ผลการเลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนเมื่อวานนี้ โดยนายศราวุธ เพชรพนมพร ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย สามารถเอาชนะนายคณิศร ขุริรัง ตัวแทนจากพรรคประชาชน ถือว่าไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เพราะจังหวัดอุดรธานีเป็น“เมืองหลวงคนเสื้อแดง”ในจังหวัดภาคอีสาน อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ซึ่งพรรคเพื่อไทยเคยยึดครองเก้าอี้ สส.ทั้งจังหวัดจำนวน 9 เขตเลือกตั้งมาแล้ว จากการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2554
พรรคเพื่อไทยเพิ่งมาเสียพื้นที่จากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้จากจำนวน สส.ทั้งหมด 10 คนใน 10 เขตเลือกตั้งของจังหวัดอุดรธานี พรรคเพื่อไทยถูกสอยไป 3 ที่นั่ง โดยเสียให้แก่พรรคก้าวไกลก่อนจะอวตารมาเป็นพรรคประชาชนในทุกวันนี้ไป 1 ที่นั่งในเขต 1 อำเภอเมือง และอีก 2 ที่นั่งในเขต 3 และเขต 6 ซึ่งเสียให้แก่พรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
แต่โดยภาพรวม แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเสียที่นั่ง สส.อุดรธานีระบบเขตให้แก่พรรคคู่ต่อสู้ไป 3 ที่นั่ง แต่ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยยังได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยได้ 353,147 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 43.81 ส่วนพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชนได้ 295,097 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 36.61
การเลือกตั้งนาย อบจ.อุดรธานี หรือนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีครั้งนี้ ซึ่งมีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั้งหมด 1,238,128 คน หรือ 1.2 ล้านคน ใน 2,234 หน่วย เป็นการเลือกก่อนจะครบวาระ เนื่องจากนายวิเชียร ขาวขำ อดีตนายก อบจ.อุดรธานี คนเดิมลาออกจากตำแหน่งก่อนหมดวาระล่วงหน้า 2 เดือน ด้วยเหตุผลที่อ้างว่า มีปัญหาเรื่องสุขภาพ
มีผู้สมัครที่ลงแข่งขันทั้งหมด 3 คน คือ นายคณิศร ขุริรัง ตัวแทนพรรคประชาชน หมายเลข 1, นายศราวุธ เพชรพนมพร ตัวแทนพรรคเพื่อไทย หมายเลข 2 และนายดนุช ตันเทอดทิตย์ ผู้สมัครอิสระไม่สังกัดพรรค หมายเลข 3 แต่การต่อสู้กันจริงๆ มีแค่ 2 คน คือนายศราวุธ กับนายคณิศร เป็นการต่อสู้โดยตรง ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน
ในช่วงหาเสียงนั้น ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนได้ระดมสรรพกำลังมาช่วยผู้สมัครกันอย่างชนิดที่ว่า "ขนกันมาเต็มพิกัด" ทั้งคนและกระสุนดินดำ
อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ลงไปปราศรัยใหญ่ช่วยผู้สมัครที่เป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ปรากฏว่าได้กลายเป็นข่าวพาดหัวตัวไม้ให้สื่อพูดถึงและขายข่าวกันอย่างครึกโครมอยู่หลายวัน
เพราะเนื้อหาการปราศรัยของ“ทักษิณ ชินวัตร” ไม่ได้จำเพาะเจาะจงอยู่แค่การเลือกตั้งท้องถิ่น หรือแค่ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีเท่านั้น แต่ประเด็นหลักในการปราศรัยเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเมืองระดับชาติ และเกี่ยวพันกับนโยบายของรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ รวมทั้งยังมีการยกก้นโปรโมทบุตรสาวที่เป็นนายกรัฐมนตรี คือ“แพทองธาร ชินวัตร” เสมือนส่งเสริมการขายสินค้าที่คนทั่วไปรู้ว่าด้อยคุณภาพพร้อมกันไปด้วย
ในฐานะแม่ทัพใหญ่, “ทักษิณ ชินวัตร”อุตส่าห์สร้างภาพนั่งเครื่องบินโลว์คอสต์จากกรุงเทพฯไปลงที่จังหวัดอุดรธานี พร้อมกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”ที่ไม่มีโอกาสได้เข้าไปนั่งทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ในทำเนียบรัฐบาล เพื่อช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร หาเสียง ระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ถือว่าเป็นการหวนคืนสู่สนามการเมืองของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิน ชินวัตร ในรอบ 18 ปี นับตั้งแต่ถูกยึดอำนาจและเป็นนักโทษหลบหนีคดีทุจริตไปอยู่ในต่างประเทศ จากการขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ใน 3 เวที 3 อำเภอที่จังหวัดอุดรธานี ท่ามกลางตัวแทนมวลชนคนเสื้อแดงนับหมื่นคนจาก 20 จังหวัดภาคอีสาน และตัวแทนจาก 2 จังหวัดภาคเหนือ คือเชียงราย และเชียงใหม่ ที่ตามข่าวระบุว่าถูกเกณฑ์มาต้อนรับและฟังการปราศรัยใหญ่ของทักษิณ
ขณะที่พรรคประชาชน ก็หวังที่จะยึดพื้นที่และและขยายฐานทางการเมืองในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็น“เมืองหลวงคนเสื้อแดง” ดังนั้นบรรดาแกนนำระดับขุนพลของพรรคประชาชน ที่เป็นอดีตหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น“ผู้นำจิตวิญญาณ”ของพรรคการเมืองสีส้ม จึงแห่ไปช่วยหาเสียงในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีกันอย่างพร้อมหน้า
ไล่เรียงตั้งแต่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่, “ช่อ-พรรณิการ์ วานิช” อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่,“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และ“ชัยธวัช ตุลาธน” สองอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และรวมถึงผู้นำพรรคประชาชนชุดปัจจุบัน ทั้ง “เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรค, “ไหม-ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรค และ “ติ่ง-ศรายุทธิ์ ใจหลัก” เลขาธิการพรรค
โดยเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนก่อนหน้าวันเลือกตั้งสองวัน แม่ทัพและขุนพลของพรรคประชาชนได้ปูพรมหาเสียงเป็นครั้งสุดท้าย จากการแบ่งสายเป็นดาวกระจาย 6 สายทั่วทั้งจังหวัดอุดรธานี ด้วยการขึ้นรถแห่ประชาสัมพันธ์ เดินพบปะประชาชนตามชุมชน แจกแผ่นพับใบปลิว และปราศรัยตามจุดต่างๆ ตลอดเส้นทางการหาเสียง ในอำเภอหนองแสง, อำเภอโนนสะอาด, อำเภแอกุดจับ, อำเภอบ้านผือ, อำเภอหนองหาน, อำเภอบ้านดุง, อำเภอประจักษ์ และอำเภอเพ็ญ และปิดเวทีปราศรัยที่อำเภอกุมภวาปี
การพ่ายแพ้ของพรรคประชาชนจากเลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี ในครั้งนี้ นอกจากจะปัก“ธงสีส้ม”นายก อบจ.อุดรธานีเป็นแห่งแรก และให้จังหวัดอุดรธานีเป็น“อุดรธานีสีส้ม”เพื่อนำไปสู่การยึดที่นั่ง สส.ทั้งจังหวัดจำนวน 10 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ตามที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ฝันเพ้อจากการประกาศในช่วงหาเสียงไม่ได้แล้ว
ยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า“พรรคสีส้ม”ไม่สามารถยึดสนามการเมืองท้องถิ่นได้ทั้งในอดีตและปัจจุบัน จากการ“แพ้ซ้ำซาก” ซึ่งอาจจะหมายถึงในอนาคตที่จะมีการเลือกตั้งนายก อบจ.ทั่วประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าอีกด้วย !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี