นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยคดีละเมิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 และเป็นผู้ถูกร้องที่ 1 ที่ ทนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ร้องศาลรัฐธรรมนูญ ข้อหาฝ่าฝืนมาตรา 29 ที่บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือ ชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมือง หรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรง หรือโดยทางอ้อม ผู้ฝ่าฝืนมีโทษตาม มาตรา 108 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเดียวกัน
ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดพิจารณารับคำร้อง6 ประเด็น ที่รวมข้อกล่าวหาอื่นๆ ไว้พิจารณาหรือไม่ในวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผู้ถูกร้องที่ลุ้นด้วยใจระทึกปากกล้า ขาสั่น ลั่นวาจาว่าตนเป็นฝ่ายถูกครอบงำจากนายกรัฐมนตรีที่ผู้ถูกร้องที่ 1 เองครอบครอง
ข้อกล่าวที่ 1 ใน 6 ข้อ ทนายธีรยุทธ ร้องว่ากรณีที่ 1.ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปี โดยพบว่าถูกร้องที่ 1ใช้พรรคผู้ถูกร้องที่ 2 (เพื่อไทย) เป็นเครื่องมือควบคุม การบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการรัฐบาล ผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจให้เอื้อประโยชน์ แก่ผู้ถูกร้องที่ 1 ระหว่างต้องโทษจำคุกได้พักอาศัยอยู่ห้องพักชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเพื่อไม่ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว
เป็นการฝ่าฝืนไม่น้อมรับโทษจำคุกในเรือนจำตามพระบรมราชโองการ การกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1 เป็นการกระทำที่ไม่บังควรอย่างยิ่งทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพส่งผลให้เกิดการเซาะกร่อน บ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์ในที่สุด
ข้อกล่าวหาอื่นๆ อีก 5 กระทง ล้วนแต่เกี่ยวเนื่องข้อกล่าวหาว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ครอบงำ สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 กระทำตามหลายกรรมหลายวาระ อาทิ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษานายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในความผิดฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรงที่ตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน ผู้ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญเป็นรัฐมนตรี
ตอนเย็นวันเดียวกัน ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้โทรศัพท์เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเข้าหารือด่วนที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อหารือแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทนนายเศรษฐา
นายทักษิณปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า “ไม่มีอะไรวันนั้นชวนพรรคร่วมรัฐบาลกินมาม่ากัน” นายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็น หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ที่เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าในวันนั้น กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ไปพูดคุยกันธรรมดา แต่ออกมาก่อน ไม่ได้อยู่กินมาม่า”
หลังจากใช้วาทกรรม กินมาม่าสองวันผู้ถูกร้องที่ 1 ไปช่วยหาเสียงผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งมีแฟนคลับนับหมื่นคนมาฟังคำปราศรัย ด้วยความตั้งใจแก้ข้อกล่าวหาครอบงำผู้ถูกร้องที่ 2 หรือไม่ ไม่อาจทราบได้
ในคำปราศรัยตอนหนึ่ง นายทักษิณพูดว่า “นายกฯอิ๊งค์ครอบงำ ขอให้ผมทำโน่นทำนี่ด้วยความรักลูกผมทำตามคำขอหลายอย่าง...ผมมีตำแหน่ง สทร. (เสือกทุกเรื่อง)” คำพูดของ ผู้ถูกร้องท่ี 1 นอกจากพยายามแก้ข้อกล่าวหาครอบงำ แล้วเขายังเหมาะสมตำแหน่ง สทร.ทุกประการ ศาลฯ จะพิจารณา สทร.เป็นความชอบธรรมของผู้ถูกร้องที่ 1 หรือ ไม่ก็ตามแต่นั้นเป็นพฤติกรรมที่เขาทำมานานแล้ว
บนเวทีปราศรัยวันนั้นนอกจากพูดว่าเขาถูกลูกสาวซึ่งเป็นนายกฯครอบงำแล้ว เขายังพูดในเรื่องเกินภาระหน้าที่ของนายก อบจ.เช่น เรื่องรัฐบาลแจกเงินหนึ่งหมื่นบาท ให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน เป็นกลุ่มแรกว่า“เงินหมื่นบาทได้รับกันแล้ว ช่วยแก้จนได้บ้าง...ไม่ต้องกลัว เงินหมื่นรอบใหม่มาอีก นายกฯอิ๊งค์กลับจากต่างประเทศ จะพิจารณากับผู้เกี่ยวข้องเงินหมื่นเฟสต่อไปแจกวันไหน”..
และตอนหนึ่งในคำปราศรัยเขาพูดว่า “ผมมาอุดรเมื่อ 18 ปีก่อนอุดรมีควายมาก วันนี้ไม่ค่อยเห็นคงขายแก้จนหมดแล้ว..”ไม่เข้าใจว่า ปราศรัยเรื่องเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องชาวอุดร ทำไมถึงได้พูดเรื่องควาย แทนพูดเรื่องการทำนาราคาข้าว หรือ สินค้าราคาแพงขึ้นการพูดว่า อุดรมีควายน้อยลง ทำให้ตำแหน่ง สทร.มีความหมายเพิ่มขึ้นเป็น “เสื่อมทุกเรื่อง”
ตำแหน่ง สทร.ของเขาแปลว่า “เสื่อมทุกเรื่อง ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เช่น เรื่อง MOU 2544 ที่รัฐบาลสมัยนั้น ทำกับกัมพูชาที่หลายฝ่ายกังวลว่า อาจทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนบางส่วน และเกาะกูดให้กัมพูชา
เพื่อความเป็นธรรม ต้องพูดว่าปี 2544 เขามีความชอบธรรมในฐานะหัวหน้ารัฐบาลในเวลานั้น...แต่เขาเป็น สทร.ที่แปลว่า “เสื่อมทุกเรื่อง” ในปี 2549 ตามรายงาน กองทัพบกวิเคราะห์ MOU44 ไทยเสี่ยงเสียเกาะกูด/เชฟรอน รวย ส่วนหนึ่งของรายงานบรรยายว่า
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศตั้งคณะกรรมการร่วมเทคนิค (Joint Technical Committee หรือ JTC) ขึ้นมา เจรจา JTC มีการประชุมครั้งแรก 6-7 ธันวาคม 2544 เพื่อกำหนดเขตทางทะเลตั้งแต่ “หลักเขตที่ 73” บริเวณบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดเขตแดนทางบก ไทย-กัมพูชา แต่ไม่มีข้อสรุป จนกระทั่ง“10 สิงหาคม 2549” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ขณะนั้น ได้ไปเยือนกัมพูชา เพื่อเจรจาแสวงประโยชน์ร่วมกันในการสำรวจขุดเจาะก๊าซและน้ำมันบนพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งไทยและกัมพูชาได้ให้สัมปทานพื้นที่ทับซ้อนกับ “เชฟรอน” ไปแล้ว
ที่กล่าวว่า ในปี 2544 เขามีความชอบธรรมทำ MOU หรือ เจรจาทำข้อตกลงใดๆ กับต่างประเทศ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดว่าการทำข้อตกลงกับต่างชาติต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาดังนั้นการเจรจาหรือข้อตกลงกับฮุนเซน วันที่ 10 สิงหาคม 2549 จึงโมฆะไม่มีผลทางกฎหมายปฏิบัติไม่ได้ เพราะไปตกลงกันในขณะที่ประเทศไทยไม่มีสภา
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 โดยหวังว่าชัยชนะอย่างถล่มทลาย แต่การเลือกตั้งได้เกิดความชุลมุนวุ่นวาย ผิดกฎหมายหลายมาตรา วันที่22 เมษายน ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้การเลือกตั้งโมฆะทักษิณเป็นนายกฯรักษาการตั้งแต่นั้นมา
นายกรัฐมนตรีรักษาการ ไม่มีสิทธิเบิกงบประมาณ ไม่มีอำนาจทำโครงการใหม่ หรือเจรจาทำข้อตกลงใดๆ กับต่างชาติ เป็นที่น่าสังเกตว่าแม้แต่งานพระราชพิธีสำคัญที่ยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์นายกฯรักษาการ ไม่ได้รับมอบหมายภารกิจใดๆ ดังนั้นการที่นายกฯรักษาการไปต้อนรับจับมือกับพระราชอาคันตุกะหน้างาน จึงถูกเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังห้ามปรามตำหนิว่ามิบังควร
ซึ่งเหมือนกับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่ถูกราชองครักษ์เอามือขวาง ไม่ให้ล้ำเส้นแตกแถวไปเทียบเท่าเจ้าฟ้าเจ้านาย ระหว่างขบวนเสด็จราชดำเนินไปลงเรือพระที่นั่งในขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
นายกฯคนปัจจุบันสืบสันดาน จากจำเลยคดีอาญามาตรา 112 จึงไม่ประสีประสาราชประเพณีเหมือนบิดาที่เคยนั่งเป็นประธานทำบุญประเทศในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว
เรื่อง สทร.ของผู้ถูกร้องที่ 1 มีมากมายจนสาธยายไม่หมด และหลายครั้งเขา สทร.ไปถึงในรั้วในวัง บางครั้ง สทร.ถึงกับต้องการเป็นผู้จัดการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
วันที่ 9 ธันวาคม 2555 ชาวไทยจำนวนมากตกตะลึง ที่ ทีวี ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ถ่ายทอดสดคำปราศรัยของนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร โผล่เป็นประธานการแข่งขันชกมวยชิงแชมป์ในบ่อนพนันแห่งหนึ่งที่เกาะมาเก๊าตอนหนึ่งของคำปราศรัย ที่ช่อง 11 ถ่ายทอดสดทักษิณพูดว่า “ถ้าเห็นว่าผมมีประโยชน์ก็เอาไปใช้งานได้..ไม่ต้องตั้งเป็นองคมนตรี ให้ผมเป็นผู้จัดการสำนักงานทรัพย์สินฯผมทำงานให้ฟรี..” คำพูดในตอนนั้น ยืนยันตำแหน่ง สทร.ของเขาได้ดี
วันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ จะได้รู้กันว่าตำแหน่ง สทร.ของผู้ถูกร้องที่ 1 เข้าข่ายครอบงำตาม มาตรา 29 หรือไม่ หากศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องของทนายธีรยุทธไว้พิจารณา แสดงว่าสทร.ชวนพรรครัฐบาลกินมาม่ากับการครอบงำ เป็นพฤติกรรมเดียวกัน ส่วนวาทกรรม “กินมาม่า” อาจเกิดจากจิตใต้สำนึกที่เห็นผู้ต้องขังติดคุกติดตะราง มาม่าเป็นอาหารจานโปรดของพวกเขา
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี