วันที่ 1 ธันวาคม 2567 ระหว่างลงพื้นที่ในช่วงการประชุม ครม.สัญจร ที่ด่านศุลกากรแม่สาย ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสดราม่าทางโซเชียลว่า นายกฯ ละเลยพี่น้องภาคใต้ที่กำลังน้ำท่วม ว่า
“โอ้ คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ คงแต่งงานกับคนใต้ไม่ได้นะคะ”
1) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ “เจี๊ยบ” อดีตสส.ก้าวไกล ที่ได้แสดงความเห็น ผ่านเฟซบุ๊ก@Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ว่า “คำตอบไม่เคยเกินชายคาบ้าน เฉิ่มทุกครั้งที่อ้าปาก แนวคิดคนที่เอาตัวเองเป็นแกนกลางของจักรวาล โลกทั้งใบหมุนรอบตัวฉัน”
ต่อจากนั้นยังโพสต์อีกว่า “ตอบคำถามยังไงให้มีความเสี่ยงต้องมีผัวให้ครบทุกภาค”
2) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โพสต์ไอจีสตอรี่เป็นข้อความภาษาอังกฤษหลังเจอกระแสดราม่าและถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคำให้สัมภาษณ์ ไม่ละเลยคนภาคใต้ เพราะสามีก็เป็นคนใต้ ระบุว่า “Your negativity is a reflection of your own reality.” 100% ซึ่งเมื่อแปลเป็นภาษาไทย ว่า “ความคิดเชิงลบของคุณ สะท้อนถึงความเป็นจริงของตัวคุณเอง”
นอกจากนั้น ยังมีการแชร์อีก 1 ข้อความภาษาอังกฤษว่า “INSECURE PEOPLE PUT OTHERS DOWN TO RAISE THEMSELVES UP.” ซึ่งแปลความหมายคือ “คนที่ไม่มีความมั่นใจ กดคนอื่นให้ต่ำลง เพื่อยกตนเองให้สูงขึ้น”
3) เฟซบุ๊ก ปู จิตกร บุษบา โพสต์ข้อความว่า “เรามาเรียนวิชา “ความเชื่อมโยง” กันนะครับ” ความว่า...
n นายกฯ มีผัวเป็นคนใต้
n แต่คนใต้ (ที่หมายถึงประชาชนพลเมือง) มิได้เป็น “ผัวนายกฯ”
n การบอกว่า มีผัวเป็นคนใต้ จึงทิ้งคนใต้ไม่ได้ ไม่นับเป็นความเชื่อมโยง
n นายกฯ เป็นนายกฯ ของประเทศ ประเทศมีประชาชนพลเมือง ความสัมพันธ์ของนายกฯ กับผัว เป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว ความสัมพันธ์ของนายกฯ กับประชาชน เป็นความสัมพันธ์ส่วนรวม นายกฯ จึงควรไม่ละทิ้งคนใต้ เพราะคนใต้คือ ประชาชน ไม่เกี่ยวกับผัว
l นายกฯ รักผัว เพราะเขาคือผัว ไม่ใช่เพราะเขาคือคนใต้หรอก แต่พอดีว่าเขาเป็นคนใต้ก็เท่านั้น ความเป็นคนใต้ ของผัว จึงไม่อาจแทนค่ากัน ได้ ในสมการของความเป็นนายกรัฐมนตรี
l ไม่ต้องรักคนใต้เหมือนที่รักผัว จงรักคนใต้เพราะเขาคือ ประชาชน ที่กำลังเดือดร้อน
l ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี ความเดือดร้อนของประชาชน ไม่เกี่ยวอะไรกับผัว วันใดที่ประชาชนกับผัว เดือดร้อนพร้อมกัน ประชาชนก็ต้องมาก่อน ผัวมาทีหลัง เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ประชาชนกับผัว จึงไม่มีความเชื่อมโยงกัน
》 เดินออกจากมุ้ง ออกจากชายคาบ้าน มาเป็น #ผู้บริหารประเทศ ก่อนค่ะ
》 วันใดมีสติ รู้ตัว ว่าไม่ได้เป็นแค่ #หญิงมีผัวแต่เป็น #นายกรัฐมนตรี ที่มีประชาชนให้ต้องดูแลวันนั้นแหละ จะเป็นวันเดียวกับที่ไม่หอบลูกมาทำเนียบ มาวิ่งเล่นที่สนามหญ้า เพราะทำเนียบรัฐบาลไม่ใช่อาคารชินวัตรของพ่อ ของแม่ ของพี่ชายพี่สาว หรือของผัวที่นี่ไม่ใช่ตึกชินวัตร แต่เป็นที่ทำงานของ #นายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งจะมีพ่อ มีแม่ มีลูก มีผัว หรือไม่ก็ได้ แต่ต้องมีสติที่จะเป็น #นายกรัฐมนตรี ของประเทศไทยตลอดเวลา !!
4) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ผมไม่เชื่อเรื่องการเมืองแบ่งภูมิภาค” ระบุว่า พรรคไหนเป็นของคนภาคไหน รัฐบาลนี้เป็นของคนภาคนั้น ไม่มีอยู่จริง การตั้งข้อสังเกตเรื่องทำให้บางภาคไม่ทำให้อีกภาค จึงเป็นเรื่องที่ผมเห็นต่างมาตลอด เพราะรัฐบาลทำงานแบ่งตามภาคไม่ได้
สื่อมวลชนถามนายกฯอิ๊งค์ว่า มีคนพูดว่าละเลยภาคใต้หรือไม่ เป็นเสรีภาพในการทำหน้าที่สื่อ ส่วนที่นายกฯตอบว่ามีสามีเป็นคนใต้ ย่อมไม่ละเลยคนใต้ ถ้าฟังด้วยใจนิ่งๆ ก็เข้าใจได้ว่า เป็นการพูดเพื่อเชื่อมโยงให้เห็นบางมุม ระหว่างตัวเองกับคนภาคนี้ เพื่อยืนยันว่าไม่ทิ้งกัน เป็นส่วนหนึ่งในบทสนทนายาว ที่ให้ข้อมูลเรื่องแนวทางแก้ปัญหา และเหตุผลในการมาภาคเหนือ ไม่ใช่คำตอบเดียวในจักรวาลเพื่ออธิบายคำถามเรื่องภาคใต้
การประชุมครม.สัญจรกำหนดไว้ล่วงหน้าพักหนึ่งแล้ว เหตุผลที่ไปเชียงใหม่ เชียงราย ก็ไม่ใช่เพราะเป็นลูกสาวคนเหนือ แต่ทั้ง 2 จังหวัดเพิ่งเกิดน้ำท่วมหนักในรอบหลายสิบปี รัฐบาลแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ออกมาตรการเยียวยา ซึ่งผมแน่ใจว่าการโอนเงินเยียวยาน้ำท่วมเร็วที่สุด เจ้าของสถิติคือรัฐบาลชุดนี้
เมื่อเข้าสู่ภาวะปกติรัฐบาลก็มาจัดประชุมสัญจร ฉีดเม็ดเงินลงในพื้นที่ ปลุกบรรยากาศการท่องเที่ยว และติดตามเนื้องานอื่นๆ ถ้ามองในมิติการแก้ปัญหาพื้นที่ประสบอุทกภัย ครั้งนี้คือครบวงจรทั้งเฉพาะหน้า เยียวยา และฟื้นฟูหลังน้ำลด ถ้ายกเลิกการประชุมกะทันหัน คำถามจะไม่เกิดขึ้นอีกหรือว่าทิ้งคนภาคเหนือ
วันประชุมครม. นายกฯสั่งการให้ยกกระทรวงมหาดไทยทั้ง รมว. รมช. ปลัดกระทรวง อธิบดี ฯลฯ ลงพื้นที่แก้ปัญหา มีการรายงานผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์จากภาคใต้เข้าที่ประชุม ถือได้ว่าเป็นการประชุมครม.สัญจรพร้อมกันทั้งจากตอนเหนือสุดและตอนใต้สุดของประเทศ รมว.ยุติธรรม และรมช.กลาโหม ก็ลงพื้นที่ในช่วงต่อมา เพจพรรคเพื่อไทยสรุปการดำเนินงานของรัฐบาล ว่าตั้งแต่ก่อนน้ำท่วมจนถึง 30 พ.ย. มีรูปธรรมอย่างไร และต่อจากนี้จนถึงหลังน้ำลด ผมเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะพิสูจน์ผลงานและความตั้งใจจริงต่อพี่น้องภาคใต้ เหมือนที่มีต่อคนทุกภาค
ความเห็นผม นายกฯพูดเรื่องครอบครัวสามีเป็นคนใต้ เป็นมุมเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่จะขยี้กันจนแทบกลายเป็นวาระแห่งชาติ ผมห่วงใยพี่น้องที่น้ำท่วม แต่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะจัดการจนเราผ่านมันไปด้วยกันได้ ขณะเดียวกันผมห่วงใยบรรยากาศแบบนี้ด้วย แบบที่โจมตีกันทุกเรื่อง เล็กใหญ่ใส่หมดถ้าไม่ใช่ฝ่ายที่ตัวนิยม ไม่รู้เราจะผ่านจุดนี้ไปด้วยกันอย่างไร
5) นายวันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ทนายวันชัย สอนศิริ” เรื่อง “บุคลิกของนายกฯอุ๊งอิ๊ง” โดยระบุว่า...
คนที่เขาเกลียดคงไม่ต้องพูดถึงหรอก อะไรๆ เขาก็ด่านายกอุ๊งอิ๊งและพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ชอบและเชียร์นี่สิ เขาก็เริ่มไม่สบายใจกับเรื่องที่น่าเป็นห่วงของนายกอุ๊งอิ๊งสัก 2-3 เรื่อง...
1. บุคลิกลักษณะการแต่งเนื้อแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผม รองเท้า เขาพูดกันเยอะนะ... นายกผู้หญิงมันต่างกับนายกผู้ชาย ควรจะพิถีพิถันให้มันเหมาะสมไม่ควรจะเป็นขี้ปากใครด้วยเรื่องอย่างนี้...
2. ท่าทีการให้สัมภาษณ์ มันแสดงออกถึงความรู้ความสามารถและการเตรียมตัว ที่แล้วมามันบ่งบอกถึงความไม่พร้อม ไม่มีการเตรียมตัว มือไม้หน้าตามันเลิ่กลั่ก ระเกะระกะ ตื่นเต้น ประหม่า... ซึ่งคนที่เป็นผู้นำไม่ควรจะเป็นอย่างนี้
3. เรื่องครอบครัวผัวเมียลูกเต้า ดูคุณทักษิณสมัยเป็นนายกสิ คุณหญิงอ้อและลูกๆ ปรากฏตัวน้อยมาก ไปเท่าที่จำเป็นในบางครั้งบางโอกาสเท่านั้น...นายกอุ๊งอิ๊งกับสามีและลูกที่หอบกันไปหอบกันมาในหลายครั้งหลายโอกาส เขาวิจารณ์กันเยอะ... เรื่องครอบครัวก็เป็นเรื่องของครอบครัว หลังบ้านก็คือหลังบ้าน เราคือนายกของคนไทย... เรื่องอย่างนี้ไม่ควรจะให้ใครมาว่าได้
ทีมงานของนายกควรรีบแก้ไขโดยด่วน อย่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้อีกต่อไป... แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย มันก็บานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้... เพราะวุฒิภาวะของนายกคือหน้าตาของประเทศ ขนาดคนชอบคนเชียร์ยังรู้สึกได้ แล้วคนเกลียดล่ะ... มันจะไม่ขยายความขยายเรื่องกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวเลยรึ?
6) นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสดราม่านายกรัฐมนตรีไม่ลงพื้นที่น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ว่า คนใต้ส่วนใหญ่เข้าใจ เพราะตรงกับการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ และมีการวางแผนประชุมไว้ แต่ในช่วงน้ำท่วมนายกฯก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ส่งรองนายกรัฐมนตรีหลายท่านลงพื้นที่ภาคใต้ นอกจากนี้ นายกฯยังโทรศัพท์มาถึงตัวเองโดยตรงให้ดูแลประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ รวมถึงได้สั่งทุกกระทรวง ทบวง กรม ให้ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า มีเสียงชาวบ้านติติงเรื่องนี้หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่มีความเข้าใจ แต่สิ่งที่ประชาชนต้องการ คืออยากให้นายกฯเร่งฟื้นฟู และแก้ปัญหาระยะยาว โดยเฉพาะการแก้ปัญหาน้ำไหลลงทะเลที่มีความยากลำบาก เพราะมีการสร้างถนนขวางทางน้ำหรือบางที่อาจจะไม่มีท่อระบายน้ำ คูคลองต่างๆตันทำให้น้ำไหลไม่สะดวก จึงอยากให้นำปัญหาทั้งหมดมาพิจารณาเพื่อแก้ปัญหาทีเดียว หากครั้งหน้ามีปริมาณน้ำมากก็จะไม่เดือดร้อนเท่าครั้งนี้
สรุป :
ถ้าตั้งสติกันดีๆ ไม่เป็น “ขี้ข้า” ที่มีหน้าที่ “สอพลอ” เราจะรู้เลยว่า นายกรัฐมนตรี ควรได้สติจากเหตุการณ์นี้ด้วย “คำเตือน” ของใคร !!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี