นาทีนี้ ชื่อ “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” กลายเป็นชื่อ “นักการเมือง” ที่แทบไม่มีใครไม่รู้จัก ทว่า เป็นการรู้จักในเชิงลบ
สามารถเริ่มมีชื่อเสียงจากการช่วยเหลือผู้เสียหายจากคดีแชร์ลูกโซ่หลายคดี จนได้เป็นประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ในปี 2557 ก่อนจะผันตัวเองเข้าสู่เส้นทางการเมือง ในปี 2562 ด้วยการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โดยได้รับบทบาทเป็นกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ, อนุกรรมการติดตามการหาเสียงพรรคพลังประชารัฐ และผู้อำนวยการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของกลุ่มสามมิตร ที่นำโดยสมศักดิ์ เทพสุทิน และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่อยู่ในพรรคพลังประชารัฐในเวลานั้น
หลังการเลือกตั้งปี 2562 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งนายสามารถ จึงได้รับตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ
ในปี 2564 มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ทำหนังสือถึงพรรคพลังประชารัฐ ว่าได้ตรวจสอบพบว่ามีเข้าเรียนและเข้าสอบแทน นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ในหลักสูตรปริญญาเอก ตั้งแต่วันที่ 6-7 มีนาคม 2564 โดยทางสถาบันฯ ได้ตัดสิทธิ์ในการเรียนวิชาดังกล่าวของ นายสามารถต่อมานายสามารถประกาศ จะให้เงินรางวัล 200,000 บาทกับใครก็ตาม ที่บอกได้ว่าผู้ใดเป็นคนเอาข้อมูลไปให้นักข่าวทำให้นายสิระ เจนจาคะ สส.กรุงเทพฯ ขณะนั้น ออกมาระบุว่าเป็นฝีมือตนเอง
ทำให้พรรคพลังประชารัฐตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งคณะกรรมการมีมติว่านายสามารถผิดจริง จึงเสนอปลดออกจากทุกตำแหน่ง รวมทั้งตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี และห้ามไม่ให้ใช้ตราเครื่องหมายพรรค ต่อมา วันที่ 28 ต.ค. 2564 มหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยนายสามารถด้วย
วันที่ 2 ก.ค. 2565 นายสามารถ ได้ส่งข่าวให้กับสำนักข่าวหลายสำนัก โดยขึ้นประโยคว่า “ผ้าสีขาว ยังไงมันก็ขาว ต่อให้มีคนเอาสีดำมาป้าย พอฝนตกน้ำล้างผ้ามันก็กลับมาขาวเหมือนเดิม” ได้รับความยุติธรรมแล้ว ระบุว่า งานวินัยนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ส่งหนังสือมาถึงตนเอง (1 ก.ค.) ลงนามโดย ผศ.เตมีย์ระเบียบโลก รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา (ในขณะนั้น)โดยชี้ว่า ผลสอบสวนไม่มีมูล นายสามารถไม่มีความผิดส่งคนอื่นเข้าสอบภาษาอังกฤษแทน ดังนั้นจึงไม่ควรถูกตัดสิทธิ์ใดๆ
วันที่ 3 เมษายน 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงนามคำสั่งแต่งตั้งนายสามารถนั่งโฆษกหัวหน้าพรรค ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ ก็ได้แต่งตั้ง นายสามารถ เป็นหัวหอกปราบแชร์ลูกโซ่ ดำรงตำแหน่ง “ประธานคณะทำงานเผยแพร่นโยบายกองทุนเยียวยาผู้เสียหายในคดีฉ้อโกงประชาชน” ด้วย โดยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงช่วงการเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐานายสามารถก็ได้แสดงความเห็นเป็นข่าวอยู่หลายครั้ง ทั้งการวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกล และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยปกป้อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างแข็งขัน
วันที่ 3 พ.ย. 2567 ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตั้งโต๊ะชี้แจง ปมสอบนายสามารถ โดยระบุว่า สังคมเกิด
ข้อสงสัยว่า เหตุใดผู้บริหารยุคก่อนจึงยุติการสอบนายสามารถกรณีถูกร้องส่งคนเข้าสอบปริญญาเอกแทน ทั้งๆ ที่การเข้ามานั่งสอบแทนเป็นเรื่องที่เสื่อมเสีย ซึ่งผู้บริหารยุคนี้จะหยิบเรื่องดังกล่าว นำขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง ว่า การยุติเรื่องดังกล่าว เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ เพราะการยุติเรื่องก่อนหน้านี้ ไม่ได้หมายความว่า ทางม.รามฯ ได้ข้อสรุปแล้วใครทำผิด หลังจากนี้ ม.รามฯ จะนำข้อมูล หลักฐานต่างๆ มาตรวจสอบใหม่ เพื่อคลายข้อสงสัยในสังคมว่านายสามารถได้ให้ใครมานั่งสอบแทนในวิชาภาษาอังกฤษ ช่วงวันที่ 6-7 มีนาคม 2564 สมัยเรียนปริญญาเอก ของคณะรัฐศาสตร์
กระทั่งนายสามารถ มาโด่งดังอีกครั้ง เมื่อปรากฏคลิปเสียง เกี่ยวกับคดี ดิไอคอน กรุ๊ป ก่อนจะถูกจับเมื่อเร็วๆ นี้
1) นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊กเล่าว่า ผมทราบข่าว สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ถูกตำรวจจับข้อหาฟอกเงิน กรณี ดิไอคอน กรุ๊ป และไม่ได้ประกันตัว
-คุณสามารถ เจนชัยจิตรวนิช กับผมเกี่ยวข้องกันนิดหนึ่งตรงที่หลังจากผมออกจากพรรคประชาธิปัตย์ผมเคยนำลูกทีมไปสมัครที่พรรคพลังประชารัฐ ตอนนั้นคุณสามารถเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
-เมื่อคุณสามารถมีข่าวถูกพาดพิงว่าเกี่ยวข้องกับผู้บริหาร ดิไอคอน กรุ๊ป เขาก็ลงไปพบผมที่ปักษ์ใต้
-ประโยคแรกที่ผมพูดกับเขา คือ การพูดคุยต่อไปนี้ให้ถือว่า เป็นการพูดระหว่างทนายความกับลูกความ ซึ่งเราต้องรักษาจรรยาบรรณตามกฎหมาย
-ผมก็ให้คำแนะนำเขาไป และบอกว่า ตามประสบการณ์ของผม สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคุณสามารถ คือ 1.เขาจะถูกออกหมายจับ 2.เขาจะถูกจับกุม 3.เขาจะไม่ได้ประกันตัว
-เขาเถียงกับผมอย่างเอาจริงเอาจัง ผมบอกว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับคุณผมบอกว่า ตำรวจชุดนี้ ทำงานดีนะ โดยเฉพาะ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ไม่เคยด่างพร้อย ผมยังเคยเขียนชมการทำงานของพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ในเฟซผมเลย เมื่อวานเห็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแถลงข่าว ก็เห็นท่านพูดดี พูดตามหลักกฎหมาย ผมบอกคุณสามารถว่า แต่ละฝ่ายต่างทำหน้าที่ของเขา คุณสามารถก็เตรียมข้อมูลไว้ชี้แจงให้ดี -วิถีชีวิตคุณสามารถน่าจะไปแนวนี้ เขาขอถ่ายรูปกับผม แต่ผมไม่อนุญาต และเตือนว่าเวลานี้การใช้โทรศัพท์ของคุณสามารถอาจจะถูกดักฟังโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
-สุดท้ายคุณสามารถก็ถูกจับ และไม่ได้ประกันตัว ผมบอกเขาว่า ระบบมันเป็นอย่างนี้แหละ คุณอาจถูกขัง 84 วัน หลังจากนั้น คุณ“ควรจะ” ได้ประกันตัว
-ขณะถูกจับกุมเขาโทรศัพท์หาผม แต่ผมไม่ได้รับ ผมโทรกลับไปเขาก็ไม่รับ อาจเป็นเพราะโทรศัพท์เขาคงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไปแล้ว ผมเป็นคนขี้สงสาร ฟังข่าว
แม่ของคุณสามารถพยายามจะฆ่าตัวตายในห้องขัง อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ผมก็สงสาร/
2) พนักงานสืบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ได้ควบคุมตัว นางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ อายุ 62 ปีและนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อายุ 41 ปี อดีตสมาชิกพรรคและอดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 2 แม่ลูกผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5(1), (3) มาตรา 9 และมาตรา 60
โดยพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์สรุปว่ากรณีที่มีการกล่าวหาบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัดนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล กับพวกรวม 19 รายมีพฤติการณ์ร่วมกันหลอกลวงกลุ่มผู้เสียหายด้วยการเปิดรับสมัครให้เข้ารับการอบรมขายสินค้าออนไลน์ โดยหลอกว่าจะสอนวิธีการขายของออนไลน์ และมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม มีกลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าอบรม โดนบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ปฯกับพวก จะแนะนำชักจูงให้ผู้กล่าวหากับพวกร่วมลงทุนซื้อสินค้าของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ปฯไปจำหน่าย โดยทำให้หลงเชื่อว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ เมื่อลงทุนซื้อสินค้าไปแล้วทางบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ปฯกับพวก จะเริ่มชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนตามแผนการลงทุนที่บริษัทจัดทำขึ้น และอ้างกับผู้เสียหายว่าสามารถทำรายได้เป็นจำนวนมากจากการขายสินค้าออนไลน์
นอกจากนี้ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ปฯ กับพวก ได้เผยแพร่แผนประกอบธุรกิจการจ่ายค่าตอบแทนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จและมีจุดประสงค์มุ่งเน้นการหาผลประโยชน์ตอบแทนจากการชักชวนบุคคลอื่นมาสมัครเป็นสมาชิกมากกว่าการขายสินค้า และบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวกอ้างว่า ตนเองได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนในระบบขายตรงแต่ความเป็นจริงแล้ว บริษัทฯกับพวก ไม่ได้รับอนุญาตตามที่อ้าง ซึ่งเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงหรือแสดงข้อความเป็นเท็จ ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่ผู้เสียหายควรทราบ ทำให้ผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นบริษัทขายตรงและมุ่งเน้นการหากำไรจากการขายสินค้าออนไลน์ ไม่ได้หากำไรจากการสมัครสมาชิก และกลุ่มผู้ต้องหาได้ร่วมกันกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อโฆษณาหรือเชิญชวนผู้เสียหายมาร่วมลงทุนกับบริษัท เพื่อให้ได้รับค่าตอบแทนในอัตราสูง แต่ทางบริษัทกับพวกไม่มีการนำเงินที่ได้รับจากผู้เสียหายไปประกอบตามที่กล่าวอ้างไว้กับผู้เสียหาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมากตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้บริหารและเครือข่ายของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ปฯ กับพวกว่าร่วมกันกระทำความผิดฐาน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริตในการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง โดยตกลงว่าจะให้ประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้เข้าร่วมเครือข่ายซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมที่เพิ่มขื้น
ทั้งนี้ จากการรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่า มีการโอนเงินจากชื่อบัญชี บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ปฯ และบัญชีเงินฝากของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล และต่อมามีข้อเท็จจริงว่าได้โอนเงินไปยังบัญชีของนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ จำนวน 15 ครั้ง รวม 2,589,999 บาท และมีการโอนเงินไปยังบัญชีเงินฝากของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อีก 14 ครั้งรวม 475,000 บาท
อย่างไรก็ตาม มูลนิธิทนายประชาชนฯ ได้ส่งหนังสือขอให้ตรวจสอบการกระทำของนายสามารถ พร้อมกับส่งคลิปเสียงจำนวน 2 คลิป ซึ่งเป็นไฟล์เสียงสนทนา
ระหว่างนายวรัตน์พลและนายสามารถ เมื่อพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบข้อมูลบัญชีธนาคารและธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้อง พบข้อมูลบัญชีเงินฝากของ
นางวิลาวัลย์ มีการเคลื่อนไหว ตั้งแต่ช่วงวันที่ 1 มกราคม 2561 ถึง 28 ตุลาคม 2567 พบว่ามีการทำธุรกรรมผ่านบัญชีหลักร้อยล้านบาท
โดยเป็นการโอนเงินไปยังบัญชีอื่นจำนวน 103,813,577.04 บาท และรับโอนเงินจากบัญชีอื่นจำนวน 88,894,306.46 บาท ซึ่งตรวจสอบการโอนเงินเข้าบัญชีของนายสามารถ 5 บัญชี พบยอดเงินมากกว่า 14 ล้านบาทมีการโอนเงินจาก นายวรัตน์พล จำนวน 2.5 ล้านบาท และมีการรับโอนเงินจากผู้ต้องหารายอื่นเป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ปฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวน
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบการโอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของนางวิลาวัลย์ไปยังบัญชีเงินฝากของนายสามารถเป็นเงินรวมกว่า 34 ล้านบาท เมื่อปรากฏธุรกรรมการโอนเงินหมุนเวียนจำนวนหลักร้อยล้านบาท ของนางวิลาวัลย์ แต่กลับไม่ปรากฏข้อมูลการยื่นแบบแสดงการเสียภาษีของกรมสรรพากรแต่อย่างใด
การกระทำของนายวรัตน์พล นางวิลาวัลย์ และนายสามารถ จึงเป็นพฤติการณ์ที่เข้าข่ายการรับโอน เปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดที่มา หรือเพื่อช่วยผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังการกระทำผิด ไม่ให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง
พนักงานสอบสวนจึงมีมติร่วมกันมอบหมายให้นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการคดีฟอกเงินทางอาญา เลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับบุคคลทั้ง 3 ราย ต่อศาลอาญา ในความผิดฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงินเป็นการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามมาตรา 5(4) (3) มาตรา 9 และมาตรา 60 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ 1-2 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 5681/2567 และที่ 5682/2567 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 โดยกล่าวหาว่าการกระทำของผู้ต้องหาที่ 1-2 เป็นความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน
3) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ให้สัมภาษณ์ ว่า หลักฐานที่เชื่อได้ว่าเป็นการฟอกเงินนั้น เป็นการรับโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดลักษณะมีเจตนาปิดบังอำพราง เพราะเชื่อว่านายสามารถเป็นผู้ใช้บัญชีนี้ แต่มีการโอนเงินผ่านมายังบัญชีของมารดา เสมือนเป็นการปกปิดอำพราง ซึ่งตามพยานหลักฐานบัญชีเป็นชื่อของมารดาแต่ผู้ใช้บัญชี คือ นายสามารถ รวมถึงมีคลิปเสียง พยานบุคคลยืนยัน พร้อมกับมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สอดคล้องกัน ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะอยู่ในสำนวน โดยพนักงานสอบสวนของดีเอสไอเตรียมที่จะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาบอสพอลในเรือนจำ มูลความผิดฐานฟอกเงินเพิ่มในเร็วๆ นี้ด้วย
ต้องติดตามกันว่า ตัวละครที่มีสีสันจัดจ้านในพื้นที่ข่าว อย่างนายสามารถกับแม่ จะพาตัวเองพ้นจากคดีนี้ได้หรือไม่
แต่ตอนนี้ ทั้งคู่ถูกล้อเลียนไปทั่วว่า ไม่ได้ฟอกเงินไม่มีบัญชีม้า มีแต่ “บัญชีหม่าม้า” นะครับ 555
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี