คนไทยได้ชื่อว่า เจ้าสำบัดสำนวนเปรียบเทียบเหตุการณ์สถานการณ์ผู้ตกอยู่ในภาวะอันตราย เผชิญปัญหารอบด้านแต่ บังเอิญดิ้นรนผ่านเหตุการณ์นั้นไปได้ ผู้ที่ดิ้นรนหลุดพ้นไปได้เปลาะหนึ่งเปลาะใดสำนวนไทยเรียกว่า “พยัคฆ์ติดปีก”
แต่ยังมีอีกหลายฝ่ายเถียงว่า เรียกผู้ที่ดิ้นรนหลุดพ้นปัญหามาได้เปลาะหนึ่ง ควรเรียกว่าหมาโซ่ขาดหรือหมาหลุดโซ่เหมาะสมกว่า เนื่องจากว่าหมาหลุดโซ่เป็นอันตราย หลุดไปได้มันยังรบกวนระรานลักกินเป็ดกินไก่ชาวบ้าน และมักคาบของเน่าเข้าบ้านตามสันดานหมาพาลไปจนตาย
เมื่อหลายสิบปีก่อนมีกระทาชายนายหนึ่งเจอปัญหารอบด้านโกหกหลอกลวงไปวันๆทำนิติกรรมอำพราง เมื่อชาวบ้านจับได้ต้องการเอาลงมาทัณฑ์ ชายคนนั้นก็ดิ้นรนใช้เล่ห์กลทุกทางแม้กระทั่งพยายามติดสินบน จนในที่สุดดิ้นหลุดพ้นปัญหาเฉพาะหน้าไปได้ แล้วตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ จนคนที่ไร้สติปัญญาเรียกชายผู้นั้นว่าเป็น“พยัคฆ์ติดปีก”
ผู้ที่ได้สมญานามอันยิ่งใหญ่บินเหนือเมฆอยู่ได้ไม่นานชาวบ้านรู้ทันว่า เป็นเพียงหมาหลุดโซ่เท่านั้นหาใช่พยัคฆ์ติดปีกไม่ เนื่องจากเป็นพยัคฆ์ติดปีกได้ไม่นานก็เที่ยวลักกินเป็ด กินไก่ชาวบ้าน เที่ยวระรานกัดคนทั่วไป ตามประสาหมาหลุดจากโซ่เคยล่ามไว้ ตามสันดานหมาพาล ออกอาละวาดรบกวนชาวบ้านทั่วไป บางครั้งมันถึงกับกระโชกใส่จะทำร้ายเจ้าของบ้านที่เคยให้ข้าวให้น้ำมัน
เมื่อถึงวันที่ยามรักษาความปลอดภัยเจ้าของบ้านทนไม่ไหวใช้ตะบองทุบมันหลังหัก หมาหลุดโซ่หนีจากหมู่บ้านไปเป็นหมาเร่ร่อนต่างถิ่น กินเนื้อเน่ากินเศษอาหารที่ขโมยไปจากชาวบ้านอยู่นานวัน จนชาวบ้านเกือบลืมความชั่วร้ายของมัน
หมาหลุดโซ่ที่ถูกยามรักษาความปลอดภัยเจ้าบ้านไล่ตีตัวนั้น เป็นหมาเจ้าเล่ห์ ทำตัวเป็นหมาเชื่องนอกหมู่บ้าน จนยามรักษาความปลอดภัยบ้านหลังใหญ่ตายใจ จูงมันกลับมาอยู่ในหมู่บ้าน เพราะเห็นว่ามันกลายเป็นหมาชรา แต่ยังมีกลิ่นอายความดุร้าย ที่สามารถปราบปรามหมาหนุ่มฝูงใหม่ที่ระรานเห่ากระโชกทำร้ายเจ้าของบ้านได้
หมาหลุดโซ่ชราสันหลังหวะเมื่อกลับมาสู่หมู่บ้านทำตัวเป็นหมาเชื่อง แต่ใช้เล่ห์เพทุบายไล่หมาหนุ่มฝูงใหม่ให้ออกจากการรบกวนหมู่บ้านได้ตามที่ยามรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านต้องการ ต่อมามันจัดการให้ฝูงหมาที่เป็นบริวารดูแลเฝ้าบ้านที่หมารุ่นใหม่คุ้ยทำลายเข้าของในบ้าน ถึงขั้นรื้อคุ้ยหิ้งพระลงได้กระจุยกระจาย จนยามรักษาความปลอดภัยหมู่ตายใจ
แต่ไม่นานมันออกลาย จนชาวบ้านทั่วไปรู้ทันว่า เป็นหมาเจ้าเล่ห์โดยสันดาน ลักกินอาหาร คาบของเน่าเข้าหมู่บ้าน เคยเป็นหมาพาลอย่างไร มันกลายเป็นหมาพาลร้ายแรงกว่าเก่า เพราะบัดนี้มีฝูงหมาพวกมันที่เป็นหมาเฝ้าบ้านฝูงใหม่ ช่วยกันสร้างความชั่วร้ายร่วมกับมัน ช่วยกันปิดบังขุดหลุมฝังของเน่าที่คาบเข้าหมู่บ้าน
ชาวบ้านทั่วไปเห็นความชั่วช้าเลวทรามของมัน พากันโวยวายฟ้องยามรักษาความปลอดภัยประจำบ้านถึงความชั่วช้า ที่มันคาบของเน่าเข้ามาในหมู่บ้าน รวมทั้งขุดคุ้ยโยกคลอนศาลพระภูมิในหมู่บ้าน แต่ยามประจำบ้านยังมั่นใจว่า มันสามารถปรามหมาฝูงใหม่ไม่ให้ก่อกวนชุมชน และทำร้ายเจ้าของบ้านได้
ชาวบ้านเริ่มอิดหนาระอาใจที่ยามประจำหมู่บ้าน มองไม่เห็นความชั่วร้ายของมัน เมื่อหมดหนทางขับไล่หมาชราหลุดโซ่สันหลังหวะ ชาวบ้านที่อิดหนาระอาใจ หาที่พึ่งใหม่ด้วยการเซ่นไหว้รุกขเทวดา เจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าป่า เจ้าเขาเซ่นไหว้ศาลเพียงตา ศาลพระภูมิเจ้าที่ ให้ดลใจยามรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านได้ตระหนักถึงความชั่วร้ายของมัน
แต่จนแล้วจนรอดไม่สามารถไล่หมาชราสันหลังหวะออกจากหมู่บ้านได้ ในทางตรงกันข้ามหมาชราสันหลังหวะลักขโมยกินของเซ่นไหว้รุกขเทวดา ศาลเพียงตา ตลอดถึงของเซ่นไหว้พระภูมิเจ้าที่ เท่านั้นยังไม่พอมันยังช่วยกันทำลายขุดคุ้ยแซะฐานศาลพระภูมิล้มระเนระนาด
ถึงจุดนี้ชาวบ้านหมดหนทางขับไล่มัน เนื่องจากยามประจำหมู่บ้านอ่อนแอ รุกขเทวดาเจ้าที่ เจ้าป่า เจ้าเขา ศาลเพียงตา ศาลพระภูมิถูกพวกพ้องหมาชราฝูงใหญ่รุมกันทำลายที่พึ่งทางใจหมดสิ้นชาวบ้านร้านตลาดที่เคยช่วยกันไล่หมาหลุดโซ่เมื่อหลายปีก่อน พากันท้อถอยหมดกำลังใจ หาที่พึ่งไม่ได้ปล่อยให้หมู่บ้านถูกหมาฝูงใหญ่ทำลายไปตามยถากรรม
ส่วนฝูงหมาบริวารหมาชราสันหลังหวะเมื่อทำลายศาลเพียงตา ศาลพระภูมิลงได้พาลเชื่อว่า ไม่มีชาวบ้านไปบนบานเซ่นไหว้ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขับไล่หัวหน้าฝูงหมาชราสันหลังหวะอีกต่อไป พากันเห่าหอนยกหูชูหางหมาชราสันหลังหวะว่า “บัดนี้จ่าฝูงของพวกเรายกฐานะจากหัวหน้าหมา เป็นพยัคฆ์ติดปีกแล้ว”
แต่ยังก่อน..หมาเฝ้าหมู่บ้านฝูงใหม่ ชาวบ้านทั่วไปยังไม่เรียกหมาหลุดโซ่ชราสันหลังหวะว่า “พยัคฆ์ติดปีกได้” เพราะยังมีสำนวนใต้ที่พูดว่า “ด้นเหมือนหมาล่ำ” ซึ่งมีความหมายว่าหมาที่ถูกล่าม ทำทีกระโชกโฮกฮากใส่ใครต่อใครที่เข้าใกล้ คนใต้เรียกว่า “ด้นเหมือนหมาล่ำ” แต่เมื่อปล่อยออกไปมันกลายเป็นหมาขี้ขลาดด้น (ดุ) อยู่แต่ในบ้าน
ดังนั้นหมาชราสันหลังหวะที่หลุดไปเป็นพยัคฆ์ติดปีกไม่ได้ หมาชราสันหลังหวะตัวนั้น เพียงแต่เป็นหมาหลุดโซ่หรือหมาโซ่ขาดเท่านั้น บริวารหมาชราสันหลังหวะต้องไม่ลืมวลีที่ว่า “รัตนโกสินทร์ไม่สิ้นคนดี” คนไทยไม่ใช่ลืมง่ายดังที่คนจำนวนหนึ่งเข้าใจ คนไทยมีดีเอ็นเอจำฝังใจมาตั้งแต่สมัยอยุธยา จนถึงรัตนโกสินทร์ ดังที่มีคำพูดว่า แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย ในห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมามีหลายครั้งหลายคดีที่คนทำผิดถูกดำเนินคดีติดคุกติดตะราง หลังจากหนีไปนาน บางคนหนีไปบวชพระจนเป็นเจ้าอาวาสยังถูกดำเนินคดีที่เคยทำผิด
หมาเฝ้าบ้านฝูงใหม่ที่อยู่ใต้อาณัติหมาหลุดโซ่ชราสันหลังหวะ จึงไม่สามารถเรียกหัวหน้าฝูงหมาเป็นพยัคฆ์ติดปีกได้ เพราะในเวลาอีกไม่ช้าไม่นาน ชาวบ้านจะจับหมาหลุดโซ่มาลงทัณฑ์ฐานที่มันทำความชั่วไว้มากมาย รวมทั้งเยี่ยวใส่ภูเขาทอง เห่ากระโชกจะกัดเจ้าของบ้าน และรื้อคุ้ยศาลพระภูมิ
ทั้งหมดทั้งปวงเป็นนิทานปนสำนวนไทยที่นำมาขยายความให้เพลินใจไม่มีนัยอะไรมากไปกว่านั้น
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี