“อุดรธานี” จังหวัด “สุดดัง” แห่งนี้ได้ฉายาอย่างไม่เป็นทางการว่า“เป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง”

ในขณะที่ “ขอนแก่น” ถือเป็น “เมืองหลวงแห่งที่สองของคนเสื้อแดง”อีหรอบเดียวกับที่ “กรุงเทพมหานคร” คือ เมืองหลวงของ “ราชอาณาจักรไทย”โดยมี “เชียงใหม่ เป็นเมืองรอง” ที่สุดสำคัญ

“ดังนั้น หากมีการเลือกตั้ง เพื่อชิงสส.หรืออบจ.ในจังหวัดอุดรธานี หากพรรคเสื้อแดงต้องเสียตำแหน่งนักเลือกตั้งของจังหวัดนี้ ให้แก่พรรคการเมืองอื่น เท่ากับป้อมค่ายแห่งนครหลวงของคนเสื้อแดง ถูกข้าศึกตีแตกกระจุยอย่างหมดท่า”

ด้วยประการฉะนี้ “การเลือกตั้งอบจ.อุดรธานี” ที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 เดือนนี้” จึงเป็น “ศึกสุดหินและสุดสำคัญ” ของพรรคเสื้อแดงเพราะ “สงครามเลือกตั้งที่อุดรธานี” ครั้งนี้ มี “เดิมพัน” ระดับ “ดับสุริยา”

“เดิมพันระดับดับสุริยา” ตรงที่ “พรรคเสื้อส้ม” ได้ยกกองทัพใหญ่ นำโดย “อดีตหัวหน้าพรรคสุดสำคัญหลายราย” และ “อัศวินนักรบเสื้อส้มอีกจำนวนมาก” นำกองกำลังยกโขยงมาหมายจะ “ตีนครหลวงคนเสื้อแดงให้สำเร็จ”

แล้วกองทัพพรรคเสื้อส้ม จะ “เข้าไปกินอาหารมื้อค่ำในอุดรธานีของวันที่ 24 พ.ย.นี้ให้ได้”

เมื่อศึกใหญ่ของกองทัพเสื้อส้มยกมาประชิดเมืองหลวงครั้งนี้ “ท่านพ่อมดลูกสามหลานเจ็ด” ได้ประเมินศักยภาพของกองทัพเสื้อส้มแล้ว “เห็นว่า” ขุนพลเสื้อแดงระดับ “ตัวเอ้ๆ” ที่มีอยู่มากมาย อาจจะไม่สามารถต้านศึกอัศวินสุดห้าวของกองทัพเสื้อส้มได้

ทั้งนี้ เพราะอดีตหัวหน้าพรรคสุดดังที่มีฝีมือรบดุฉกรรจ์ของพรรคส้ม ต่างเข้ามาบัญชาการรบ เพื่อ “หักด่านป้อมปืนนาวาโรนของอุดรธานีให้แตกกระจุย”

ทำให้ “ท่านพ่อมดลูกสามหลานเจ็ด” ที่ได้ฉายาเป็น “นักรบระดับขิงแก่ ยิ่งเฒ่ายิ่งสุดห้าว” ถืออาวุธเป็น “ง้าวมังกรเขียว หนัก 80 ชั่ง” เช่นเดียวกับ “ง้าวกวนอูในสามก๊ก” เดินทางเข้าไปยังอุดรธานี ทำการบัญชาการรบด้วยตนเอง เพื่อ “รักษาเมืองหลวงของคนเสื้อแดงไว้ให้ได้”

รับรองได้ “ศึกสุดสำคัญที่อุดรธานี” พรรคเสื้อส้มยกกองทัพลุยเมืองหลวงของพรรคเสื้อแดงในครั้งนี้ เป็น “สงครามที่มีเดิมพันสูงอย่างยิ่ง”

“เดิมพันสูง” ชนิด “พรรคเสื้อแดงเสียเมืองหลวงไม่ได้” ในขณะที่ กองทัพพรรคเสื้อส้ม “ต้องลุยอุดรธานีให้ได้ชัยชนะ”

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม