มีคำถามกันเองในหมู่คนไทยที่ติดตามการเมืองไทยว่า แพทองธาร ชินวัตร กล้าบ้าบิ่นเข้าไปรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อย่างไร ทั้งๆ ตนเองที่เคยไม่มีประสบการณ์การทำงานการเมืองโดยตรงแม้แต่น้อย
มีผู้วิเคราะห์สาเหตุที่แพทองธารอาจหาญรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีปัญญาบริหารประเทศ ก็เพราะเธอรู้ว่าทักษิณ ชินวัตร (พ่อของแพทองธาร) คือผู้ที่อยู่หลังเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ดังนั้น การรับตำแหน่งนายกฯ ของแพทองธาร ก็คือการเป็นหุ่นเชิดหุ่นชักของทักษิณ
ในขณะเดียวกันก็มีผู้วิเคราะห์ด้วยว่า แพทองธารมองว่าการบริหารประเทศไทยไม่ใช่เรื่องยากเย็นเข็ญใจ เพราะว่ามีนักการเมืองมากมายที่เป็นลูกน้องหรือลูกสมุนของทักษิณอยู่ร่วมรัฐบาลในนามพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้น การรับตำแหน่งนายกฯ ก็จึงไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ เพราะต่อให้นายกฯ ทำงานไม่ได้ แต่ก็ยังมีคนอื่นๆ ที่เป็นสมุนของพ่อของเธอ ทำงานแทนให้เธอได้ โดยเธอทำหน้าที่เป็นแค่เพียงตุ๊กตาเสียกบาลเท่านั้น
แต่เมื่อแพทองธารได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้ว เธอก็ได้ประจักษ์ชัดและแจ้งตระหนักว่าพ่อและสมุนของพ่อเธอนั้น ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาต่างๆ นานา ที่เธอต้องเผชิญทุกวัน ได้เหมือนกับที่เธอเคยคิดไว้
เมื่อแพทองธารเจอกับความจริงว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย มันไม่ใช่เรื่องง่ายดายสบายบรื๋อ ไม่ต้องใช้สติปัญญา ไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถ เหมือนการกินตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงสุดของธุรกิจในครอบครัวชินวัตร ต่อให้ทักษิณตั้งองครักษ์มากมายนับสิบนับร้อยรายล้อมตัวเธอไว้แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแพทองธารสามารถทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้อย่างสง่างาม ด้วยสติปัญญาของตนเอง ซึ่งต่างจากนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่เขามีประสบการณ์การเมือง และประสบการณ์ราชการไทยมาอย่างโชกโชน
นับจากแพทองธารรับตำแหน่งนายกฯ หลังจากเศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 จวบจนปัจจุบัน สาธารณชนในสังคมไทย รวมถึงชาวต่างชาติที่อาศัยในเมืองไทย ต่างรับรู้ตรงกันว่าแพทองธารบริหารประเทศไม่ได้ นอกจากนั้นยังเห็นเหมือนๆ กันว่า แพทองธารไม่มีคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีที่มีสติปัญญา และความรับผิดชอบต่อประชาชนคนไทย
เมื่อแพทองธารถูกสาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์ ว่าไร้ความรู้ ไร้ความสามารถ และไร้ประสบการณ์บริหารราชการแผ่นดิน โดยถูกวิจารณ์บ่อยและหนักเป็นประจำเกือบทุกวัน ก็ทำให้แพทองธารเกิดอาการเครียด จนต้องระบายความเครียดที่สะสมออกมาด้วยการพูดแบบเรื่อยเปื่อย ไร้สาระ ไร้ตรรกะ ไร้ข้อเท็จจริงทั้งในเชิงการเมืองการปกครอง และเชิงการบริหารระบบเศรษฐกิจ
อย่างล่าสุด เมื่อ แพทองธาร ถูกสาธารณชนตำหนิเรื่องการทำงานการเมืองแบบอ่อนด้อยมากๆ เข้า เธอก็ใช้การโพสต์เพื่อเหน็บแนมคนที่วิพากษ์วิจารณ์เธอว่า your negativity is a reflection of your own reality. Insecure people put others down to raise themselves up. หมายความว่า ความคิดเชิงลบของคุณ คือเครื่องสะท้อนความเป็นจริงของตัวคุณ และ ผู้ที่รู้สึกไม่มั่นคงต้องกดผู้อื่นลงเพื่อยกตัวเองขึ้น
อันที่จริงวลีที่แพทองธารโพสต์นั้นก็สะท้อนตัวตนของเธอเองด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า ความคิดเชิงลบของคุณนั้น มันสะท้อนความเป็นตัวตนที่จริงของคุณ แพทองธารอาจจะลืมไปว่าตนเองมีความคิดเชิงลบหลายเรื่อง แล้วก็ไม่เคยพยายามลดหรือขจัดความคิดเชิงลบของตนออกไป แต่เธอดีแต่เพ่งโทษคนอื่น กล่าวหาว่าคนอื่นว่าร้าย และจับผิดเธอ
แน่นอนว่าคนที่คิดลบตลอดเวลาไม่ใช่คนที่ดีงาม แต่ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วคิดไม่เป็น บริหารประเทศไม่เป็น ไม่รู้กาลเทศะ ไม่มีความรับผิดชอบในการกระทำของตน และไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤตให้สังคมไทยแม้แต่ครั้งเดียว ขอบอกตรงๆ ว่าคนสองชนิดนี้เลวร้ายไม่ต่างกันเลย แต่ที่สำคัญคือนายกรัฐมนตรีที่คิดไม่เป็น บริหารประเทศไม่เป็น ไม่จัดลำดับความสำคัญของปัญหาสังคมถือได้ว่าเลวร้ายยิ่งกว่าคนคิดลบผู้ซึ่งไร้อำนาจรัฐหลายแสนหลายล้านเท่า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี