บทความชิ้นนี้ส่วนหนึ่งถอดความจาก เดอะ ดิโพลแมต ให้ผู้อ่านร่วมพิจารณาเนื่องจากว่า เดอะ ดิโพลแมต เป็นกระบอกเสียงสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ Council Of Foreign Relation (CFR) องค์กรนอกรัฐก่อตั้ง โดยยิวไซออนิสต์ที่มีอิทธิพลเหนือการเมืองทุกพรรคในสหรัฐอเมริกา
เดอะ ดิโพลแมต โดย เมแกน เมอร์ฟี่ เขียนบทวิเคราะห์ท่าทีและวาระหลากหลายของผู้นำทางการเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)ที่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการกลับเข้าทำเนียบขาวสมัยที่สองของ ว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
เมแกน โปรยบทความว่า คนอเมริกันลุกจากที่นอน เช้าวันที่ 6 พฤศจิกายน ฟังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 พบว่า ผู้นำอาเซียนส่วนใหญ่ได้ยืนยันผลการเลือกตั้งแล้ว และต่างพากันแสดงความยินดีต่อผู้ชนะ ในความเป็นจริงสมัยที่สองของ โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดฉากขึ้นทั่วโลก ผู้นำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มประเมินโอกาสและผลที่จะตามมาจากวาระ “อเมริกามาก่อน” ของเขา
แม้ว่าผู้นำประเทศอาเซียนแสดงความยินดียกย่องเขา และแสดงความหวังเสริมสร้างความสัมพันธ์ และบางประเทศ กังวลผลกระทบเศรษฐกิจการเมืองและความมั่นคงที่อาจเกิดขึ้น จากการกลับมาของเขา ประเด็นหลักที่มีความกังวล คือ ผลกระทบเศรษฐกิจ ที่ทรัมป์ เสนอเก็บภาษีสินค้านำเข้า10-20% ทั่วโลกและ 60% สำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศจีน ซึ่งเป็นที่มาของความเป็นไปได้ที่จำใจต้องเลือกข้างระหว่าง จีน-อเมริกา และความเสี่ยงด้านความมั่นคงจากความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในทะเลจีนใต้
ประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนี่ยร์ของฟิลิปปินส์ เป็นผู้นำคนแรกในอาเซียนที่กล่าวว่า “ประชาชนชาวอเมริกันได้รับชัยชนะ จากการแสดงพลังประชาธิปไตยของพวกเขา”
ในแถลงการณ์ มาร์กอสกล่าวว่า พันธมิตรที่มั่นคงระหว่างฟิลิปปินส์และสหรัฐจะเป็นพลังผลักดันความดีงามในแปซิฟิก ฟิลิปปินส์พูดได้ว่า เป็นผู้เสียมากกว่าใครในอาเซียน จากรัฐบาลทรัมป์ ที่อาจให้ความสนใจน้อยลงในหุ้นส่วนยุทธศาสตร์พันธมิตรกับฟิลิปปินส์
จากแถลงการณ์ดูเหมือนว่า ฟิลิปปินส์มีคำถาม ความยืดหยุ่นของหุ้นส่วนความมั่นคงกับ ทรัมป์จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งความก้าวร้าวของจีนที่สร้างความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในทะเลจีนใต้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ให้ความมั่นใจแก่ประชาชนว่า รัฐบาลทรัมป์ ยังคงความสัมพันธ์และไม่เกิดผลกระทบทางลบลูคััส เบอร์ซามิน เลขานุการฝ่ายบริหาร กล่าวว่า “คิดว่าสหรัฐยึดมั่นในสนธิสัญญา จะไม่มีปัญหาในทะเลจีนใต้ภายใต้การนำของทรัมป์ ด้าน โธนี่ โลเปส เขียนใน นสพ. เดอะฟิลิปปินส์ สตาร์ ว่า “ทรัมป์ชนะเลือกตั้งเป็นผลดี เพราะการแข่งขันกับจีน ย่อมเป็นผลดีต่อฟิลิปปินส์”
ในสมัยประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต้ ฟิลิปปินส์ เป็นญาติกับจีน ดูเตอร์เต้ถึงกับไล่ทหารอเมริกันออกจากฐานทัพต่างๆในฟิลิปปินส์=ผู้เขียน
เดอะ ดิโพลแมต รายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยโพสต์ข้อความผ่าน X ระบุถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่าขอแสดงความยินดีกับท่านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และ สว. เจ.ดี. แวนซ์ สำหรับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
“ดิฉันพร้อมทำงานร่วมกับท่าน ส่งเสริมความเป็นพันธมิตรระหว่างไทย-สหรัฐฯ ที่มีมาอย่างยาวนานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
อีกเสียงหนึ่งในประเทศไทยที่ตอบสนองต่อการเลือกตั้ง คือ “หมูเด้ง ผู้โด่งดังทั่วโลก”ฮิปโปโปเตมัสแคระ” (Pygmy Hippopotamus) ที่ทำนายว่า ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง โดยเลือกกินฟักทองที่แกะชื่อผู้สมัครรีพับลิกันแทนการเลือกกินอีกชิ้นที่แกะชื่อ กมลา แฮร์ริส เฟซบุ๊กรายหนึ่ง กล่าวว่า หมูเด้งเลือกกินฟักทอง เป็นการส่งสารแสดงความยินดีกับทรัมป์ในนามฮิปโป
อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยกย่องทรัมป์ว่า “กลับมาชัยชนะทางการเมืองอย่างน่าทึ่ง”แถลงการณ์ อันวาร์ กล่าวว่า “มาเลเซียพร้อมก้าวไปข้างหน้าด้วยการมองในแง่ดีถึงความร่วมมือและร่วมวัตถุประสงค์กัน รวมทั้งการขอให้อเมริกาพิจารณาใช้อิทธิพลที่มีช่วยยุติความรุนแรงในปาเลสไตน์”
ในการแถลงข่าว อันวาร์ กล่าว “หวังเป็นอย่างยิ่งว่าชัยชนะของทรัมป์ จะมีผลทางบวกต่อสันติภาพในกาซา” มองเผินๆ อาจประหลาดใจเพราะทรัมป์ ยังสนับสนุนอิสราเอล แต่ชาวมาเลเซียจำนวนมากมีอารมณ์ร่วมกับมุสลิมอเมริกัน สนับสนุน ทรัมป์เพราะว่า ภายใต้รัฐบาลเดโมแครตที่อิสราเอลทำสงครามในกาซา
ทางด้านเศรษฐกิจ มาเลเซียได้ประโยชน์จากสมัยที่สองของทรัมป์ วินเซนต์ ลู นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า มาเลเซียคาดหมายความต้องการส่งออกเพิ่มขึ้น จากการแข่งขันการค้าจีน-อเมริกา ถึงแม้ว่าขึ้นภาษีและกีดกันการค้า แต่ปริมาณการส่งออกมาเลเซียต้องเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลอว์เรนซ์ หว่อง แสดงความยินดีอย่างจริงใจต่อทรัมป์ เขากล่าวว่า “ชาวอเมริกันให้ อาณัติเขาท้วมท้น” เพื่อนำอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง เขาแสดงเจตจำนงทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่อย่างใกล้ชิด
เหมือนกับประเทศอื่นๆในอาเซียน สิงคโปร์โฟกัสประเด็นยุทธศาสตร์แข่งขันจีน-สหรัฐเป็นต้นหนนำทางเศรษฐกิจที่โลกต้องพึ่งพาการค้า สิงคโปร์ ไม่เสียหายมาก หากสงครามการค้าจีน-สหรัฐรุนแรง เทมาเส็กบริษัทการลงทุนที่รัฐเป็นเจ้าของเตือนว่า การนำของทรัมป์ ทำให้การเติบโตชะลอทั่วโลก ภาษีสูงขึ้นและความไม่แน่นอนมากขึ้น
ดร.เอเดรียน อึ่ง กล่าวกับสำนักข่าวแชนแนล นิวส์ เอเซีย ว่า “สิงคโปร์ ต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาติอื่นๆ ในอาเซียน คือยึดมั่นปฏิญญาการค้าพหุภาคี ในการเผชิญหน้ามาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐ”
กัมพูชา ผู้นำสองพ่อลูกนายกรัฐมนตรี ฮุนมาเนต กับประธานรัฐสภา ฮุนเซน ต่างก็แสดงความยินดีต่อทรัมป์อย่างจริงใจ ที่กลับเข้าทำเนียบขาวครั้งประวัติศาสตร์ การแสดงความคิดเห็นตรงๆฮุนเซน ให้เหตุผลสามประการที่ทรัมป์ชนะแฮร์ริส 1.สังคมอเมริกันไม่พร้อมรับสตรีเป็นผู้นำ 2.พระเจ้ากำหนดให้ทรัมป์ต้องมาต่อสู้กับผู้หญิง และ 3.ชาวอเมริกันให้ความสำคัญกับสันติภาพกว่าสงครามในยูเครนและอิสราเอล
การแสดงความคิดเห็นยืนยันว่า ฮุนเซน ยังมีอิทธิพลเหนือใครในกัมพูชา ถึงแม้ว่าเขาโอนอำนาจให้ลูกชายแล้วก็ตาม ผู้นำทั้งสองคน ยินดีต้อนรับการกลับมาของทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐ“ไม่ให้ความสำคัญสิทธิ์มนุษยชนและประชาธิปไตย” ในขณะที่ กัมพูชากังวล เรื่องจีนครอบงำการค้า เหมือนชาติอื่นๆ ในอาเซียนนักวิเคราะห์ท้องถิ่นกล่าวว่า ทรัมป์อาจโฟกัสการค้าทวิภาคี และให้สิทธิพิเศษทางการค้าเพื่อเอาใจกัมพูชา
ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ของอินโดนีเซียที่เพิ่งรับตำแหน่งแสดงความยินดีต่อทรัมป์อย่างจริงใจ และยินดีในความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของสองชาติ โฆษกประจำตัว ปราโบโว ยืนยันว่าในการเดินทางไปสหรัฐเขาจะพบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน และอาจเป็นผู้นำอาเซียนคนแรก ที่ได้พบทรัมป์ตั้งแต่ชนะเลือกตั้ง
ปราโบโว เคยถูกแบนไม่ให้เข้าสหรัฐเพราะละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่คำสั่งห้ามเข้าสหรัฐถูกยกเลิกสมัยทรัมป์ เป็นรัฐบาลครั้งแรก คาดหมายว่า จะเสริมสร้างความสัมพันธ์เมื่อทรัมป์กลับมาเป็นรัฐบาล เนื่องจากทั้งสองคนเป็นผู้นำแข็งกร้าวเหมือนกัน และในฐานะที่อินโดนีเซียพึ่งพาการส่งออกสินค้าไปอเมริกาน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน บางทีอาจเป็นเกราะกำบังผลกระทบรุนแรงจากมาตรการกีดกันการค้าของทรัมป์
เวียดนามเป็นชาติสุดท้ายที่มีปฏิกิริยาต่อผลการเลือกตั้ง พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม แสดงความยินดีและยืนยันความเป็นหุ้นส่วนทวิภาคี ในฐานะเป็นฐานการส่งออกที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐฯ เวียดนามเตรียมรับผลกระทบจากมาตรการภาษีและต่อต้านทุ่มตลาดการค้า อย่างไรก็ตาม เวียดนามมีศักยภาพรองรับการย้ายฐานผลิตจากจีนมาเวียดนาม ซึ่งเวียดนามได้เห็นแล้วว่า บริษัทใหญ่ เช่น ซัมซุงและเดลล์ ย้ายฐานการผลิตจากจีนไปยังประเทศชายฝั่งที่เป็นมิตรกว่า
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เวียดนามกล่าวก่อนเลือกตั้งว่า เวียดนามคงไม่พอใจอยู่ในฐานะเดิมตลอดไป (เวียดนามได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าและภาษีจากสหรัฐอเมริกา=ผู้เขียน) ด้านนโยบายการค้ากับสหรัฐ เพื่อลดความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง เวียดนามอาจถูกผลักดันให้ละทิ้งการทูตไผ่ลู่ลมและเลือกข้างระหว่างจีนกับอเมริกา
ทั้งหมดเป็นการวิเคราะห์ขององค์กรที่มีอิทธิพลเหนือพรรคการเมืองในอเมริกา เชื่อว่าผู้อ่านมีวิจารณญาณบอกได้ว่าผู้นำทางการเมืองไทยกับประเทศอาเซียนด้วยกันมีความแตกต่างกันอย่างไร
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี