เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับภูมิภาคของ Transparency International (TI) การเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงานครั้งนี้มีนัยสำคัญ แม้ปัจจุบันไทยจะไม่มีภาคีประจำประเทศอย่างเป็นทางการขององค์กรนี้ แต่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของไทยในการก้าวสู่เวทีระดับนานาชาติ
TI (Transparency International) เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชันระดับโลกมาตั้งแต่ปี 1993 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี องค์กรนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากการจัดทำดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (Corruption Perceptions Index: CPI) ซึ่งเผยแพร่เป็นประจำทุกต้นปีและได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและสาธารณชนทั่วโลก ดัชนีนี้ไม่เพียงสะท้อนภาพลักษณ์ด้านความโปร่งใสของแต่ละประเทศ แต่ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจลงทุนระหว่างประเทศและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ TI ยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันในระดับนานาชาติ การสนับสนุนการวิจัย และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ
ผม (ต่อภัสสร์ ยมนาค)ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมด้วย แม้ประเทศไทยจะยังไม่มีภาคีประจำประเทศ เพราะเคยได้พบกับผู้แทนของ TI ในการประชุมสัมมนาเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชันในระดับนานาชาติหลายครั้ง รวมถึง Summit for Democracy เมื่อ 2 ปีก่อน เลยมีโอกาสได้สังเกตการณ์ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากภาคีประจำประเทศต่างๆ ของ TI ทั่วภูมิภาค ที่นำเสนอโครงการนวัตกรรมและแนวทางการทำงานที่น่าสนใจหลายประการ โดยเฉพาะโครงการที่มุ่งเน้นการสร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว อาทิ การผลิตสื่อการ์ตูนที่สร้างสรรค์เพื่อให้ความรู้แก่เยาวชนเกี่ยวกับผลกระทบของคอร์รัปชันในรูปแบบต่างๆ ซึ่งนำเสนอเนื้อหาที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายและน่าสนใจสำหรับกลุ่มเป้าหมาย นับเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกและความเข้าใจเรื่องธรรมาภิบาลตั้งแต่วัยเยาว์
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาหลักสูตรฝึกงานสำหรับนิสิตนักศึกษาที่น่าสนใจ ซึ่งไม่เพียงช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การทำงานจริง แต่ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้คนรุ่นใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ได้เข้าใจถึงความสำคัญของความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในการทำงาน โครงการเหล่านี้มีการออกแบบกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการเรียนรู้ภาคทฤษฎี การลงพื้นที่ศึกษาดูงาน และการทำโครงการจริง สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชันให้ทันสมัยและเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น
หนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นและเป็นรูปธรรมคือโครงการเปิดเผยข้อมูลโครงการก่อสร้างภาครัฐขนาดใหญ่ ซึ่งประเทศไทยได้นำมาประยุกต์ใช้ผ่านโครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) และโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST) โครงการเหล่านี้ไม่เพียงสร้างกลไกการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังเปิดโอกาสให้ภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐอย่างใกล้ชิด
ผลการศึกษาวิจัยร่วมกันระหว่างคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) แสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ว่าทั้ง ข้อตกลงคุณธรรมและ CoST นั้นสามารถประหยัดงบประมาณได้ 4-5% ต่อโครงการ คิดเป็นมูลค่าการประหยัดหลายหมื่นล้านบาทต่อปี นอกจากการประหยัดงบประมาณแล้ว โครงการเหล่านี้ยังช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ สร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน และส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมในตลาด
แม้ประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าในการต่อต้านคอร์รัปชันหลายด้าน แต่การทำงานโดยขาดการเชื่อมโยงกับเครือข่ายระดับนานาชาติส่งผลให้เกิดข้อจำกัดหลายประการ โดยเฉพาะการขาดโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับนานาประเทศ ซึ่งอาจทำให้การพัฒนานวัตกรรมและแนวทางใหม่ๆ ในการต่อต้านคอร์รัปชันเป็นไปอย่างช้าๆ และอาจไม่ทันต่อรูปแบบการทุจริตที่ซับซ้อนขึ้นในปัจจุบัน
ที่สำคัญ ความสำเร็จหลายประการของไทยยังไม่ได้รับการเผยแพร่สู่เวทีนานาชาติอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้ความพยายามในการต่อต้านคอร์รัปชันของประเทศไม่สะท้อนออกมาในดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (CPI) เท่าที่ควร การขาดการสื่อสารและนำเสนอความก้าวหน้าในระดับนานาชาติทำให้นักลงทุนต่างชาติอาจไม่ได้รับรู้ถึงพัฒนาการด้านความโปร่งใสของไทย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจลงทุนและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
ในโลกทุกวันนี้ การทุจริตคอร์รัปชันได้พัฒนารูปแบบที่ซับซ้อนและไม่จำกัดอยู่ภายในพรมแดนของประเทศใดประเทศหนึ่ง เราได้เห็นตัวอย่างมากมายของการทุจริตข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือระหว่างนักการเมืองไทยกับนักธุรกิจต่างชาติในการทุจริตและฟอกเงิน การสร้างบริษัทบังหน้าในต่างประเทศเพื่อหลบเลี่ยงภาษี หรือการใช้ช่องทางการเงินระหว่างประเทศในการถ่ายเทเงินที่ได้จากการทุจริต
การขาดเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศที่เข้มแข็งทำให้การติดตามและปราบปรามการทุจริตข้ามชาติเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากแต่ละประเทศมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลและหลักฐานที่อยู่นอกเขตอำนาจของตน การสืบสวนสอบสวนมักต้องใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง บ่อยครั้งที่คดีต้องยุติลงเพราะไม่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานที่เพียงพอได้
ความซับซ้อนของปัญหาคอร์รัปชันในปัจจุบันต้องการความร่วมมือที่เข้มแข็งจากทุกภาคส่วนในระดับนานาชาติ การมีภาคีประจำประเทศอย่างเป็นทางการของ TI จะช่วยเพิ่มศักยภาพในหลายด้าน ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ และแนวปฏิบัติที่ดีกับนานาประเทศ การได้รับการสนับสนุนด้านวิชาการและทรัพยากรจากเครือข่ายระดับโลก ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพบุคลากรผ่านการฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติ
เครือข่าย TI ยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายและมาตรการต่อต้านคอร์รัปชันในระดับระหว่างประเทศ การเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายจะช่วยให้ประเทศไทยมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและมาตรฐานการต่อต้านคอร์รัปชันในระดับโลก รวมถึงได้รับการสนับสนุนในการผลักดันการปฏิรูปกฎหมายและนโยบายภายในประเทศให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
การจัดตั้งภาคีประจำประเทศอย่างเป็นทางการของ TI ในประเทศไทยจึงเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยยกระดับงานต่อต้านคอร์รัปชันของไทยสู่มาตรฐานสากล ไม่เพียงเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตานานาชาติ แต่ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาศักยภาพการทำงานผ่านการเชื่อมโยงกับเครือข่ายทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งและดำเนินงานให้ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
วันนี้ยังไม่สายเกินไปสำหรับประเทศไทยที่จะก้าวเข้าสู่เครือข่ายระดับโลกนี้ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันมีเพียงมาเลเซีย อินโดนีเซีย และกัมพูชาเท่านั้นที่มีภาคีประจำประเทศอย่างเป็นทางการของ TI การที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายนี้จึงไม่เพียงเป็นการยกระดับการต่อต้านคอร์รัปชันภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายในระดับภูมิภาคด้วย
การมีส่วนร่วมในเครือข่ายระดับโลกเช่น TI จะช่วยเพิ่มพลังในการต่อต้านคอร์รัปชัน เสริมสร้างความโปร่งใส และผลักดันให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก้าวไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนบนพื้นฐานของธรรมาภิบาลที่ดีต่อไป
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และ ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี