การเคลื่อนไหวของ “สมชาย แสวงการ อดีตตัวตึงสมาชิกวุฒิสภา” ที่โพสต์จดหมายเปิดผนึกผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวถึง “นักการเมืองฝึกงานเก้าอี้นายกรัฐมนตรี /- มาดามแพ – แพทองธาร ชินวัตร” เรียกร้องให้ประกาศคืนที่ดิน “ธรณีสงฆ์” จำนวนกว่า 900 กว่าไร่เศษที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ทำพินัยกรรมยกที่ดินดังกล่าวให้แก่ “วัดธรรมิการามวรวิหาร ประจวบคีรีขันธ์” นำมาสร้างรายได้เพื่อทะบุบำรุงวัดและพระพุทธศาสนา ที่ต่อมามีการใช้เล่ห์ใช้อำนาจทางการเมือง ยกเลิกที่ธรณีสงฆ์แปลงนี้โดย “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย”ยกเลิกคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน
จากนั้นก็ได้ถูกขายในราคา 130 ล้านบาทและโอนให้กับ บริษัท อัลไพน์ เรียลเอสเตท จำกัด และบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ซึ่งมีผู้ถือหุ้น คือ นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ และ นางอุไรวรรณ เทียนทอง ภริยา นายเสนาะ เทียนทอง ซึ่งเวลานั้นดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กำกับดูแลกรมที่ดิน ก่อนที่จะขายให้กับ “หญิงอ้อ/- คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา “ทักษิณ ชินวัตร”ในราคา 500 ล้านบาท
ที่ดินแปลงนี้ ป.ป.ช.ฟ้อง “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ”ติดคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) พิจารณาสรุปว่า ที่ดินตามพินัยกรรมเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ตามประมวลก.ม.ที่ดินมาตรา 84 และนางเนื่อมทำพินัยกรรมยกที่ดินให้เป็นกรรมสิทธิ์ของวัด จะนำมาจำหน่าย จ่าย แจก อันเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของนางเนื่อมไม่ได้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2506
เช่นเดียวกับเรื่องราว “ที่ดินเขากระโดง” ที่มีการออกเอกสารแสดงสิทธิ์ให้กับคนบางกลุ่มและนักการเมือง ซึ่งเป็นการออกเอกสารสิทธิทับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยกว่า 5,000 ไร่ เรื่องนี้ก็มีการพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมแล้วเช่นกัน ศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 842 – 876 /2560 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561 และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3คดีหมายเลขดำที่ 111/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 ได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดแจ้ง ว่า
“ที่ดินตามแผนที่แสดงเขตที่ดินของกรมรถไฟแผ่นดินสายนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ตอนแยกที่ย่อยศิลา ต.เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ กิโลเมตรที่ 375+650 เป็นส่วนหนึ่งของ พ.ร.ฎ.กำหนดเขตสร้างทางรถไฟต่อจากนครราชสีมา ถึงอุบลราชธานี ลงวันที่ 8 พ.ย. 2462”
แต่ทั้งสองกรณี นักการเมืองไทยกลับไม่สำเหนียก ไม่มีสามัญสำนึกที่จะเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตนภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน นี่คงเป็นคติสอนใจนักการเมืองไทยให้ยึดปฏิบัติ
เรานึกถึงคำอภิปรายของนักการเมืองตัวตึงพรรคประชาชน อย่าง “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ที่เอาคำสอนบุพการีมาบอกเล่าว่า “สู้กับคนหน้าด้าน แพ้เรามันก็จะโกงเรา ถ้าหาทางโกงไม่ได้ มันก็จะล้มกระดานสร้างกติกาใหม่ให้เราเสียเปรียบ เจอคนหน้าด้าน ให้ด้านกว่าเท่านั้น”
คนหนึ่ง... คิดเรื่องผลประโยชน์โดยไม่สนใจความถูกต้อง ไม่สนใจเสียงเพรียกร้องของประชาชนกว่า 600 หลังคาเรือนที่ไม่รู้อนาคตวันข้างหน้าจะมีที่ซุกหัวนอนหรือไม่ จึงเรียกร้องรัฐบาลต้องการให้คืนที่ธรณีสงฆ์
อีกคนหนึ่งกำลังสร้างเงื่อนไขต่อรองที่จะทำให้ตัวเองเดือดร้อนน้อยที่สุด แน่นอนที่ดินเขากระโดงส่วนหนึ่งเป็นสถานที่ตั้งสนามฟุตบอลชื่อ “ช้างอารีน่า หรือ ไอ-โมบายล์ธันเดอร์คาสเซิ่ลสเตเดี้ยม”ของ “สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บิ๊กทีมของไทย, อาเซียน และเอเชีย ส่วนหนึ่งเป็นสนามแข่งขันประลองความเร็ว 1 ใน 20 สนามของรายการ “โมโตจีพี”ชื่อ “สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์” ซึ่งเป็นการแข่งขันรถสูตร 1 ฟอร์มูล่าวันและมอเตอร์ไซค์เรซซิ่งระดับโลก
แน่นอนการรถไฟฯได้ที่ดินคืนไปคงไม่สามารถทุบทิ้งทำลายสนามแข่งขันกีฬาทั้งสองประเภทที่สร้างรายได้ไม่น้อยแก่ท้องถิ่นและประเทศชาติ คงต้องทำสัญญาปล่อยเช่าที่ดิน
แต่เช่าอย่างไรถึงจะได้ประโยชน์สูงสุดด้วยเงินลงทุนต่ำสุดเท่านั้นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี