วันนี้อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร และ“ตระกูลชินวัตร”ใหญ่คับฟ้าเมืองไทยจริงๆ จะเอาอะไรก็ได้ จะทำอะไรก็ได้ ไม่มีใครสามารถขัดขวางได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะถูกต้องชอบธรรมหรือไม่
หนีโทษคดีทุจริตไปหลบอยู่ในต่างประเทศโดยคนทั้งโลกเห็น แต่ตำรวจไทยไม่เห็น 15 ปีกว่า กลับมาก็ไม่ต้องติดคุก และมีอภิสิทธิ์เหนือนักโทษคนอื่นๆ เกือบ 3 แสนคนในประเทศนี้ รวมทั้งอยู่เหนือกฎหมายที่คนไทย 70 ล้านคนต้องปฏิบัติตาม
ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษจากโทษจำคุก 8 ปี เหลือ 1 ปี ก็ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แต่กลับใช้พรรคเพื่อไทยซึ่งคนทั่วไปรับรู้ว่า“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นเจ้าของพรรค สั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์โดยไม่ต้องติดคุก ด้วยการพักอาศัยอยู่ห้อง“วีไอพี”บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ดังที่มีคนยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมพิจารณาในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ ว่าจะรับคำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระยื่นร้องหรือไม่
สำคัญยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่“แพทองธาร ชินวัตร”ผู้เป็นบุตรสาว ซึ่งไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน “ทักษิณ ชินวัตร”ก็ยังสามารถเข็นขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ได้ และเวลานี้ก็ได้แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า ในการเข้าร่วมประชุมเวทีโลกได้สร้างความอับอายขายขี้หน้าให้แก่ประเทศ ทั้งไม่รู้กาลเทศะ และการใช้ภาษาอังกฤษที่ผิดๆ ถูกๆ
กระทั่งเป็นข่าวไวรัลที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์กันอย่างแพร่หลายในเวลานี้ กรณีที่สหรัฐอเมริกาได้ถอดเทปการเจรจาระหว่าง “แพทองธาร ชินวัตร” กับ“แอนโทนี บลิงเคน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในการประชุม“ASEAN Summit”ที่ประเทศลาวเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า นายกรัฐมนตรีไทยพูดภาษาอังกฤษแบบฟังไม่รู้เรื่อง ซึ่งคู่สนทนาคือ“บลิงเคน”มิอาจจับประเด็นได้ว่า “มาดามแพ”กำลังสื่อสารเรื่องอะไร
ถึงกระนั้นก็ตาม “ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เป็นบิดาก็ยังยืนยันว่า บุตรสาวของตนเองเก่งกาจสามารถในความเป็นผู้นำ ทั้งนี้จากการให้สัมภาษณ์“Nikkei Asia”สื่อจากญี่ปุ่น ที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านเว็บไซต์เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยทักษิณกล่าวว่า“แพทองธาร ชินวัตร”ประสบความสำเร็จในการผสมผสานประสบการณ์ของเธอ ในฐานะนักการเมือง กับความคิดของคนรุ่นใหม่
อย่างไรก็ดี การใหญ่คับฟ้าเมืองไทยของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร และ“ตระกูลชินวัตร”ดังที่ว่ามานั้น ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ทักษิณกำลังจะท้าทายคนไทยทั้งประเทศ ด้วยการพา“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”น้องสาวที่เป็นนักโทษหลบหนีคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวกลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุก
“ทักษิณ ชินวัตร”ให้สัมภาษณ์“Nikkei Asia”เกี่ยวกับ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ว่า อาจจะสามารถกลับไทยได้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีหน้า ซึ่งทักษิณกล่าวว่า “ผมไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรที่ขัดขวางเธอ (ยิ่งลักษณ์) ไม่ให้กลับบ้าน ผมคิดว่าเธออาจจะกลับมาก่อนหน้านั้นนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม”
อันที่จริงแล้ว“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ซึ่งมีโทษจำคุกติดตัว 5 ปี และเวลานี้คนไทยทุกคนรู้ว่าหลบหนีอย่างเปิดเผยอยู่ในอังกฤษ แต่ทางการไทยหูหนวกตาบอดจึงตามจับตัวไม่ได้ อยากจะกลับเข้ามาประเทศไทยวันไหนก็ได้ ไม่มีใครขัดขวาง ถ้ากลับเข้ามาแล้วยอมติดคุกในเรือนจำตามโทษทัณฑ์ที่มีอยู่
ทั้งนี้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ซึ่งในปัจจุบันเปลี่ยนสัญชาติไทยเป็นสัญชาติเซอร์เบีย ได้หลบหนีออกจากประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติด้านชายแดนกัมพูชา ในปลายเดือนสิงหาคม ปี 2560 โดยได้ไปพักอาศัยอยู่กับ“ทักษิณ ชินวัตร”ที่ดูไบ ก่อนจะย้ายไปอยู่กรุงลอนดอนในอังกฤษหลังจาก“ทักษิณ”กลับเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566
“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาลับหลัง เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560 ในคดีที่ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว จนเป็นเหตุทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท โดยสั่งจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี ไม่รอลงอาญา พร้อมออกหมายจับ
และคดีเดียวกันนี้ มี 2 รัฐมนตรีที่อยู่ในคณะรัฐบาลของ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ติดคุกอยู่ในเรือนจำโดยที่ไม่ได้หลบหนีตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2560 เป็นต้นมา คือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีโทษจำคุก 48 ปี และนายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยฯพาณิชย์ มีโทษจำคุก 36 ปี
รวมแล้วคดีนี้มีผู้กระทำผิดที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษจำคุกทั้งหมด 27 คน ซึ่งนอกจาก“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ กับนายนายภูมิ สาระผล ในระดับหัวแถวแล้ว ก็ยังมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงพาณิชย์ 2 คน และพ่อค้าข้าวรายสำคัญอีก 1 คน
คือ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าข้าวต่างประเทศ มีโทษจำคุก 40 ปี, นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมค้าข้าวต่างประเทศ มีโทษจำคุก 32 ปี และ“เสี่ยเปี๋ยง” หรือนายอภิชาติ จันทร์สกุลพ่อค้าข้าวที่มีสัมพันธ์แนบแน่นกับ“ตระกูลชินวัตร” มีโทษจำคุก 48 ปี
สุดท้ายแล้ว แม้ว่าเวลานี้“ทักษิณ ชินวัตร” และ“ตระกูลชินวัตร”จะใหญ่คับฟ้าแค่ไหน แต่ถ้าคิดจะพา“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”กลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุก ก็คงต้องถามคนไทยที่ไม่ได้กินหญ้ากินแกลบ-ว่าจะยอมหรือไม่ ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี