ความด้อยปัญญาของ“แพทองธาร ชินวัตร”ที่เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งถูกบิดาเข็นขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี เวลานี้กำลังหมิ่นเหม่กับการกระทำที่ผิดกฎหมายในฐานะเป็น“ข้าราชการการเมือง”
“แพทองธาร ชินวัตร”อาจจะลืมว่าเวลานี้มีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่แค่เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือเป็นหลานอาของ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ซึ่งเป็นนักโทษคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่หลบหนีออกจากประเทศไทยและมีหมายจับของศาลฯติดตัว จึงให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อวันที่ 3ธันวาคมที่ผ่านมาเกี่ยวกับยิ่งลักษณ์ว่า มีการติดต่อกับยิ่งลักษณ์และนั่นก็ย่อมเท่ากับว่า“มาดามแพ”รู้ว่านักโทษผู้นี้หลบหนีอยู่ที่ไหน
ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ถาม“แพทองธาร ชินวัตร”กรณีที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรซึ่งเป็นนักโทษคดีทุจริตโครงการับจำนำข้าวคดีเดียวกับยิ่งลักษณ์ได้รับการพักโทษว่าเป็นการปูทางให้ยิ่งลักษณ์กลับเข้ามาในประเทศไทยหรือไม่
“แพทองธาร ชินวัตร”ตอบแบบเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องการบริหารราชการแผ่นดินและไม่รู้เรื่องกฎหมาย ตลอดจนกฎเกณฑ์ข้อบังคับต่างๆ ที่เป็นขื่อแปของบ้านเมืองว่า 'ท่านบุญทรงเป็นผู้ต้องขัง ท่านยิ่งลักษณ์ไม่ได้เป็น ไม่น่าจะเกี่ยวกัน'
คำให้สัมภาษณ์ของ“แพทองธาร ชินวัตร”ดังกล่าว อาจจะมองได้สองทางซึ่งทางแรก ถ้าตีความให้เป็นคุณแก่“มาดามแพ” เธอก็พูดถูกต้องและตรงประเด็นเพราะว่านายบุญทรง เตริยาภิรมย์เป็นผู้ต้องขังหรือนักโทษชั้นเยี่ยมที่เข้าหลักเกณฑ์การพักโทษโดยต้องโทษอยู่ในคุกมาแล้วเกินกว่า 2 ใน 3 ของโทษจำคุกที่มีทั้งหมด 10 ปี 8 เดือน ส่วน“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”เป็นนักโทษหลบหนีการติดคุก ที่มีโทษ 5 ปี และถูกศาลฯออกหมายจับ
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ วัย 64 ปี,ที่ไม่ได้เป็นนักโทษหลบหนีโทษเหมือน“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุกครั้งแรกในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 เป็นเวลา 42 ปีและต่อมานายบุญทรงได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อขอลดโทษเนื่องจากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมแต่อัยการโจทก์ได้ขออุทธรณ์เพิ่มโทษจำเลยเพื่อต่อสู้ด้วยในที่สุดศาลได้พิพากษาแก้โทษจำคุกนายบุญทรงเพิ่มอีกหนึ่งกระทงเป็นเวลา 6 ปีจากโทษเดิม 42 ปี รวมเป็น 48 ปี
ทั้งนี้ ระหว่างที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นนักโทษอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2560เป็นต้นมา ยังได้รับการลดโทษแบบกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์สมัยนายสมศักดิ์ เทพสุทินเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถึง 4 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 จาก 48 ปีเหลือ 36 ปีและครั้งที่ 2 เหลือ 24 ปี ส่วนครั้งที่ 3 และครั้งที่ 4 เฉพาะปี 2564ปีเดียวได้ลดโทษติดกันถึงสองครั้ง คือเหลือ 16 ปี และ 10 ปี 8เดือนตามลำดับ ซึ่งนับจากวันที่ 2 ธันวาคมที่ได้รับการพักโทษก็จะเหลือโทษจำต่อไปอีก 3 ปี 4 เดือน 20 วัน และจะพ้นโทษวันที่ 21 เมษายน 2571
สำหรับคำสัมภาษณ์ของ“แพทองธาร ชินวัตร”ในอีกทางหนึ่งนอกเหนือจากที่กล่าวมานั้นฟังแล้วเหมือนกับมีอะไรลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน จากคำพูดที่ว่า“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ผู้เป็นอาไม่ได้เป็นนักโทษหรือผู้ต้องขังและว่าไม่น่าจะเกี่ยวกันนั้น อาจจะถอดรหัสจากคำพูดของเธอได้ว่า บิดาของเธอคือ“ทักษิณ ชินวัตร”กำลังวางแผนหาช่องทางของกฎหมายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพื่อจะให้ยิ่งลักษณ์กลับมาโดยไม่ต้องติดคุกก็เป็นได้ โดยที่เธอลืมคิดจึงเผลอพูดออกมา
แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับ การให้สัมภาษณ์ของ“แพทองธาร ชินวัตร”ในวาระเดียวกันนี้ จากการถามของผู้สื่อข่าวว่า“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ได้ประสานมาหรือไม่ว่าจะกลับไทยเมื่อไหร่อย่างไรซึ่ง“มาดามแพ”ได้ตอบว่า 'ไม่มีค่ะ เหมือนเดิม โทรคุยเฉยๆ ค่ะ'
คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว“แพทองธาร ชินวัตร” ผิดมหันต์เพราะเธอเป็นนายกรัฐมนตรี และด้วยปัญญาที่มีอยู่น้อยนิดจึงไม่รู้ว่าคำพูดนี้ได้มัดคอตนเองซึ่งเข้าข่ายการกระทำที่ผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ในฐานะเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร-มีอำนาจหน้าที่สูงสุดในการบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อให้ปฏิบัติงานสอดคล้องกับแนวนโยบาย, ยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดถึงหลักกฎหมายต่างๆ ของบ้านเมือง
เพียงแค่ยกรัฐธรรมนูญปี 2560 ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มาตรา 164 (1)ซึ่งมีข้อบัญญัติเกี่ยวกับหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินเอาไว้ว่าคณะรัฐมนตรีอันหมายรวมถึงนายกรัฐมนตรี ต้อง“ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ เปิดเผยและมีความรอบคอบและระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่าง ๆเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม”-ข้อนี้ข้อเดียวก็อยู่หมัดแล้ว
บรรรดา“นักร้อง”ทั้งหลายสามารถยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยสั่งให้“แพทองธาร ชินวัตร”พ้นหรือสิ้นสุดจากการเป็นนายกรัฐมนตรีได้เช่นเดียวกับที่นายเศรษฐา ทวีสินเคยโดนมาแล้ว เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4)และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5)
ด้วยเหตุที่นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ“แพทองธาร ชินวัตร”ได้ติดต่อกับ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”นักโทษหลบหนีคดีทุจริตโกงบ้านกินเมืองที่มีโทษติดตัว 5 ปีและถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ออกหมายจับมาตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2560 จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
นอกจากนี้“แพทองธาร ชินวัตร”ก็ยังอาจจะเข้าข่ายความผิดฐานช่วยเหลือผู้กระทำผิด รวมทั้งละเว้นการกระทำหรือกระทำการใดๆ ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่เป็นข้าราชการการเมืองด้วย
และวันเดียวกันกับที่ให้สัมภาษณ์เรื่อง“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ตามที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น นายกรัฐมนตรีไอแพดผู้นี้ก็ยังอาจจะเข้าข่ายการกระทำที่ผิดระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วย“การให้หรือรับของขวัญของเจ้าหน้าที่ของรัฐ”ที่ห้ามให้หรือรับของขวัญมูลค่าเกิน 3 พันบาทโดยครอบคลุมสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย จากการที่“มาดามแพ”ซื้อสลากกาชาดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จำนวน 100 ใบราคา 8 พันบาทมอบให้แก่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
คิดๆ ดูแล้วบิดาของเธอช่างอำมหิตเหลือเกิน ที่“จับ”ลูกสาวซึ่งไร้วุฒิภาวะและอ่อนด้อยทางปัญญา รวมทั้งขาดความรอบรู้ในด้านต่างๆเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน มา“เชิด”เป็นนายกรัฐมนตรี !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี