ผมเป็นนักข่าวเก่าสายการเมือง เป็นนักข่าวมาตั้งแต่ปลายรัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันนท์ ในปี 2523 ต่อจากนั้นก็เป็นรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้เห็นและติดตามข่าวการเมืองมาจนถึงนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน คือ“แพทองธาร ชินวัตร”

รวมแล้ว ผ่านนายกรัฐมนตรีมาทั้งหมด 17 คน และนับเป็นครั้งแรกที่เห็นมีการงดประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มีวาระการประชุมในทุกวันอังคารของสัปดาห์..ก็รัฐบาลของ“มาดามแพ”นายกรัฐมนตรีไอแพดคนนี้นี่แหละ

สาเหตุที่งดประชุม, เพราะจะมีการประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจากการแถลงของนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนเมื่อวานนี้เปิดเผยว่า  นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เตรียมลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจราชการ ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน-วันที่ 1 ธันวาคมปลายสัปดาห์นี้

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกรัฐบาล ชี้แจงว่า การตรวจราชการหัวเมืองภาคเหนือของ“มาดามแพ”ครั้งนี้ จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ครั้งที่ 1/2567  พร้อมกันไปด้วย ทำให้ต้องเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี จากวันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน ไปเป็นวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน

โฆษกรัฐบาลให้รายละเอียดว่า “การเดินทางไปตรวจราชการ รวมถึงการประชุม ครม.สัญจร ครั้งแรก ของนายกฯ ครั้งนี้ มีภารกิจหลายอย่าง ทั้งติดตามปัญหาหมอกควันไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงปัญหายาเสพติดบริเวณชายแดน พร้อมกับส่งเสริมการท่องเที่ยวภายหลังสถานการณ์อุทกภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว..กระตุ้นเศรษฐกิจภายในพื้นที่ให้เกิดการกระจายรายได้สู่ประชาชน”

สำหรับกำหนดการประชุม ครม.สัญจร มีดังนี้..เริ่มจากวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน-เวลา 20.00 น. “มาดามแพ”พร้อมคณะซึ่งไม่ได้เจาะจงตัวบุคคล ว่ามีการอุ้มลูกและหิ้วสามีติดตามไปด้วยหรือไม่ เพราะช่วงนี้ทางภาคเหนืออยู่ในช่วงฤดูหนาวอากาศดีน่าพาลูกและครอบครัวไปเที่ยว..โดย“มาดามแพ”จะเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 10.00 น. “มาดามแพ”จะตั้งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม“ครม.สัญจร”ครั้งแรกบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของเธอ ณ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

โดยจะใช้เวลาประชุม ครม.สัญจร เพียงแค่ 3 ชั่วโมง จากสิบโมงเช้าถึงบ่ายโมงครึ่ง..จากนั้น“มาดามแพ”และคณะจะเดินทางต่อไปยังโรงพลศึกษา 1-2 (Indoor Stadium) สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อมอบนโยบายแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ

และบรรทัดนี้ต้องหมายเหตุไว้ด้วยว่า รัฐบาลของ“มาดามแพ”ในยุคนี้ นอกจากจะเลื่อนการประชุม ครม.จากที่เคยปฏิบัติกันมาในทุกวันอังคารของสัปดาห์แล้ว..ตั้งแต่“มาดามแพ”เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี การประชุม ครม.ในแต่ละนัดก็ใช้เวลารวดเร็วมาก..เรียกว่ายังไม่ทัน“นกกระจอกกินน้ำ”ก็สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว..ทั้งที่ปากบอกว่าบ้านเมืองเต็มไปด้วยปัญหา..โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่อยู่ในขั้นวิกฤต..แทนที่จะใช้เวลาถกปัญหาเพื่อแก้ปัญหาในที่ประชุม ครม.ให้มันสะเด็ดน้ำ..ก็กลายเป็นว่าต้องไปสุมหัวในวงกินข้าว ที่พรรคร่วมรัฐบาลผลัดกันเป็นเจ้ามือเลี้ยงดินเนอร์มื้อค่ำ

วกกลับมาดูกำหนดการของ“มาดามแพ”กันต่อ..พอเสร็จจากมอบนโยบายการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและ“PM2.5”..ก็จะเดินทางไปร่วมงาน “Northern Coffee Gathering 2024” ณ ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่“OLD Chiang Mai” ในอำเภอเมืองเชียงใหม่..ช่วงเย็นจะไปเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “CHARMING Chiang Mai 2025” ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา

รุ่งขึ้นวันที่ 30 พฤศจิกายน เริ่มตั้งแต่เก้าโมงครึ่งตอนเช้าไปเยี่ยมชมศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่อำเภอดอยสะเก็ด..จากนั้นจะเป็นประธานพิธีเปิด “โครงการคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs” ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่..พอตกบ่ายจะไปติดตามปัญหายาเสพติด

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม บินไปจังหวัดเชียงราย..มีการประชุมคลังสัญจร ครั้งที่ 1/2567 เพื่อฟื้นฟูพื้นที่เศรษฐกิจที่ประสบภัยน้ำท่วม และส่งมอบมาตรการช่วยเหลือลดหย่อนด้านภาษีต่าง ๆ ให้ประชาชน ณ ด่านศุลกากรแม่สาย อำแม่สาย..จากนั้นจะติดตามแผนการขุดลอกแม่น้ำเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย อำเมืองเชียงราย..เสร็จแล้วจะพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และคิวสุดท้ายก่อนบินกลับกรุงเทพฯ มอบบัตรประจำตัวประชาชนแก่บุคคลที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS เชียงราย

ดูตารางงานเดินสายโชว์ตัวของ“มาดามแพ”แล้ว..เป็นนายกรัฐมนตรีที่งานหนักยิ่งกว่านางงามจักรวาลเสียอีก..อย่างนี้แล้วเห็นทีว่าก็คงต้องร้องเพลง“กุ้มใจไม่มี ลอ ลิง”ของ“อัสนี-วสันต์ โชติกุล”สถานเดียว !

รุ่งเรือง ปรีชากุล