กรณีประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศใช้กฎอัยการศึกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
นำมาซึ่งการคัดค้านของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประชาชนชาวเกาหลีใต้อย่างฉับพลัน
จนในที่สุด ฝ่ายประธานาธิบดีก็ต้องยุติการประกาศใช้กฎอัยการศึก และถูกยื่นถอดถอน ตลอดจนมีการเรียกร้องให้ดำเนินคดีทางอาญากับตัวประธานาธิบดียุนด้วย
เหลือเชื่อว่ากรณีเช่นนี้ จะถูกพลพรรคส้มนำมาปั่นเพื่อแซะทหารและสถาบันที่อยู่เหนือการเมืองในประเทศไทย
1. แฟนเพจพรรคประชาชน ถึงกับโพสต์แสดงความยินดี “ร่วมยินดีเกาหลีใต้ปกป้องประชาธิปไตยสำเร็จ ยืนยันเดินหน้าผลักดันกฎหมายป้องกันรัฐประหาร”
เนื้อหาบางส่วน ระบุว่า
“...ภายในไม่ถึงช่วงข้ามคืนเดียว สถานการณ์ภายในเกาหลีใต้พลิกกลับจากที่กำลังจะก้าวขาเข้าสู่ความเป็นเผด็จการทหารอีกครั้งผ่านการประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดี มาสู่การโต้กลับของทั้งประชาชนและนักการเมือง จนทำให้ความพยายามทำ “รัฐประหาร” ครั้งนี้ไม่สำเร็จ
พรรคประชาชนขอแสดงความยินดีกับประชาชนชาวเกาหลีใต้ ที่สามารถปกป้องประชาธิปไตยเอาไว้ได้สำเร็จจากการรัฐประหาร
นี่คือปรากฏการณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อประเทศมีกฎหมายที่ให้อำนาจและเครื่องมือแก่ประชาชนในการต่อสู้กับการรัฐประหาร เช่น ให้สภามีอำนาจยกเลิกกฎอัยการศึกได้ ผนวกกับประชาชนและนักการเมืองต่างก็มีความกล้าหาญ ไม่จำนนต่อการยึดอำนาจ และพร้อมใจกันที่จะใช้เครื่องมือนั้นในการร่วมปกป้องประชาธิปไตย การรัฐประหารก็ย่อมจะต้องล้มเหลวไป
ชัยชนะของประชาชนในครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประเทศต่างๆ ทั่วโลกว่าการป้องกันการรัฐประหารเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่กองทัพมีบทบาททางการเมืองสูงและมีความเสี่ยงที่จะเกิดการรัฐประหาร อย่างเช่นประเทศไทย...
...ในส่วนของกฎหมาย ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการแก้กฎหมายหลายประการ เช่น
(1.1) การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อเพิ่มหมวดป้องกันรัฐประหารซึ่งพรรคประชาชนได้เสนอเข้าสภาไปแล้ว มีเนื้อหาประกอบไปด้วย
- การคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการต่อต้านการรัฐประหาร
- กำหนดให้เจ้าหน้าที่รัฐมีหน้าที่ในการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวกับการทำรัฐประหาร
- ห้ามไม่ให้ศาลทั้งปวงรองรับการทำรัฐประหาร
- กำหนดให้ทุกสถาบันทางการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญมีหน้าที่ร่วมกันปกป้องประชาธิปไตยจากการรัฐประหาร
- ห้ามนิรโทษกรรมคณะรัฐประหาร
- ให้ประชาชนเป็นผู้เสียหายฟ้องผู้ก่อรัฐประหารได้โดยไม่มีอายุความและศาลต้องตัดสินภายใน 24 ชั่วโมง...”
2. ยิ่งกว่านั้น เครือข่ายพรรคส้มถึงกับนำมาขยายความกันต่อ
บ้างก็แซะทหารไทย หาว่ายังมีเกณฑ์ทหาร ไม่มีความเป็นมืออาชีพไม่เคารพประชาชนเหมือนเกาหลีใต้ (เกาหลีใต้บังคับชายทุกคนเป็นทหาร)
บ้างก็แซะว่าเกาหลีใต้ไม่มีคนเซ็นรับรองรัฐประหาร จึงถูกประชาชนต่อต้านสำเร็จ ฯลฯ
พฤติกรรมเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นการสำรอกขยะพิษทางสติปัญญาออกมาประจานตัวเองโดยแท้
โดยเฉพาะความเพ้อเจ้อเรื่องกฎหมายต้านรัฐประหาร
เหตุที่เกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึกแล้วล้มเหลว สังคมไม่เอาด้วย เพราะบ้านเมืองเกาหลีใต้ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้สังคมมาถึงจุดวิกฤตคับขันถึงขีดสุดจริงๆ
นักการเมืองเกาหลีใต้ ไม่ได้ขี้โกงเหมือนนักการเมืองไทย
ไม่มีการใช้สภาล้างผิดคนโกง
ไม่มีรัฐบาลโกง ที่ระบบกฎหมายจัดการไม่ได้
ไม่ได้กำลังจะเสียอธิปไตย
ไม่มีกองกำลังติดอาวุธก่อเหตุร้ายกลางเมือง ฆ่าประชาชนตายกลางเมือง รัฐล้มเหลว ฯลฯ
ไม่มีสถานการณ์แบบนั้นเลย แต่ประกาศใช้กฎอัยการศึก แบบนี้ใครๆก็ไม่เอาด้วย
ในประเทศไทย ต่อให้ไม่มีกฎหมายต้านรัฐประหาร ถ้าอยู่ดีๆ มีทหารทำรัฐประหาร มันก็กลายเป็นกบฏได้เหมือนกัน
ส่วนรัฐประหารในไทย ที่หลายครั้งทำแล้วประชาชนไม่ออกมาต่อต้าน นักการเมือควรตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเอง ว่าทำตัวเลวทรามขนาดไหน ประชาชนจึงสิ้นหวัง นำพาประเทศไปสู่ทางตัน เกิดเงื่อนไขความชอบธรรมให้กับการแก้ปัญหาด้วยวิธีพิเศษ แถมทำแล้วประชาชนโดยรวมโล่งใจ เอาดอกไม้ไปมอบให้ทหาร
การรัฐประหาร มันคือการฉีกรัฐธรรมนูญ ถ้าทำไม่สำเร็จ ก็คือกบฏโทษประหารชีวิต
แต่ถ้าทำสำเร็จ คณะรัฐประหารถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์ อะไรที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญก็เป็นอันลบล้างไปด้วย แล้วเขาค่อยใช้อำนาจประกาศให้สถาบันองค์กรใดๆ ยังทำหน้าที่ต่อไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวอันไหน ฯลฯ
เพราะฉะนั้น จะไปเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่มีผล
ถ้าต้องการต่อต้านรัฐประหาร ดีที่สุด คือ นักการเมืองเองนั่นแหละอย่าสร้างเงื่อนไขรัฐประหาร ถ้าไม่มีเงื่อนไข ใครยังขืนทำรัฐประหารก็จะล้มเหลวเอง (เคยล้มเหลวหลายครั้ง)
ยิ่งกว่านั้น ตามระบอบการปกครองของไทย การประกาศกฎอัยการศึกก็ดีการบริหารประเทศก็ดี หรือแม้แต่การรัฐประหารก็ดี สถาบันกษัตริย์ไม่ได้เข้ามาจัดการด้วยเลย
เป็นเรื่องที่นักการเมือง ข้าราชการ ต้องดำเนินการกันเองทั้งสิ้น
การลงพระปรมาภิไธยอะไร ก็เป็นไปตามข้อบัญญัติในรัฐธรรมนูญนั่นเอง ไม่ใช่ว่าพระมหากษัตริย์เป็นผู้สั่งให้ทำสิ่งนั้น
พฤติกรรมการโหนกระแสเรื่องเกาหลีใต้ขณะนี้ จึงเป็นความพยายามจะปั่นข้อมูลบิดเบือนเพื่อแซะ ตามแบบของขบวนการสามนิ้วเดิมนั่นเอง
3. คุณนันทิวัฒน์ สามารถ ได้ให้ความเห็นน่าสนใจ ว่าด้วยเรื่อง“เกาหลีใต้โมเดล”
บางตอน ระบุว่า
“ค่ำคืนที่ผ่านมา เกาหลีใต้ประกาศใช้กฎอัยการศึก เหตุผลที่ประธานาธิบดีชี้แจง คือ เพื่อจัดการแก้ไขปัญหาการคุกคามทางทหารของเกาหลีเหนือ และฝ่ายค้านมีใจเอนเอียงสนับสนุนเกาหลีเหนือ
แต่ สส.ฝ่ายค้านและประชาชนคัดค้านการประกาศใช้กฎอัยการศึก เปิดประชุมสภาฉุกเฉินและลงมติไม่รับรองการประกาศกฎอัยการศึก ให้ยกเลิกการใช้กฎอัยการศึก ประชาชนไม่สนับสนุนรัฐบาล
ฉากการเมืองของเกาหลีใต้จะดำเนินต่อไปยังไง ค่อยติดตามดูกันอีกที
มีคำถามที่น่าสนใจว่า ทำไมคนที่อยู่ในอำนาจ อย่างประธานาธิบดีต้องตัดสินใจใช้อำนาจเด็ดขาด แม้ว่าฝ่ายค้านจะเข้มแข็งเพียงใดก็ไม่น่ากล้าบ้าบิ่นขนาดนี้
ความกลัวภัยคุกคามด้วยนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือมันแรงขนาดนั้นเลย หรือมีมหาอำนาจใดอยู่เบื้องหลัง ให้ท้าย หรือกระซิบให้ผู้นำเกาหลีใต้ตัดสินใจ
เรื่องอย่างนี้ ก็เคยเกิดขึ้นในไทย รัฐบาลยึดอำนาจตัวเอง ด้วยความกังวลใจที่สภามีนักการเมืองฝักใฝ่คอมมิวนิสต์จำนวนมาก และมีมหาอำนาจหนุนหลังให้การสนับสนุน เพื่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ และปิดล้อมจีน
การที่นักการเมืองเกาหลีใต้และประชาชนร่วมมือกันต่อต้านการใช้กฎอัยการศึก อาจมีสาเหตุจากเศรษฐกิจในเกาหลีใต้ตกต่ำ ฝ่ายบริหารเผด็จการ มีปัญหาคอร์รัปชั่น
ไม่น่าใช่สนับสนุนประชาธิปไตย
อาจเป็นไปได้ว่า คนเกาหลีใต้ไม่อยากให้มีการเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือ ไม่อยากให้เกิดสงคราม สู้รบกับเกาหลีเหนือ ไม่ยอมเป็นเครื่องมือให้มหาอำนาจลากเกาหลีใต้เข้าสู่สงครามนิวเคลียร์ จึงหันมาสนับสนุนฝ่ายค้านที่โปรเกาหลีเหนือ
นักการเมืองไทยไม่รอช้า รีบโดดงับทันที เรียกร้องให้คนไทยออกมาต่อต้าน ไม่สนับสนุน หากมีการยึดอำนาจรัฐประหารของทหารในอนาคต
อยากช่วยชี้แจงแทนทหาร ทหารไม่ได้อยากยึดอำนาจจากนักการเมืองหรอก
สำเร็จหรือพ่ายแพ้เหมือนเดินอยู่บนเส้นด้าย
โอกาสแพ้หรือชนะพอๆ กัน
แต่ส่วนใหญ่สำเร็จ เพราะคนไทยเบื่อนักการเมืองที่โกงกิน บ้าอำนาจเสวยสุขบนความทุกข์ยากของประชาชน นักการเมืองและรัฐสภาไม่ใช่ทางออก
ดูได้จากคนไทยเอาดอกไม้ อาหาร น้ำมาให้ทหารที่ยึดอำนาจ
แสดงว่าคนไทยพอใจเต็มใจที่ทหารออกมาจัดการนักการเมืองโกงกิน กระบวนยุติธรรมไม่สามารถจัดการนักการเมืองโกงกินได้
หากไม่อยากให้มีรัฐประหาร สส.นักการเมืองต้องไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น เลิกการโกงกิน
เลิกช่วยเหลือนักการเมืองโกงกิน
ฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ตรวจสอบการโกงกินของฝ่ายบริหารอย่างเอาจริงเอาจังมากกว่านี้ ให้ได้เหมือนกรณีจำนำข้าว...”
สุดท้าย... เมื่อพิจารณาข้อมูลความเป็นจริงที่เกาหลีใต้ต่างจากประเทศไทยแล้ว
จึงได้ข้อสรุปว่า พรรคส้มกระโดดโหนเกาหลีใต้ ก็เพื่อหลอกคนโง่เท่านั้นเอง!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี