ใครเคยเยินยอ “หมอบุญ” ?
ใครเคยเหยียบย่ำทำลาย “หมอยง” ?
บัดนี้ เมื่อสังคมได้รับข้อมูลความจริงมากขึ้นชัดขึ้น ได้ปรับเปลี่ยนการรับรู้ใหม่แล้ว หรือยัง?
1. จำได้ว่า ช่วงโควิด-19 ผมโพสต์ภาพที่นายกฯ ลุงตู่นั่งประชุมร่วมกับบรรดาคุณหมออาวุโส
พร้อมแสดงความเห็นว่า มีความหวังที่จะนำพาประเทศไทยรอดพ้นโควิด-19
ประชาชนจำนวนมากในประเทศก็เช่นกัน เริ่มมีความหวังเมื่อนายกฯได้คุณหมอเก่งๆ เข้ามาช่วยให้คำแนะนำแก่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
อาทิ “ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาธร” อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล “ศ.นพ.อุดม คชินทร” อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล “ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ฯลฯ
หลังจากนั้น เราก็เห็นมาตรการต่างๆ ออกมา
หลังจากนั้น ก็มีการพยายามปั่นกระแส โจมตี ด้อยค่าหมอยง และทีมแพทย์
ปั่นข่าวเท็จ ปั่นกระแสวัคซีนเทพ โดยเฉพาะเครือข่ายพรรคสีส้ม สามนิ้ว และอินฟลูฯ ที่พากันกระหน่ำซ้ำเติม เหยียบย่ำ ด้อยค่า
และคนกลุ่มเดียวกัน ก็พากันยกย่องเยินยอ “หมอบุญ”
2. ประเทศไทยผ่านโควิด-19 โดยรับเสียงชื่นชมมากมายจากหน่วยงานระดับโลก
หลายประเทศที่ผลิตวัคซีน mRNA ขายสะบัด แต่ก็มีผู้เสียชีวิตมากกว่าประเทศไทย ทั้งในแง่ยอดคนตาย อัตราการตาย และค่าเฉลี่ยต่อจำนวนประชากร
ประชาชนในหลายประเทศ ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือช่วงโควิดเหมือนไทยเรา
ไม่มีวัคซีนฟรี ยาฟรี อุปกรณ์การแพทย์ฟรีเหมือนไทยเรา
แต่เพราะกลุ่มการเมืองที่ต้องการโจมตีรัฐบาลในขณะนั้น
แถมบางกลุ่มเจตนาพาดพิงไปถึงสถาบันเบื้องสูง
จึงปั่นกระแสด้วยข้อมูลเท็จ บิดเบือนด้วยเจตนาทางการเมือง ทำให้คนไทยถูกปั่นหัว ถูกปั่นกระแส หลงไปกับวาระแอบแฝงด้วยเล่ห์กลทางการเมือง เกิดความเกลียดชัง ถึงขนาดด่าทอทีมแพทย์ ด้อยค่าหมอที่ตั้งใจทำงาน และเก่งระดับโลก อย่างคุณหมอยงอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้นได้
ขณะเดียวกัน ก็ปั่นกระแสแห่แหนตาม “หมอบุญ”ถึงขนาดบางคนอยากให้มาเป็นนายกฯ หรือหลงเชื่อคำคุยโม้ของหมอบุญ นำมาด้อยค่ารัฐบาล จนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะหลงไปขนาดนั้นได้
3. ปัจจุบัน หมอบุญ หลบหนีหมายจับคดีฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน ฯลฯ
ส่วนหมอยง ได้รับรางวัลยกย่องจากนานาชาติ
ล่าสุด ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬา ยังได้เขียนบันทึก ว่าด้วยเรื่อง “ย้อนดู 5 ปี โควิด-19, ปีที่ 2 ปีที่ยุ่งเหยิง และดราม่า เกี่ยวกับวัคซีน และเซียนคีย์บอร์ด” ระบุว่า
“..หลังการระบาดใหญ่ทั่วโลก ในปีแรก ทุกคนมุ่งหวังที่จะยุติการระบาดด้วยวัคซีน จึงมีการผลิตคิดค้นวัคซีนกันมากมาย มากกว่า 10 platform รวมทั้งของประเทศไทยเองด้วย ประเทศไทยมีการออกข่าวว่าจะผลิตวัคซีนได้สำเร็จภายใน 2 ปี
เมื่อสิ้นปีแรก การผลิตและออกมาใช้จริง ก็เริ่มปรากฏออกมา ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนเชื้อตาย ไวรัสเวกเตอร์และ mRNA ประสิทธิภาพของวัคซีนได้ลงพิมพ์ ในวารสารต่างๆ จะเห็นว่า mRNA มีประสิทธิภาพสูงสุด มากกว่าไวรัสเวกเตอร์ และเชื้อตาย แต่ผลทั้งหลายเป็นผลระยะสั้นทั้งนั้น ความจริงผลระยะยาวค่อยออกมาทีหลัง
วัคซีนจึงขาดแคลนในระยะแรก เพราะทุกประเทศแย่งกัน ทางตะวันตก จะไม่รับวัคซีนของจีน และจีนเองก็ไม่รับวัคซีนของทางตะวันตก
ประเทศกำลังพัฒนา ส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนจากจีน และ mRNA จะใช้ในทางตะวันตก ไม่เพียงพอ ตลาดเป็นของผู้ขาย จะกำหนดกฎเกณฑ์อย่างไรก็ได้ในการซื้อ เช่นต้องวางเงินก่อน และจะเอาหรือไม่เอาก็ต้องจ่าย ซึ่งขัดกับหลักการจัดซื้อของประเทศไทย และบางบริษัทให้วางเงินก่อนจะผลิตสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ไม่รับรู้ ถ้าไม่สำเร็จก็ต้องเสียเงินฟรี
วัคซีนเชื้อตายจึงเข้ามาในประเทศไทยก่อน แล้วตามมาด้วยไวรัสเวกเตอร์ กว่าประเทศไทยจะเริ่มฉีด mRNA ก็เข้าสู่กันยายน ตุลาคมแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ มีการเรียกร้องเอา mRNA มาเป็นวัคซีนหลัก จะเห็นบนหน้าเพจมากมาย มีดราม่าเกิดขึ้น ด้อยค่าวัคซีนเชื้อตายอย่างหนัก และกาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ประเทศจีน มีอัตราการเสียชีวิตโดยรวม น้อยกว่าประเทศทางตะวันตกอย่างมาก
ปีที่ 2 ความรุนแรงของโรคมาก อยู่มีอัตราตายเกือบ 1% ดังนั้น การรณรงค์ให้วัคซีน จึงเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และอัตราการครอบคลุม 2 เข็มแรก ได้เร็วมาก โดยทุกแห่งและโรงพยาบาลร่วมมือกันดีมาก
ผมเองทำการศึกษา การกระตุ้นเข็มสามด้วยวัคซีนเชื้อตาย Sinovac เปรียบเทียบกับ ไวรัสเวกเตอร์และ mRNA คณะกรรมการจริยธรรมยังไม่ยอมให้ทำ ตอนหลังเลยต้องเปลี่ยนจากเชื้อตาย Sinovac มาเป็น Sinopharm ถึงได้ทำ แต่ก็เสียดายข้อมูลทางวิชาการ ที่เราไม่มี การฉีดวัคซีนเชื้อตายชนิดเดียวกัน 3 เข็ม เสียดายโอกาสทางวิชาการอย่างมาก
งานวิจัยทางด้านวัคซีนโควิด ในช่วงนี้หาอาสาสมัครและมีผู้สมัครใจเป็นจำนวนมาก และทำได้อย่างรวดเร็วมาก ต้องขอขอบคุณอาสาสมัครอย่างยิ่ง รวมทั้งแหล่งทุนด้วย ทั้งภาพรัฐและเอกชน จึงมีผลงานให้เห็น โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนต่างชนิดกัน และสูตรต่างๆ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสูตรการฉีดวัคซีนสลับไปมา 3 เข็ม รวมทั้งสิ้น 24 แบบ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์สุดท้ายไม่ต่างกันเลย เพราะทั้งหมดเป็นแอนติเจนชนิดเดียวกัน คือ spike protein ของ Wuhan strain
ในปีนี้ เป็นปีที่ผมเองถูกกล่าวหาให้ร้าย อย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ หรือการเมืองทั้งที่จริงแล้วตัวเองไม่เคยไปยุ่งเลยแม้แต่นิดเดียว มุ่งค้นหาทางวิชาการและให้ข้อมูลผู้บริหารและประชาชน เพื่อช่วยปกป้องโรคร้าย
การกล่าวให้ร้าย ผมเองไม่ได้สนใจ แต่คนรอบข้าง ทนไม่ได้ จึงมีการแจ้งความฟ้องร้องผู้ที่กล่าวหารุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีการศึกษา และมีหน้าตาในสังคม
คดีในการฟ้องร้อง บางคดีได้สิ้นสุดแล้ว และบางคดีจนถึงวันนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
ที่สิ้นสุดแล้ว ส่วนใหญ่ศาลจะตัดสินเป็นเรื่องของการนำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ถือเป็นคดีอาญา ศาลให้จำคุก 2 ปี และปรับ 3 แสนบาท เข้าแผ่นดิน
ถ้าสารภาพก็ลดลงกึ่งหนึ่ง และเกือบทั้งหมดโทษจำให้รอลงอาญา
หลายราย ยอมความ มาขอโทษ ก็จะยอมเกือบทุกกรณี
แต่จะให้บริจาคเงิน เข้ามูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ แทน โดยตัวเองไม่ไปแตะต้องเงินจำนวนนี้เลย…”
4. ผมไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว และไม่เคยพบคุณหมอยงด้วยซ้ำ
แต่ได้แสดงความชื่นชมท่านมาโดยตลอด
เห็นว่า เส้นทางการทำงานของ “หมอยง” คือ เส้นทางการทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนในยามวิกฤตอย่างแท้จริง
เป็นเส้นทางบุญ ทำกุศล ช่วยชีวิตคนไทยได้จำนวนหลายล้านคน
แต่ถูกคนบางกลุ่มที่จิตใจมืดบอด เหยียบย่ำ ด้อยค่า อย่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดี (ปัจจุบันคนกลุ่มนี้ ก็เปลี่ยนไปปั่นหัวประชาชนด้วยประเด็นอื่นๆ)
ขณะที่ “หมอบุญ” ที่คนกลุ่มนั้นพยายามยกยอปอปั้น กาลเวลาก็ได้พิสูจน์ว่าเป็นการก้าวเดินบนเส้นทางบาปอย่างไร? ซึ่งจะถูกหรือผิด ก็รอ “หมอบุญ” กลับมาพิสูจน์ความสุจริตตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี