อยู่ ๆ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักโทษเทวดา ที่แม้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษจำคุก 8 ปี เหลือ 1 ปี แต่ก็ไม่ถูกจำคุกแม้แต่วันเดียว และได้ใช้เงื่อนไขว่าถูกจำคุกเพื่อขอพักโทษที่เหลือตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ พ.ศ. 2567 และได้รับการพักโทษตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ เป็นเหตุให้ได้ชื่อว่าเป็นนักโทษเทวดาที่ไม่เคยถูกจำคุกเลยแม้แต่วันเดียว
และแล้วนายทักษิณ ชินวัตร ก็ไปประกาศในการหาเสียงในภาคอีสานว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับไทยในช่วงสงกรานต์ปี 2568 โดยไม่ปรากฏที่ไปที่มาว่าเหตุใดนายทักษิณ ชินวัตร จึงพูดเรื่องนี้ หรือมีแรงบันดาลใจหรือมีมูลเหตุจูงใจอย่างไร
เพราะขณะนี้ความวัวยังไม่ทันหาย กรณีนักโทษเทวดาไม่ยอมรับโทษตามคำพิพากษาและพระบรมราชโองการ และอ้างเหตุพักโทษโดยไม่ถูกจำคุกยังเป็นกรณีอื้อฉาวที่ถูกร้องเรียนหลายเรื่อง และองค์กรต่าง ๆกำลังทำการตรวจสอบไต่สวนอยู่อย่างขะมักเขม้น แม้กระทั่งคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรก็ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ จนกระทั่งมีการแถลงดังสนั่นหวั่นไหวและอื้อฉาวไปทั้งแผ่นดินในลักษณะย่ำยีจิตใจประชาชนจนสุดจะทนต่อไป
แต่กลับไม่มีการยี่หระหรือใส่ใจความรู้สึกหรือเสียงประชาชนเลยแม้แต่น้อย ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เพิ่มเข้ามาอีก นั่นคือการประกาศที่จะให้นางสาวยิ่งลักษณ์
ชินวัตร กลับมาฉลองสงกรานต์ปีหน้าในประเทศไทย
ก็แลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้นไม่ใช่คนตัวเปล่าที่ไม่มีคดีติดพัน แต่เป็นผู้ที่ต้องคำพิพากษาของศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ทำให้รัฐเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว และได้หลบหนีไป จนศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ออกหมายจับอยู่ในขณะนี้
หลังจากนั้นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ถูกดำเนินคดีอาญาอีกคณะหนึ่ง ซึ่งรู้กันในนามคดีโรดโชว์ ซึ่งเป็นโครงการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ในการว่าจ้างสื่อมวลชนหลายสำนักในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้กับรัฐบาล และต่อมาถูก ป.ป.ช. กล่าวหาว่าเป็นโครงการที่ทุจริต ทำให้รัฐเสียหาย แต่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องตามธรรมเนียม
เป็นเหตุให้ ป.ป.ช. ต้องฟ้องคดีเองต่อศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยพ่วงนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ข้าราชการการเมืองและสื่อมวลชนอีกกว่าสิบคนเป็นจำเลยร่วมด้วย จะเป็นเดชะบุญเดชะเวรอะไรก็ไม่รู้ ในคดีดังกล่าวนี้ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ได้ผ่าเหล่าคณะจำเลยทั้งหลายไม่ยอมรับให้ทนายของพรรคการเมืองแก้ต่างคดีนี้ และใช้สิทธิ์อดีตผู้บริหารของสำนักงานธรรมนิติไปขอให้สำนักกฎหมายธรรมนิติแก้ต่างคดีนี้ให้ จึงมีการตั้งคณะพิเศษจากสำนักคดีพิเศษของสำนักกฎหมายธรรมนิติแก้ต่างคดีนี้ให้
คณะผู้แก้ต่างคดีได้พบพยานหลักฐานสำคัญว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ได้ทำการตรวจสอบโครงการนี้มาก่อนแล้วว่าได้ดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
และได้ตรวจสอบการขอเบิกค่าจ้างทุกงวด เมื่อเห็นว่าถูกต้องตามกฎหมายและสัญญาจึงอนุมัติการจ่ายเงินดังนั้นกรณีนี้จึงไม่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น และข้อเท็จจริงดังกล่าวมีลักษณะเป็นคดีที่เป็นผลได้และผลดีแก่จำเลยทุกคนด้วย
ปรากฏว่าศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษายกฟ้อง และต่อมา ป.ป.ช. มีมติยอมรับคำพิพากษานั้นและไม่อุทธรณ์คดีจึงถึงที่สุด ดังนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงไม่มีคดีอยู่ในศาลใดๆ อีก แต่ก็ยังคงเหลือคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งต้องคำพิพากษาให้จำคุก 2 ปี
ดังนั้นถ้านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางเข้ามาในประเทศไทยก็จะต้องถูกนำตัวไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเช่นเดียวกับนายทักษิณ ชินวัตร เพราะเมื่อหลบหนีคดี ศาลก็ต้องออกหมายจับและต้องนำตัวไปรายงานต่อศาล
และเมื่อรายงานตัวต่อศาลแล้ว ศาลฎีกาก็จะต้องออกหมายขังนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไว้ตามคำพิพากษา จากนั้นกรมราชทัณฑ์ก็จะรับตัวไปเพื่อคุมขังตามหมายศาลจนกว่าจะครบกำหนดตามคำพิพากษา
ดังนั้นถ้าไม่มีเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ้ากลับมาก็ต้องไปนอนในเรือนจำ แต่เนื่องจากมีแบบอย่างคดีนักโทษเทวดาอยู่แล้ว จึงมีผู้คาดหมายว่า
หรือกรณีนักโทษเทวดาจะเกิดขึ้นซ้ำสอง ซึ่งน่าจะเป็นไปได้โดยยาก เพราะ ณ เวลานั้นคงไม่มีนักแบกเสลี่ยงรายไหนเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางช่วยดำเนินการทั้งหลายเหมือนกับกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อันจะเป็นผลให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องขังไว้ในเรือนจำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
ดังนั้นหากนางสาวยิ่งลักษณ์จะกลับมา ก็คงเป็นการกลับมาโดยไม่ถูกจำคุกแม้แต่วันเดียว แล้วกรณีจะเป็นอย่างไร
พิเคราะห์ดูหนทางทางกฎหมายแล้วย่อมมีความเป็นไปได้ว่า ถ้ามีความพยายามจะให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับประเทศไทยโดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว หนทางทำได้ก็มีอยู่ นั่นคือรัฐบาลไม่ต้องสนใจเสียงคัดค้านหรือความรู้สึกของประชาชน ใช้อำนาจอธิปไตยทางการบริหารออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตร ก่อนเดินทางกลับมาประเทศไทย และช่วงเวลาที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือก่อนปีใหม่
วิธีการก็ง่ายดายมาก แค่มีการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ลงมติตราพระราชกำหนดนิรโทษกรรมก็เรียบร้อยเด็ดขาด ที่ใครจะหาหนทางเล่นงานตามกฎหมายใดๆ ไม่ได้ จากนั้นก็นำพระราชกำหนดนี้รายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรซึ่งคงจะผ่านฉลุย แค่นี้ก็จบเห่ให้อาณาประชาราษฎรทั้งหลายอ้าปากค้างตามๆ กัน
ไม่ต้องสนใจว่าประเทศชาติจะไร้ธรรมอำไพ และจะบรรลัยแน่นอน ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงเตือนไว้ ก็สามารถนำนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับประเทศไทยโดยสวัสดีได้ฉะนี้แล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี