ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 31 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงลิมา ประเทศเปรู ประสาคนรุ่นใหม่ ถ้าให้คะแนนการทำงานก็ถือว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย สอบผ่านแต่มีข้อบกพร่องที่ต้องไปทบทวนอีกมากมาย อาทิ เฟซบุ๊ก ของรัชดา ธนาดิเรก นักการเมืองสาวค่ายประชาธิปัตย์ ระบุ“ทำไมปล่อยตัวแบบนี้ กางเกงปลายขารุ่ยอีก

ชุดสวยๆมีมากมายที่ใส่แล้วสง่าสมเป็นผู้นำ ความสามารถก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การแต่งกายให้เหมาะสมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากมีทั้งคู่ก็จะเป็นน่าตาของประเทศ เพราะเวทีเอเปก เปรู พิธีการต้อนรับเป็นทางการ และให้เกียรติมาก(มีภาพประกอบขณะนายกรัฐมนตรีไทยเดินทางลงจากเครื่องบินและได้รับการต้อนรับจากเจ้าภาพอย่างสมเกียรติ และอีกภาพโฟกัสไปที่ปลายขากางเกงของนายกรัฐมนตรีไทยรุ่ยจริง เพราะเป็นกางเกงแนววัยรุ่นมากไป”

น่าสนใจในการพบหารือทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กลับแต่งกายได้เนี้ยบมาก ทั้งกล่าวยืนยันความพร้อมของไทยที่จะร่วมมือกับจีน ทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรอบเอเปก ซึ่งไทยยินดีสนับสนุนจีนเป็นเจ้าภาพเอเปกในปี พ.ศ. 2569 และพร้อมให้การต้อนรับประธานาธิบดีและภริยา ในโอกาสงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์จีน-ไทย ครบรอบ 50 ปี ในปีหน้านี้ซึ่งถือเป็นปีทองของมิตรภาพไทย-จีนอีกด้วย

ด้าน สี จิ้นผิง กล่าวตอกย้ำ “จีน-ไทยมีมิตรภาพที่มีความพิเศษยิ่ง เรามีความร่วมมือที่ใกล้ชิดในทุกระดับ มาอย่างยาวนาน ซึ่งเชื่อว่าความสัมพันธ์ จีน-ไทยในโอกาสครบรอบ 50 ปี ที่มีความเจริญรุ่งเรืองที่ลึกซึ้ง และจะยิ่งมากขึ้นไปอีก 50 ปี โดยจีนและไทยจะขยายความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม และการศึกษา รวมทั้งวิทยาการใหม่ๆ ทั้งด้าน วิทยาศาสตร์ อวกาศนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเชื่อว่าจะนำความเจริญรุ่งเรือง ให้กับทั้งสองประเทศและภูมิภาคได้”

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมการพัฒนาด้านต่างๆของจีน รวมทั้ง นโยบายกำลังผลิตคุณภาพใหม่ (new quality productive force) ที่ทำให้จีนรุดหน้าอย่างมาก ซึ่งสอดคล้องกับหลักการพัฒนาด้านต่างๆ ของประเทศไทย ที่มุ่งส่งเสริมโลกาภิวัตน์ ด้วยการค้าเสรีที่เปิดกว้างขึ้นโดยยึดมั่นในกฎกติกาของโลก

“ประเทศไทยพร้อมที่จะแลกเปลี่ยน และเรียนรู้ประสบการณ์การแก้ปัญหาความยากจนที่ประเทศจีนเคยประสบมาในอดีต รวมไปถึงนโยบายในการต่อสู้กับภัยธรรมชาติ เทคโนโลยีการผลิตคุณภาพใหม่ เทคโนโลยีอวกาศ อุตสาหกรรมแห่งอนาคต รถยนต์ EVรวมไปถึงพลังสะอาดด้านอื่นๆ นอกจากนี้ ไทยยังพร้อมที่จะร่วมมือภายใต้แนวคิด Global CivilizationInitiative (GCI) ที่จะส่งเสริม Soft Power เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างกัน และขอขอบคุณจีนที่ให้การสนับสนุนประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่หรือ “BRICS” อีกด้วย” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ขณะที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้กล่าวยืนยันสนับสนุนไทยให้ไทยเป็นสมาชิก “BRICS” รวมทั้งการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในทุกระดับทั้ง การประชุมกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) การประชุมกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) รวมทั้งพร้อมร่วมมือสาขาใหม่ๆ ระหว่างกัน เช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้ จีนยังยินดีนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศไทย และพร้อมขยายการค้า การลงทุน และความร่วมมือด้านการศึกษา เยาวชน และการเชื่อมโยงระหว่างภาคประชาชน รวมทั้งการแก้ปัญหาอาญชญากรรมข้ามแดน และภัยออนไลน์ ต่างๆ ด้วย

สำหรับบทเจรจาระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย กับผู้นำประเทศคู่เจรจาต่างๆ ยังไม่พบว่ามีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อน ทุกอย่างเป็นไปตามหลักสากลที่คาดว่ากระทรวงการต่างประเทศคงกำหนดไว้ให้แล้วให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลขอให้ประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้

ก็ต้องเขียนบอกกล่าวกันไว้ว่า จะไปไหนมาไหนในเวทีโลกอย่างเป็นทางการ ก็ไม่ควรเปิดช่องให้มีการจับผิดเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีอีก ซึ่งคงไม่ต้องยิ้มหวานเยิ้มเหมือนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการพบกับผู้นำบางประเทศ เรื่องแบบนี้สามารถปรับปรุงกันได้ ถือว่าเป็นการติเพื่อก่อ ไม่ใช่ติเพื่อทำลาย