สัปดาห์ที่ผ่านมา สภากาแฟแล คอการเมืองต่างวี้ดว้ายกระตู้วู้สนทนากันสนุกปากสนุกคำหลังสัมภเวสีเฒ่าใช้เดรัจฉานวิชา แปลงกายจาก“ผู้ไข้-ป่วยทิพย์” มาเป็น “พญาเสือ”ไล่ล่าคนตาบอดที่ “เมืองหลวงคนเสื้อแดง” เมืองศูนย์กลาง “นปช. /-แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ”

ที่ “กุมภวาปี ณ วัดศรีนคราราม” .. “ทักษิณ”ก้าวขึ้นเวทีปราศรัยด้วยพฤติกรรมของบุรุษที่สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น ด้วยอากัปกิริยา กู!! คือนายใหญ่รัฐบาล ... กูนี่แหละเจ้าของน้ำเชื้อเป็นผู้ครอบครองเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าของพรรค “แกนนำรัฐบาล” อย่างไม่ยี่หระใคร

สร้างวาทกรรมปลิ้นปล้อน...คิดฮอดพี่น้องคนอุดรฯ หลายเด้อ นี่ 18 ปีเพิ่งจะได้ปราศรัยครั้งแรก 18 ปีนี้รวยขึ้นหรือยัง สมัยประชานิยมระบอบทักษิณเรืองอำนาจคนอุดรฯมีควายหลายตัว วันนี้ขายหมดเหลือแต่ชีวิต ขอบคุณพี่น้องชาวอุดรฯ17 ปีที่ออกไปไม่เคยลืม

ชาติหมาอดกินขี้ไม่ได้ ฉันใด สัมภเวสีเฒ่าก็ฉันนั้น สำรอกสำรากไม่ครอบงำรัฐบาล ทว่า บนเวทีปราศรัยพฤติกรรมเดิมๆ “ประชานิยม ... เตรียมแจกคนละ 10,000 บาท เฟสสอง ลดหนี้สิน - เพิ่มรายได้เกษตรกร, ค่าแรงขึ้นได้แน่”

หมากินขี้จนเคยชิน ทักษิณจึงเป็นแต่สั่งการด้วยความลำพองโดยไม่ทันฉุกคิดว่านี่คือคำสารภาพผิดตามมาตรา 28 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560

พลาดไปแล้วจะทำอย่างไรเล่า จะสั่งการบัญชาการ 9 ตุลาการรัฐธรรมนูญได้เยี่ยงนั้นจริงหรือ “บกพร่องโดยสุจริต” ภาคสองคงเป็นไปไม่ได้

ยังมีประเด็นที่น่าสนใจกับการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี เข้าข่าย “ปลาหมอตายเพราะปาก”

เรื่องหนี้สินประชาชนที่จะต้องลดลงนายกฯอิ๊งค์ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือน

กระทรวงการคลังก็ “พิชัย ชุณหวชิร” สมาชิก “แอนิมอลฟาร์มจันทร์ส่องหล้า” ถือเป็นธรรมชาตินักการเมืองย่อมนิยมการประพฤติตนตามเสียงสั่งการหมอบคลานยกขาสวัสดี เรื่องพวกนี้นายใหญ่ฝึกมาให้หมดแล้ว

ทว่าการร่วมมือกับ “ธนาคารแห่งประเทศไทย”ในที่นี้จะหมายความถึง “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย” คงเป็นไปไม่ได้แน่ เพราะมีพฤติกรรมแสดงออกชัดเจนว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด และท่านผู้ว่าฯที่ตระหนักถึงอนาคตเศรษฐกิจประเทศจะหมดวาระในเดือนกันยายน 2568 อยู่แล้ว

ดังนั้นการเลือกอดีตรัฐมนตรีในสังกัดพรรคไทยรักไทย (เพื่อไทยในปัจจุบัน) อย่าง“บิ๊กโต้ง/-กิตติรัตน์ ณ ระนอง /-คนศีลเสมอ”มาดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติจึงเป็นการเตรียมไว้ล่วงหน้า

ขุด“ระบอบทักษิณ”ขึ้นจากหลุม นำการเมืองเข้าไปชี้นำครอบงำนโยบายการเงินให้เป็นเครื่องมือทางการคลัง เพื่อผลทางการเมืองในระยะสั้น
เหมือนทารุณกรรมสัตว์จันทร์ส่องหล้า เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนถ่ายเดียว สังคมไทยและประเทศชาติไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

เสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของ “ธนาคารกลาง” จะสั่นสะเทือนอย่างไรนับต่อแต่นี้

ฤๅจะเจ็บแล้วจำ, เจ็บแล้วทนยอมให้สัมภเวสีเฒ่าสนตะพายอย่างที่ผ่านมา

ฉิบหาย ... หายนะศรัทธาความน่าเชื่อถือของประเทศจะล้มละลายหรือไม่ ซ.ต.พ.งั้นหรือ !?!?!

“ทักษิณ”ต้องอย่าลืมว่า “น้ำตา” มักมากับประโยคบอกเล่า “น้ำเน่า”มักมากับประโยคบอกรัก