ปัญหาเรื่องที่ดิน ปัญหาการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ เป็นเรื่องสำคัญ
กรณีศึกษาที่มีการดำเนินคดี ถึงขนาดศาลพิพากษาจำคุกข้าราชการระดับผู้ว่าราชการจังหวัด มีให้เห็นแล้ว
ล่าสุด คือ กรณีอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต โดนร่วมไปกับเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดด้วย จำคุก 5 ปี (แต่คดียังไม่ถึงที่สุด)
คดีนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 พิพากษา กรณีอนุมัติออกโฉนดที่ดินเลขที่ 35753 , 35754 ตำเบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขารวก - ป่าเขาเมือง และเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถเต็มทั้งแปลงมิชอบ โดยอาศัยแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน หรือ ส.ค.1 เลขที่ 423
สำนักข่าวอิศรา ได้สรุปข้อสังเกตอันเป็นอุทาหรณ์ และบทเรียนที่น่าสนใจ กล่าวโดยสรุป ดังนี้
1. เคยถูกระงับการออกเอกสารสิทธิแล้ว เพราะอยู่ในเขตป่าสงวน
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2540 จําเลยที่ 4 ได้ยื่นคําขอออกโฉนดที่ดิน โดยอาศัยหลักฐานการแจ้งการครอบครอง ส.ค. 3 เลขที่ 423 ดังกล่าว
ซึ่งเป็นที่ดินที่จําเลยที่ 4 ไม่มีสิทธิครอบครองและเป็นที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขารวก - ป่าเขาเมือง และเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ
แต่คณะกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ส่วนจังหวัดภูเก็ต (กปร.) ในการประชุม ครั้งที่ 2/2541 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2541 ได้พิจารณาเกี่ยวกับหลักฐาน ส.ค. 6 เลขที่ 423 ดังกล่าวแล้ว มีมติว่า ส.ค. 2 เลขที่ 423 เป็นเอกสารที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย หลายประการ และตําแหน่งที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขารวก - ป่าเขาเมือง และ เขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ
และมีมติให้สํานักงานป่าไม้จังหวัด และอุทยานแห่งชาติสิรินาถดําเนินคดีกับผู้บุกรุก และให้สํานักงานที่ดินจังหวัดจังหวัดภูเก็ต ระงับการออกเอกสารสิทธิในที่ดินดังกล่าวและดําเนินคดี ในความผิดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
หลังจากนั้น ผ่านไป 7 ปี ก็ยังคงมีการออกโฉนดกันจนได้
2. พฤติการณ์อุกอาจมาก
ระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม 2548 ถึงวันที่ 26 มิถุนายน 2550 ผู้ว่าฯ ภูเก็ต และเจ้าพนักงานที่ดิน ได้ดําเนินการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 35753 และ 35754 ตําบลเชิงทะเล อําเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขารวก - ป่าเขาเมือง และเป็น เขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ โดยมิชอบด้วยกฎหมายให้กับจําเลยที่ 4
เริ่มจากวันที่ 25 พฤษภาคม จําเลยที่ 4 ได้นําหลักฐานการแจ้งการครอบครอง ส.ค. 1 เลขที่ 423 หมู่ที่ 4 ตําบลเชิงทะเล อําเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ยื่นคําขอออกโฉนดที่ดินที่สํานักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ส่วนแยกกลางอีกครั้ง
ทั้งที่ก่อนที่จําเลยที่ 4 จะนําหลักฐาน ส.ค. 1 เลขที่ 423 ดังกล่าวยื่นคําขอออกโฉนดนั้น ยังมีการโต้แย้ง สิทธิการครอบครองในที่ดินกันอยู่ซึ่งเป็นคดีอาญาอยู่ในศาลจังหวัดภูเก็ต และการขอออกโฉนดจาก ส.ค. 1 เลขที่ 423 ดังกล่าว จําเลยที่ 4 ได้เคยมาขอยื่นรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินมาก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2540 แต่เจ้าพนักงานที่ดินได้สั่งให้ระงับการออกเอกสารสิทธิ เนื่องจากคณะกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ส่วนจังหวัดภูเก็ต (กปร.) ได้มีมติให้สํานักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ระงับการออกเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าว
ตําแหน่งที่ดินดังกล่าว อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขารวก - ป่าเขาเมือง และเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ซึ่งต้องห้ามมิให้ออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ข้อ 14 (4)
ที่ดิน ส.ค. 1 ฉบับดังกล่าว มีการแก้ไข เพิ่มเติม ตัดทอนในเอกสาร
ต่อมา เมื่อสํานักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ส่วนแยกถลาง (ปัจจุบันคือสาขาถลาง) ได้รับคําขอออกโฉนดที่ดินของจําเลยที่ 4 ดังกล่าวแล้ว ได้มีการดําเนินการรังวัด ที่ดิน ส.ค. 1 เลขที่ 423 โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายรังวัดได้เสนอข้อเท็จจริงและความเห็น สรุปได้ว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรและที่ดินแปลงนี้เคยนํารังวัดป่าสงวนแห่งชาติป่าเขารวก - เขาเมือง และเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และออกโฉนดแล้วตามคําขอที่ 58/58 ลงวันที่ 4 เมษายน 2540 มีข้อขัดข้องหลายประการและได้ส่งเรื่อง ให้กับ กปร.จังหวัดพิจารณาตามรายงานครั้งที่ 2/2541 วันที่ 24 เมษายน 2541 มีมติให้สํานักงานที่ดิน จังหวัดระงับการออกโฉนด
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2550 และวันที่ 20 เมษายน 2550 อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ได้มีหนังสือเรื่องการออกโฉนดที่ดินเฉพาะราย ถึงจําเลยที่ 2 ในฐานะเจ้าพนักงานที่ดิน หัวหน้าส่วนแยกถลาง ทักท้วงถึง 2 ครั้งเกี่ยวกับพื้นที่ที่จําเลยที่ 4 นํามาขอออกโฉนดว่า ควรรอผลคดีที่พนักงานอัยการ จังหวัดภูเก็ตเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาบริษัทรายัน โฮลดิ้ง จํากัด กับนางสวรรยา ศิริพงศ์ (จําเลยที่ 4)เป็นจําเลยต่อศาลจังหวัดภูเก็ต ในข้อหาร่วมกันยึดถือครอบครอง แผ้วถาง ก่อสร้าง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและในเขตอุทยานแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตว่าเป็นประการใดแล้วจึงจะพิจารณาดําเนินการในการขอออกโฉนดที่ดินรายนี้ต่อไป
ถึงกระนั้น จําเลยที่ 3 ในฐานะเจ้าพนักงานที่ดิน หัวหน้าส่วนแยกถลาง จัดทําบันทึกสํานักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตส่วนแยกถลางที่ ภก0019.0001/6793 พร้อมทั้งเอกสารเรื่องราวการออกโฉนดที่ดิน
โดยเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นไปยังเสนอจําเลยที่ 1 ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผ่านจําเลยที่ 2 ในฐานะเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ผู้ว่าสั่งการให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้กับจําเลยที่ 4 ตามคําขอ
ต่อมา เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2550 จําเลยที่ 2 ในฐานะเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต จัดทําบันทึกสํานักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต กลุ่มงานวิชาการที่ดิน ที่ กค 0019.5/8935 วันที่ 25 มิถุนายน 2550 โดยเร่งรีบ เสนอข้อเท็จจริงรวมทั้งความเห็นต่อจําเลยที่ 1 ให้พิจารณาอนุมัติสั่งการให้ออกโฉนดที่ดินให้กับจําเลยที่ 4 เช่นเดียวกับความเห็นที่จําเลยที่ 3 ได้เสนอ
และในวันเดียวกันนั้น (วันที่ 25 มิถุนายน 2550) เมื่อจําเลยที่ 1ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้รับบันทึกข้อความพร้อมเรื่องราวการขอออกโฉนดที่ดินทั้งหมดและ ความเห็นของจําเลยที่ 3 และของจําเลยที่ 2 เสนอแล้ว
จําเลยที่ 1 (ผู้ว่าฯ ในขณะนั้น) ซึ่งมีหน้าที่ทํา ดูแลหรือจัดการทรัพย์ที่ดินของรัฐ มีอํานาจหน้าที่พิจารณาอนุมัติให้ออกโฉนดที่ดินในเขตจังหวัดภูเก็ตให้ถูกต้องโดยชอบ ด้วยกฎหมาย โดยมีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและความชอบด้วยกฎหมายของหลักฐานการแจ้ง เลขที่ 423 หมู่ที่ 4 ตําบลเชิงทะเล อําเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ที่จําเลยที่ 4 นํามาขอออกโฉนดที่ดินว่าเป็น ส.ค. 1 ที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และต้องพิจารณาผลการตรวจพิสูจน์ที่ดินของคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดิน ตามข้อ 10 (3) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ที่ได้พิสูจน์สอบสวนที่ดินของจําเลยที่ 4 ที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติว่าจําเลยที่ 4ได้ครอบครองและทําประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมายมาก่อนวันที่ทางราชการกําหนด ให้ที่ดินนั้นเป็นป่าสงวนแห่งชาติหรืออุทยานแห่งชาติหรือไม่ และสมควรออกโฉนดที่ดินให้หรือไม่ เพียงใดด้วย ก่อนพิจารณาสั่งการอนุมัติให้ออกโฉนดที่ดินให้แก่จําเลยที่ 4ผู้ขอให้เป็นไปโดยถูกต้องตามที่กฎหมาย กําหนด
แต่จําเลยที่ 1 กลับใช้อํานาจในตําแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต โดยทุจริต ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ด้วยการเร่งรีบลงนามเกษียณอนุมัติ
สั่งการให้เจ้าพนักงานที่ดินดําเนินการออกโฉนดที่ดินให้กับจําเลยที่ 4 ผู้ขอ ตามที่จําเลยที่ 2 ได้เสนอ
วันรุ่งขึ้น 26 มิถุนายน 2550 จําเลยที่ 2 ในฐานะเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้มีหนังสือแจ้งให้ แจ้งให้จําเลยที่ 3 ในฐานะเจ้าพนักงานที่ดินหัวหน้า ส่วนแยกถลาง ดําเนินการออกโฉนดที่ดินให้กับจําเลยที่ 4 ผู้ขอ
3. คำพิพากษาของศาลปราบโกง ได้ชี้ให้เห็นว่า
“...ปรากฏจากบันทึกข้อความของจําเลยที่ 3 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ไล่เลียงเรื่องราวการขอเอกสารสิทธิของจําเลยที่ 4 ตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อปี 2540 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจําเลยที่ 3 รับรู้ รับทราบ ถึงเหตุขัดข้องในการออกเอกสารสิทธิ มาก่อน ประกอบกับการที่มีหนังสือของหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ฉบับลงวันที่ 20 เมษายน 2550 อีกฉบับหนึ่งที่ได้แจ้งความคืบหน้าในการดําเนินคดีอาญาแก่จําเลยที่ 4 กับพวก เพื่อให้ชะลอการดําเนินการออกโฉนดที่ดินไว้ก่อน
..การที่จําเลยที่ 3 เสนอความเห็นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตจําเลยที่ 1 เช่นนั้นโดยไม่ได้กล่าวถึงการดําเนินคดี ในส่วนอาญาแก่จําเลยที่ 4 กับพวก ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
โดยหยิบยกเฉพาะผลคําพิพากษา ในคดีฟ้องขับไล่มาเป็นเหตุผลและไม่รับฟังคําอ้างอิงของหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถซึ่งเป็นส่วนราชการ ที่มีหน้าที่ดูแลปกป้องที่ดินของรัฐ ตามหนังสือที่แจ้งมาถึง 2 ครั้ง มิให้มีการนําไปออกเอกสารสิทธิ โดยมิชอบอันเป็นการรักษาผลประโยชน์ของราชการไม่ได้กระทําเป็นการส่วนตัวจึงเป็นการเร่งรัด ดําเนินการออกโฉนดที่ดินที่ย่อมเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่จําเลยที่ 4
ต่อมาจําเลยที่ 2 เจ้าพนักงานที่ดิน จังหวัดภูเก็ต ได้มีบันทึกข้อความลงวันที่ 25 มิถุนายน 2550 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และมีความเห็น ตามจําเลยที่ 3
... ซึ่งในวันเดียวกันนั้น จําเลยที่ 1 ในตําแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตก็มีคําสั่งอนุมัติให้ดําเนินการออกโฉนดที่ดินแก่ผู้ขอ
... การที่จําเลยที่ 1 มีมติให้ออกโฉนดที่ดินให้แก่จําเลยที่ 4 ตามที่จําเลยที่ 2 โดยไม่ได้พิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ถี่ถ้วนรอบด้านในทุกประเด็นตามที่มีแนวปฏิบัติตามประเด็น ข้อหารือที่กรมที่ดินวางไว้ข้างต้น จึงมีลักษณะเป็นการกระทําอย่างรวบรัดผิดวิสัย
...เชื่อว่าก่อนหน้าจําเลยที่ 4 ไม่สามารถดําเนินการขอออกโฉนดที่ดินได้ด้วยเหตุผลนานัปการดังกล่าว และได้มายื่นขอออกโฉนดที่ดินต่อจําเลยที่ 2 ในครั้งนี้ การยื่นขอออกโฉนดของจําเลยที่ 4 จึงส่อไปในทางที่ไม่สุจริต คบคิดวางแผนกับจําเลยที่ 2 ร่วมกันนําเอกสาร ส.ค.1 ที่ได้มาโดยไม่ชอบนํามาเป็นหลักฐาน แล้วจําเลยที่ 1 อนุมัติอย่างเร่งรีบออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยที่ 4 โดยการเสนอของจําเลยที่ 3 ผ่าน ทางจําเลยที่ 2 ชี้ให้เห็นถึงเจตนาที่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่จําเลยที่ 4ซึ่งก่อนหน้าไม่เคยมีผู้ว่าราชการจังหวัด คนใดอนุมัติมาก่อน อันเนื่องมาจากเป็นการออกโฉนดที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติและอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ตามการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
การกระทําของจําเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ดังกล่าว ซึ่งตาม ประมวลกฎหมายที่ดินและกฎกระทรวงได้กําหนดอํานาจหน้าที่ให้เป็นผู้พิจารณาสอบสวนสิทธิ์ในที่ดิน และอนุมัติออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ร้องขอ ตามหลักฐานการครอบครองที่มีอยู่ ถือว่าจําเลยที่ 1 ถึงที่ 3เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทํา ดูแล หรือจัดการทรัพย์ที่ดินของรัฐ เมื่อร่วมกันกระทําการโดยทุจริต ออกโฉนดที่ดินให้แก่จําเลยที่ 4 โดยผิดกฎหมาย จึงย่อมมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ซื้อทําจัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อํานาจในตําแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ตามที่โจทก์ฟ้อง ซึ่งจําเลยที่ 4 ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกระทําความผิดกับจําเลยที่ 2 ถึงที่ 3 จึงย่อมเป็นความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ดังกล่าวข้างต้นด้วย
...ทางไต่สวนฟังได้ว่าการออกโฉนดที่ดินนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวข้างต้น จึงให้เพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองฉบับตามที่โจทก์ขอ
...พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม)ประกอบมาตรา 83 และจําเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 150 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 ให้จําคุกจําเลยที่ 1 ถึงที่ 3 คนละ 5 ปี จําคุกจําเลยที่ 4 มีกําหนด 3 ปี 4 เดือน และให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 35753 และ 35754 ตําบลเชิงทะเล อําเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต และหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินที่ออกหรือแบ่งแยกจากโฉนดที่ดินดังกล่าว..”
ถือเป็นบทเรียน กรณีศึกษาที่น่าสนใจ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี