นๆ เช่น โหราศาสตร์
๒. ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เป็นความจริงหรือไม่
๓. ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เชื่อถือได้แค่ไหน
๔. วิทยาศาสตร์มีประโยชน์จริงๆ หรือไม่ ศีลธรรมของวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม คือรูปแบบใด ประเด็นเหล่านี้ยังเป็นที่ถกเถียงในหมู่นักปรัชญาวิทยาศาสตร์อย่างมากในปัจจุบัน และไม่มีความเห็นใดที่ได้รับการยอมรับทั่วไปอีกเลยทีเดียว
4.3 ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เริ่มต้น ได้อย่างเป็นลำดับ จากต่ำไปสู่สูง จากน้อยไปสู่มาก จากช้าไปสู่เร็ว เร็วมากเช่น จากการปฏิวัติการเกษตรสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม และทวีความก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จากพลังการคำนวณในยุคคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ AI ฯลฯ ก่อให้เกิดการพัฒนาทางการเมืองเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม การแพทย์ ฯลฯ ที่เกิดผลดีต่อชีวิตความเป็นอยู่ ความสะดวกสบายในการเดินทางอย่างรวดเร็ว อย่างไม่มีขอบเขตทั่วโลก แต่ขณะเดียวก่อให้เกิดความขัดแย้งแก่งแย่งช่วงชิงอำนาจเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มคนที่ได้เปรียบ การจัดสรรทรัพยากรและการกระจายอำนาจ ก่อให้เกิดความไม่เสมอภาคเท่าเทียม และความไม่เป็นธรรมในสังคม สรุป เจริญขึ้น แต่มีฝ่ายได้มาก และได้น้อย
4.4 เรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในเรื่องความจริง
๑. มีเรื่องที่เป็นความจริง
๒. มีเรื่องที่ยังไม่ใช่ความจริง คือ หลายเรื่องเรายังไม่รู้ครบถ้วน
๓. มีเรื่องที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องคอยเวลาของการพัฒนา การทดลอง พิสูจน์ ต่อไป
๔. โดยเฉพาะในเรื่องของวิทยาศาสตร์ด้านสุขภาพฯ มีหลายเรื่องที่ก้าวหน้าขึ้นมากแต่ในอีกหลายเรื่องที่ยังมีส่วนที่ไม่รู้ อีกไม่น้อยฯ ต้องใช้เวลาต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี