นับจากวันที่ 2 ธันวาคมวันนี้เป็นต้นไป อีก 29 วันก็จะถึงวันสิ้นปี 2567 ถ้าหากสมมุติว่าประเทศนี้เป็นบริษัท และได้คณะผู้บริหารจากพรรคเพื่อไทยเข้ามาดำเนินกิจการ เห็นทีว่าคงต้องปิดกิจการ
เพราะบริษัทล้มละลาย เนื่องจากเข้าปีที่ 2 นับตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน มาจนถึงรัฐบาล“มาดามแพ”เข้ามาบริหารประเทศ มีแต่การควักเงินของบริษัทออกมาจ่ายเพียงอย่างเดียว และเป็นเงินที่ผู้บริหารบริษัทชุดก่อนได้หาเอาไว้ ไม่ใช่เงินที่ผู้บริหารบริษัทชุดนี้หามาได้
เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไม่เคยมีเข้ามาเลยแม้แต่สลึงเดียว และจากปีแรกที่นายเศรษฐา ทวีสิน เข้ามา จนถึงรัฐบาลของ“มาดามแพ” ปากด้อยค่าว่าแปดปีสิบปีของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เคยออกไปหานักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย แล้วก็มีคนไทยจำนวนหนึ่งเชื่อเสียด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนักลงทุนต่างชาตินี้ แค่ยกเรื่องประเทศซาอุดีอาระเบียมาพูด ก็พอจะชี้ได้ว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยถนัดในเรื่องกล่าวหาด้อยค่าผู้อื่น และเก่งเรื่องโฆษณาชวนเชื่อถึงความสามารถของตน
รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ฟื้นสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียให้กลับมาอยู่ในระดับปกติได้ดังเดิมอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปี 2565 จากที่หันหลังให้กันมายาวนานถึง 32 ปี พร้อมทั้งได้มีข้อตกลงความร่วมมือในด้านต่างๆ มากมายหลายโครงการ
เข้าปีที่สองของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องการลงทุนจากประเทศซาอุดีอาระเบีย หรือการสานต่อในโครงการต่างๆ ที่มีการปูทางเอาไว้แล้วแต่อย่างใด
ทั้งๆ ที่ประเทศไทยนั้นเป็นตัวเลือกในระดับต้นๆ ของประเทศซาอุดีอาระเบีย ทั้งเรื่องแรงงาน, เรื่องสินค้าเกษตรและอาหาร รวมทั้งเรื่องอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
เรื่องแรงงานนั้น ประเทศไทยมีแรงงานฝีมือและกึ่งฝีมือที่มีศักยภาพ ซึ่งซาอุดีอาระเบียต้องการ ดังจะเห็นได้ว่าในสมัยที่ไทยกับซาอุดีอาระเบียยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ประเทศไทยเคยส่งแรงงานไปทำงานในซาอุดีอาระเบียได้มากถึง 3 แสนคน มีรายได้ส่งกลับเข้าประเทศไม่ต่ำกว่าปีละ 1 หมื่นล้านบาท
ส่วนเรื่องสินค้าเกษตรและอาหาร ประเทศไทยก็ได้ชื่อว่าเป็น“ครัวโลก” เพราะมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยผลิตผลทางการเกษตร และการประมง เฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นเลิศคืออาหาร“ฮาลาล”นั้น ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตและพร้อมส่งออกให้แก่ซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งยังสามารถส่งผ่านให้ซาอุดีอาระเบียเป็นตัวกลางไปยังประเทศมุสลิมอื่นๆ ที่ซาอุดีอาระเบียมีบทบาทสำคัญมากกว่า 50 ประเทศอีกด้วย
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ คือ เรื่องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ด้วยจุดแข็งของระบบสาธารณสุขไทย คือความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์ของเราซึ่งเป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงในระดับสากล รวมทั้งความทันสมัยของเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประกอบกับอัตราค่ารักษาพยาบาลของเราก็ต่ำ เมื่อเทียบกับบริการระดับเดียวกันในประเทศอื่น ตลอดจนความสะดวกและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่มีรองรับพร้อม
จุดแข็งดังที่กล่าวนั้น จึงนับว่าเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาใช้บริการในประเทศไทย และประเทศไทยก็ได้กลายเป็น“ศูนย์กลางทางการแพทย์” หรือ“ฮับ” (Medical Hub) ซึ่งนักท่องเที่ยวจากประเทศในตะวันออกกลางจำนวนมากที่เป็น“นักท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยม” นิยมเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นลำดับแรก
ที่ยกเรื่องประเทศซาอุดีอาระเบียมาพูดถึง ก็เพราะไม่เคยได้ยินรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทั้งสมัยนายเศรษฐา ทวีสิน และสมัย“มาดามแพ”ให้ความสำคัญเลยแม้แต่น้อย ว่าได้มีการสานต่อหรือบริหารจัดการในเชิงรุกไปถึงไหนแล้ว
ทั้งที่ประเทศซาอุดีอาระเบียนั้น เป็นประเทศมหาเศรษฐีที่พร้อมจะขนเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทย อีกทั้งเวลานี้ประเทศซาอุดีอาระเบียก็กำลังอยู่ระหว่างพลิกโฉมประเทศให้เป็นประเทศแห่งอนาคต ภายใต้ยุทธศาสตร์“Vision 2030” และต้องใช้เงินงบประมาณก้อนมหาศาลเพื่อบรรลุ“วิสัยทัศน์ 2030”ดังกล่าวนี้
ดังนั้น เข้าปีที่สองของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย จึงได้แต่เห็นทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน และ“มาดามแพ”เวลาไปประชุมเวทีโลก ก็มักจะพ่นน้ำลายอยู่กับคำว่า “จะชักชวนนักลงทุนต่างชาติ”ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ที่เห็นอยู่ข้างหน้าแค่เอื้อม คือ ประเทศซาอุดีอาระเบีย กลับละเลยที่จะฉวยคว้าเอาไว้ให้อยู่มือ
อยากรู้ว่าวันที่ 12 ธันวาคมสัปดาห์หน้า “มาดามแพ”จะเอาผลงานอะไรมาแถลงครบ 100 วันของรัฐบาลที่เธอเป็นนายกรัฐมนตรี เท่าที่เห็นก็มีแต่ผลงานเรื่องการถลุงเงินแบบ“ลด-แลก-แจก-แถม”จากการกระตุ้นเศรษฐกิจที่หมดไปเป็นแสนล้านบาท โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น รวมทั้งราคาคุย“คิดใหญ่-ทำเป็น”ที่มีแต่น้ำลายฟุ้งอยู่ในอากาศ
ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือ เพียงแค่ 100 วันที่“มาดามแพ”หรือ“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”ผู้สืบสันดานอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ประชาชนคนไทยต้อง“จมน้ำตา”จาก“อุทกภัย”ที่เกิดขึ้นถึงสองครั้งสองครา ทั้งภาคเหนือและภาคใต้
คนที่เชื่อเรื่องโชคลางเขาจึงบอกว่ายุคนี้เป็นยุค“นารีวิบัติ”-มีแต่ความหายนะ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี