อยู่ๆ บุตรชายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ออกมาโวยวายและแฉว่าไบเดนวางแผนจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่สามเพื่อจะยึดครองทำเนียบขาวต่อไป ซึ่งต้องถือว่าเป็นข่าวที่แปลกและไม่น่าจะเกิดขึ้นกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา
แต่ทว่าต้องไม่ลืมว่าการเมืองของสหรัฐอเมริกาในระยะหลังมานี้ดุเดือดเลือดพล่านและรุนแรงที่เล่นกันทุกรูปแบบ แม้กระทั่งการลอบสังหาร ดังกรณีลอบสังหารนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลายครั้งในระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง และก่อนหน้านั้นก็มีการโหมดำเนินคดีอาญามากมายเพื่อหวังกำราบนายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ให้เป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดี
ดังนั้นการที่บุตรชายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาโวยวายในเรื่องนี้ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ และมองข้ามไปไม่ได้
นั่นเพราะรัฐธรรมนูญของสหรัฐกำหนดไว้ว่า ถ้ามีสงครามเกิดขึ้นและกระทบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐอย่างรุนแรง ก็ให้ประธานาธิบดีที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าสงครามจะสิ้นสุดซึ่งเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญดังกล่าวนี้ก็เพื่อให้การบริหารจัดการที่ดำเนินมาได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐ
เพราะถ้าหากให้ประธานาธิบดีคนใหม่เข้ามารับตำแหน่ง กว่าการงานทั้งหลายจะเข้าที่เข้าทางก็จะกระทบต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ของสหรัฐดังนั้นรัฐธรรมนูญของสหรัฐจึงบัญญัติเรื่องนี้ไว้เป็นการเฉพาะ
จึงพอแลเห็นได้ว่า การที่บุตรชายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาโวยวายในเรื่องนี้ก็เพราะมีเหตุที่อาจเกิดขึ้น และอาจต้องนำรัฐธรรมนูญดังกล่าวมาใช้บังคับ นั่นคือถ้าเกิดสงครามขนาดใหญ่หรือสงครามโลกที่กระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐแล้ว นายไบเดนก็จะยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไปจนกว่าสงครามจะสิ้นสุด ในขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องยืนชะเง้ออยู่ที่รั้วทำเนียบขาวจนกว่าสงครามจะสิ้นสุดเช่นเดียวกัน
การที่บุตรชายนายโดนัลด์ ทรัมป์ มาโวยวายเรื่องนี้ก็เพราะหลังทราบผลการเลือกตั้งแล้วมีปรากฏการณ์และการกระทำของรัฐบาลสหรัฐหรือนายไบเดนหลายประการที่ทำให้คิดได้ว่าเป็นการจุดชนวนสงครามใหญ่หรือสงครามโลก
เช่น การส่งกำลังทหารจำนวนมากเข้าไปช่วยยูเครนในสงครามยูเครน และเข้าไปช่วยอิสราเอลในตะวันออกกลาง และไปอุ้มชูไต้หวันซึ่งกำลังข้ามเส้นแดงที่จีนเคยประกาศไว้ว่าถ้ามีการข้ามเส้นแดงนั้นแล้วจีนก็อาจจำเป็นต้องใช้กำลังเข้ายึดไต้หวัน และเมื่อนั้นก็จะเกิดสงครามใหญ่ขึ้นในแปซิฟิก
รัฐบาลไบเดนไม่ได้ส่งเฉพาะกำลังทหารเข้าไปแทรกแซงการสงครามทั้งในยูเครนและตะวันออกกลาง รวมทั้งแปซิฟิก แต่ยังได้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าไปติดตั้งในประเทศต่างๆ อย่างผิดหูผิดตา ที่สำคัญคือได้ส่งขีปนาวุธพิสัยไกลไปให้ยูเครน ซึ่งมีขีดความสามารถที่จะยิงไกลไปถึงดินแดนรัสเซียได้ และได้อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธนี้ยิงถล่มรัสเซียได้ตามใจชอบ และต่อมายูเครนก็ได้ยิงขีปนาวุธนี้ถล่มรัสเซียไปแล้วในช่วงวันที่ 20 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นการข้ามเส้นแดงที่รัสเซียกำหนดไว้
เพราะรัสเซียได้ประกาศโดยเปิดเผยว่า ถ้าสหรัฐอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงเข้าไปในรัสเซียเมื่อใด รัสเซียก็พร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการทำสงครามและในการใช้อาวุธนิวเคลียร์นั้น โดยอังกฤษจะเป็นเป้าหมายแรก เพราะรัสเซียรู้ดีว่าสาเหตุและการดำเนินสงครามยูเครนนั้นอังกฤษคือเจ้ามือใหญ่และเป็นเจ้ากี้เจ้าการใหญ่ด้วย
ดังนั้นในวันนี้เมื่อยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลตามที่สหรัฐอนุญาตยิงถล่มรัสเซียไปแล้ว แม้รัสเซียจะยิงสกัดได้แต่สะเก็ดระเบิดก็ได้ทำให้เกิดเพลิงไหม้และความเสียหายในดินแดนของรัสเซีย ดังนั้นทั่วโลกจึงต้องจับตาดูว่ารัสเซียจะปฏิบัติการตอบโต้หรือไม่ และถ้ามีการตอบโต้ด้วยนิวเคลียร์ กรณีก็จะเป็นไปตามที่ลูกชายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปรามไว้นั่นเอง
ส่วนสงครามในตะวันออกกลางนั้น ในระยะแรกเริ่มสหรัฐได้แสดงท่าทีว่าเป็นผู้สนับสนุนอิสราเอลเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐในตะวันออกกลาง แต่ในระยะหลังๆ นี้การกระทำของสหรัฐได้เปิดเผยตัวเองว่าสหรัฐได้ก้าวข้ามเส้นของผู้สนับสนุนอิสราเอล เป็นการเข้าร่วมสงครามโดยตรงแล้ว
นั่นคือการส่งเครื่องบินรบที่ทันสมัยที่สุดและร้ายแรงที่สุดร่วมกับอังกฤษบินเข้าไปถล่มขบวนการฮูตีถึงในดินแดนของเยเมน ซึ่งถือว่าเป็นการประกาศสงครามโดยตรงกับเยเมนแล้ว ดังนั้นเยเมนก็มีความชอบธรรมทั้งในส่วนของรัฐบาลเยเมนและภาคีฮูตี ที่ทหารรัฐบาลเยเมนสนับสนุนและร่วมรบอยู่กับขบวนการอัลซอรุลเลาะห์แห่งเยเมน
เพราะเหตุดังกล่าว รัฐบาลเยเมนก็ดี ขบวนการอัลซอรุลเลาะห์ก็ดี จึงถือว่าสหรัฐเป็นคู่สงครามโดยตรงกับเยเมนแล้ว การยกระดับสงครามดังกล่าวจึงเป็นผลงานโดยตรงของประธานาธิบดีไบเดน และเพราะเหตุนี้เยเมนจึงใช้สิทธิตอบโต้สหรัฐในฐานะคู่สงคราม และล่าสุดเยเมนก็ปฏิบัติการทางทหารต่อสหรัฐในฐานะคู่สงครามอย่างไม่ยำเกรงใดๆ ต่อกันซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สหรัฐไม่เคยถูกประเทศใดกระทำมาก่อนเลยหลังสงครามโลกครั้งที่สองนั่นคือเยเมนได้เปิดฉากถล่มเรือบรรทุกเครื่องบินไอเซนฮาวร์และเรือพิฆาตอีกสองลำของสหรัฐโดยข่าวสารที่ยอมรับตรงกันก็คือกองเรือดังกล่าวได้รับความเสียหาย แต่มากน้อยแค่ใดหรือจมลงไปแล้วยังโต้เถียงกันอยู่
โดยเยเมนได้ยืนยันว่าการถล่มของเยเมนนั้นสามารถจมเรือบรรทุกเครื่องบินไอเซนฮาวร์และเรือพิฆาตของสหรัฐได้อย่างยับเยิน โดยได้นำคลิปมาเผยแพร่ด้วย แต่ทางสหรัฐปฏิเสธและได้นำภาพเก่าของเรือบรรทุกเครื่องบินไอเซนฮาวร์ออกมาเปิดเผย แต่ถูกโต้แย้งว่าเป็นภาพเก่า ซึ่งชาวโลกจะต้องติดตามหาความจริงกันต่อไป
ดังนั้นโดยสถานการณ์รวมขณะนี้จึงล่อแหลมที่จะเกิดเป็นสงครามใหญ่หรือสงครามโลกครั้งที่สาม และนี่จึงเป็นที่มาของการออกมาโวยวายของลูกชายนายโดนัลด์ ทรัมป์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี