การเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ถึงแม้ว่าจะเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นที่มีจิตวิทยาทางการเมืองต่างจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งระบบเขต และระบบบัญชีรายชื่อก็ตามที แต่สนามเลือกตั้งอุดรธานีกลายเป็นสนามสัประยุทธ์ห้ำหั่นกันอย่างเอาจริงเอาจังเอาเป็นเอาตายจาก 3 พรรค 3 สี 2 ขั้วการเมือง
สีแดงติ่งสัมภเวสีพรรคเพื่อไทย ที่พยายามยกตัวเป็นหัวขบวนของ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่ เพื่อต่อกรกับสาวกศาสดายกเลิก/แก้ไขมาตรา 112 ด้อมส้มผู้ฝักใฝ่กับการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แถมด้วยสีน้ำเงินบ้านครูใหญ่บุรีรัมย์ พรรคพูดแล้วทำ “ภูมิใจไทย”ความหวังเดิมของฝ่ายอนุรักษ์นิยม
ตัวเลข 58,000 คะแนนคือคะแนนเสียงตอกย้ำความล้มเหลวของฝ่ายรัฐสวัสดิการที่เสมือน “สุนัขเห่าใบตองแห้ง”
“สุนัข“ที่ดีแต่สำรอกสำราก สร้างวาทกรรมวาดฝันให้สังคมไทยบนเวทีปราศรัยบนรถขยายเสียงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่เคยเป็นรูปธรรมมาปฏิบัติ
ไม่ใช่ไม่มีโอกาส แต่ “พิธาคิโอ้ /- พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”และผองเพื่อน ทิ้งโอกาสที่ได้รับนั้น เพียงเพื่อเดินตามแนวคิดศาสดา, ผู้นำจิตวิญญาณที่พยายามยัดเยียดข้อมูล “โครงสร้างสังคมไทย” ที่พวกซ้ายจอมปลอมเคยวิเคราะห์วนเวียนอยู่กับ 3 คำสลับกันไปมา
3 คำ ที่ว่าคือ “กึ่งเมืองขึ้น, กึ่งทุนนิยม, กึ่งศักดินา” นั้นล่วงมาถึงยุคสนตะพายกลุ่มสามกีบกลายเป็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นโครงสร้างสังคมไทยเสียอย่างนั้นตามชุดความคิดที่ศาสดาและผู้นำจิตวิญญาณยัดเยียดให้
แต่ไม่ว่าพรรคการเมืองไทยจะเลือกเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่ เป็นทุนนิยมก้าวหน้า หรือเป็นรัฐสวัสดิการ ก็ตาม ปัญหาคือ “ปัญหาหลักของประเทศล้วนมาจากนักการเมือง ตั้งแต่ปัญหาไม่มีความสามารถบริหารประเทศ ไม่มีวิสัยทัศน์ จ้องแต่จะทุจริตคอร์รัปชั่นกันอย่างไร แย่งชิงอำนาจกัน เพ้อเจ้อเรื่องนโยบายที่ตนทำไม่ได้ จ้องแต่จะเอาเงินภาษีมาแจกเพื่อคะแนนเสียง ซึ่งทั้งหมดได้ส่งผลกระทบไปถึงงานในระบบราชการ ปัญหาเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน รวมทั้งการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฯลฯ
รัฐบาลไม่ทำหน้าที่ของรัฐบาล ฝ่ายค้านไม่ทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน เอาแต่ “ตบ-จูบ” กันไม่เลิก เพราะมีเป้าหมายหลักเดียวกัน คือไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อแก้ปัญหาทั้งหมดไม่ได้ เพราะไม่มีความสามารถ ติ่งแดงก็ก่นโทษกฎหมาย ว่า “กฎหมายเฮงซวย” ว่า “รัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยซึ่งตรงกับด้อมส้ม ที่กล่าวโทษเพิ่มเติมด้วย “มาตรา 112” และ “องค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญ”ว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาในประเทศทั้งหมด
แต่พวกมันไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลกดูตัวเองแถมในสมองในหัวนั้นบรรจุสมองที่ไร้สามัญสำนึกกาลเทศะแต่เต็มไปด้วยพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่น ความฉ้อฉลทั้งความคิด ความจริง และความถูกต้องในสังคม ปั่นหัวประชาชนให้โง่และโลภ เพียงเพื่อจะได้ครองอำนาจแล้วกระทำการทุจริตคอร์รัปชั่น
นักการเมืองไทย รัฐมนตรีของประเทศไทยจึงวนเวียนอยู่กับตัวแทนกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นรัฐบาล จึงได้นักการเมืองเสียชาติเกิดมาเป็นคณะรัฐมนตรีสืบสันดาน เป็นนายกรัฐมนตรีสืบสันดาน
เพราะนักการเมืองไทย แบบนี้ ปัญหาของประเทศจึงลุกลามเป็นแผลลึกอย่างยากจะเยียวยาแก้ไขได้
เพราะทุนนิยมมันสามานย์จึงลดความสามานย์ด้วยอาการก้าวหน้า ขณะที่รัฐสวัสดิการก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้ารัฐบาลบริหารประเทศยังไร้เดียงสาเยี่ยงนี้
ขณะที่พรรคการเมืองคู่แข่งขันก็ทำได้แค่สำรอกเห่าหอนไม่มีโอกาสได้ลงมือกระทำ เพราะโอกาสเคยได้แล้วแต่ทิ้งมันไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี