ตำนานเสี่ยเปี๋ยง คดีสินบนบ้านเอื้ออาทร
นอกจากโทษจำคุก 50 ปีที่เสี่ยเปี๋ยงได้รับการพักโทษไปแล้ว
ศาลฎีกาฯ ยังพิพากษาริบเงินสินบน กว่า 11 กรณี รวมกว่า 1,300 ล้านบาท เป็นเงินที่ได้มาจากการกระทําความผิด โดยให้จำเลยร่วมกันชำระแก่แผ่นดินด้วย
1. ศาลมีอำนาจริบทรัพย์สินที่เจ้าหน้าที่ของรัฐได้มาจากการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือบุคคลได้มาจากการกระทำความผิดในฐานะที่เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ
เมื่อมีการรับเงินมาจากการกระทำผิด แล้วได้โอนเงินเข้าบัญชีบุคคลอื่นหลายบัญชี และมีการเบิกถอนเงินสดด้วย เชื่อว่าโดยสภาพของเงินที่ได้รับมาไม่สามารถส่งมอบหรือคืนได้ อันเป็นการที่แสดงให้เห็นว่า การติดตามเอาคืนกระทำได้ยากเกินสมควร จึงให้จำเลยผู้มีหน้าที่ต้องส่งชำระเป็นเงินแทนตามมูลค่าของเงินที่ศาลสั่งริบ
โดยให้จำเลยที่ 1 (นายวัฒนา), 4 (เสี่ยเปี๋ยง), 6 (น.ส.กรองทอง) และ 8 (บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริฯ) ร่วมกันชำระเป็นเงินแทนตามมูลค่าจำนวน 1,323,006,750 บาท
จำเลยที่ 5 (น.ส.รัตนา) ร่วมชำระจำนวน 763,197,000 บาท
จำเลยที่ 7 (น.ส.รุ่งเรือง) ร่วมชำระ 1,056,267,000 บาท
และจำเลยที่ 10 (นายอริสมันต์) ร่วมชำระจำนวน 40 ล้านบาท
2. ในคำพิพากษาคดีสินบนบ้านเอื้ออาทร คดีหมายเลขดำที่ อม.42/2561 คดีหมายเลขแดงที่อม.15/2563
ส่วนที่เป็นข้อมูล พยาน หลักฐาน อันเกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินสินบน หรือค่าตอบแทน หรือค่าหัวคิว เส้นทางสินบนที่ผู้ประกอบการเอกชนได้จ่ายแก่เสี่ยเปี๋ยงและลูกน้อง
ปรากฏทั้งหมด 11 กรณี
ตัวอย่าง เช่น
(1) กรณีบริษัท พ.
ได้รับอนุมัติจำนวนหน่วยก่อสร้าง 7,500 หน่วย ได้เงินล่วงหน้าจากการเคหะแห่งชาติ 11.23% จำนวนเงิน 353,750,000 บาท เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทได้รับคำสั่งจัดทำใบสั่งจ่ายเงินจำนวน 82.5 ล้านบาท ลงบัญชีเป็นรายจ่ายต้องห้าม ต่อมาบริษัท สั่งจ่ายเช็คเงินสด 11 ฉบับรวมเป็นเงิน 18.75 ล้านบาท และสั่งจ่ายเช็คเงินสดอีก 34 ฉบับ เป็นเงิน 63.75 ล้านบาท
เช็คดังกล่าวนำไปเรียกเก็บเงินเข้าบัญชีลูกน้องเสี่ยเปี๋ยง จากนั้นมีการโอนเงินเข้าบัญชีเสี่ยเปี๋ยงและบริษัทของเสี่ยเปี๋ยง รวมเป็นเงิน 82.5 ล้านบาท
(2) กรณีบริษัท พ. (มหาชน)
ผู้บริหารบริษัทเบิกความยืนยันว่า เดิมบริษัทขอจัดทำโครงการบ้านเอื้ออาทรแต่ไม่ได้รับอนุมัติ หลังจากนั้น ได้ติดต่อกับเอกชนด้วยกันหลายราย บริษัทเหล่านั้นแนะนำให้ไปติดต่อเสี่ยเปี๋ยง เมื่อไปพบเสี่ยเปี๋ยง เสี่ยเปี๋ยงรับปากจะช่วย โดยคิดค่าใช้จ่ายในการผลักดันเป็นรายโครงการ โดยจะต้องชำระหลังได้รับอนุมัติโครงการ
เมื่อได้รับอนุมัติ 40,000 หน่วย จึงขอเบิกเงินล่วงหน้า งวดแรก 420 ล้านบาทงวดที่สอง 420 ล้านบาท และงวดที่สาม 840 ล้านบาท รวมเงินล่วงหน้า 1,680 ล้านบาท
หลังได้รับเงินล่วงหน้างวดแรก ลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงโทรมาตามทวงเงินตามที่ตกลงไว้ จึงสั่งจ่ายเช็คเงินสด 3 ครั้ง ครั้งที่หนึ่งสั่งจ่ายเช็คเงินสด 8 ฉบับ ฉบับละ 10 ล้านบาท รวม 80 ล้านบาท ครั้งที่สอง สั่งจ่ายเช็คเงินสด 11 ฉบับ ฉบับละ 10 ล้านบาท รวม 110 ล้านบาท และครั้งที่สามอีก 7 ฉบับ รวม 73.33 ล้านบาท (6 ฉบับฉบับละ 10 ล้านบาท และอีกหนึ่งฉบับ 13.33 ล้านบาท)รวมเช็ค 26 ฉบับ 263.33 ล้านบาทนำไปมอบให้เสี่ยเปี๋ยง เช็คดังกล่าวมีการเรียกเก็บเงินเข้าบัญชีของลูกน้องเสี่ยเปี๋ยง172 ล้านบาท ที่เหลือโอนเข้าบัญชีชื่อบุคคลอื่น
(3) กรณีกิจการร่วมค้า พ.
ผู้บริหารกิจการร่วมค้าฯ ให้การยืนยันว่า ได้เข้าร่วมประชุมผู้ประกอบการรายใหญ่กับนักการเมือง นักการเมืองแจ้งว่า บริษัทที่ประสงค์เข้าโครงการจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอัตราหน่วยละ 11,000 บาท
หลังจากนั้น ได้รับแจ้งให้ติดต่อเสี่ยเปี๋ยงให้ดำเนินการเรื่องนี้
ต่อมา ลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงแจ้งว่า การเคหะฯ อนุมัติโครงการที่ยื่นไว้แล้ว รวมจำนวน 14,537 หน่วย กิจการร่วมค้า พ. ได้รับเงินล่วงหน้าจากการเคหะฯ หลายครั้ง ลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงโทรมาทวงถามเงินตามที่ตกลงไว้ จึงสั่งจ่ายเช็คเงินสดลงวันที่ 22 ก.พ.2549 2 ฉบับ รวมเป็นเงิน 55 ล้านบาท และเช็คเงินสดลงวันที่ 2 มี.ค.2549 2 ฉบับ รวมเป็นเงิน 6.457 ล้านบาท และยังให้ลูกสาวเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คเงินสดลงวันที่ 7 เม.ย.2549 2 ฉบับ รวมเป็นเงิน 55 ล้านบาท และสั่งจ่ายเช็คเงินสดลงวันที่ 20 ก.ค.2549 จำนวน 33 ล้านบาทรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 149.457 ล้านบาท
โดยนำเช็คดังกล่าวไปมอบให้ลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงจากนั้นมีการนำเช็คไปเรียกเก็บเงินเข้าบัญชีลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงและโอนต่อไปบางส่วน
(4) กรณีกิจการร่วมค้า อ.
ยื่นข้อเสนอจัดทำโครงการบ้านเอื้ออาทร 4,000 หน่วย เป็นโครงการรังสิตคลองเก้า1,360 หน่วย และโครงการพัทยา (หนองปรือ) 2,051 หน่วย ได้ทราบว่าหากจะให้โครงการได้รับอนุมัติจะต้องติดต่อเสี่ยเปี๋ยงผู้บริหารจึงได้ไปพบเสี่ยเปี๋ยง จากนั้นลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงเป็นผู้ประสานงานและต่อรองค่าใช้จ่ายจากหน่วยละ 10,000 บาท เป็นหน่วยละ 9,000 บาท เมื่อตกลงค่าใช้จ่ายได้แล้ว ก็ได้รับอนุมัติ 4,000 หน่วย ต่อมา ได้รับอนุมัติเบิกเงินล่วงหน้าจากการเคหะฯ 84 ล้านบาท แต่ก่อนจะได้รับเงินล่วงหน้าลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงได้เร่งรัดขอเงินจำนวนแรกก่อน ผู้บริหารจึงเดินทางไปพบลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงที่โรงแรมและมอบเงิน 4 ล้านบาท
หลังจากนั้น การเคหะฯ จ่ายเงินล่วงหน้า 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 จำนวน 83.215 ล้านบาท และครั้งที่ 2 จำนวน 80.275 ล้านบาท เมื่อได้รับเงินล่วงหน้าแต่ละจำนวนแล้ว ลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงคนเดิมจะตามทวงเงินส่วนที่เหลือหลายครั้ง
วันที่ 4 พ.ค. สั่งจ่ายเช็คเงินสด 10.3 ล้านบาท แล้วนำไปมอบให้เสี่ยเปี๋ยงเช็คดังกล่าวนำไปเรียกเก็บเงินเข้าบัญชีลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงแล้วถอนเงินสดไปเข้าบัญชีบริษัทของเสี่ยเปี๋ยง
สำหรับเงินส่วนที่เหลือเมื่อได้รับเงินล่วงหน้าแล้ว ลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงคนเดิมก็เร่งรัดให้รีบชำระให้ครบถ้วนตามที่ตกลง จึงได้ให้ภรรยาออกเช็คเงินสด ลงวันที่ 7 ก.ค. 2549 จำนวน 21.63 ล้านบาท นำไปมอบให้ลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงคนเดิม
(5) กรณีบริษัทไชน่า สเตทฯ (ประเทศไทย)
ผู้จัดการโครงการของบริษัท ยืนยันว่า ได้ยื่นเสนอโครงการบ้านเอื้ออาทรต่อการเคหะฯ ต่อมา ลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงโทรศัพท์ติดต่อ แล้วจากนั้นได้มาพบที่บริษัท ขอค่าใช้จ่ายในการผลักดันโครงการร้อยละ 3 ต่อหน่วย หลังจากนั้น ได้นำเรื่องเข้าที่ประชุมบริษัทและเห็นว่าเป็นอัตราที่สูงเกินไป จึงให้ต่อรองไม่เกินอัตราร้อยละ 2.5 ต่อหน่วย จากนั้น จึงติดต่ออีกหลายครั้ง จนเมื่อบริษัทได้เข้าทำสัญญา 30,000 หน่วย ในการอนุมัติเบิกเงินล่วงหน้าเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2548 นักการเมืองพิจารณาจำนวนเงินล่วงหน้าให้แก่บริษัทจำนวนแรกเป็นเงิน 210 ล้านบาท โดยบริษัทได้ขอเบิกเงินล่วงหน้า 5 ครั้ง หลังจากนั้น การเคหะฯ จ่ายเงินล่วงหน้ารวมจำนวน 1,470 ล้านบาท
ทุกครั้งลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงจะโทรแจ้งให้ทราบก่อนว่าการเคหะฯ อนุมัติจ่ายเงินล่วงหน้าแล้ว ให้เตรียมรับเงิน กับให้จ่ายเงินตามที่ตกลงกันไว้
เมื่อบริษัทได้รับเงินล่วงหน้าแล้ว จึงได้สั่งจ่ายเช็คเงินสด จำนวน 8 ฉบับ รวมเป็นเงิน 301 ล้านบาท มอบให้ลูกน้องเสี่ยเปี๋ยง เช็คดังกล่าวนำไปเรียกเก็บเงินเข้าบัญชีลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงอีกคน
(6) กรณีบริษัทไชน่า หัวฟงฯ (ประเทศไทย)
ผู้บริหารบริษัทให้การยืนยันว่า เคยยื่นโครงการแต่ไม่ได้รับการอนุมัติ ต่อมาทราบจากผู้ประกอบการรายอื่นว่า หากจะยื่นใหม่ให้ติดต่อเสี่ยเปี๋ยง จึงจะได้รับอนุมัติจากนั้นให้ที่ปรึกษาไปพบเสี่ยเปี๋ยงรับปากจะผลักดันโครงการโดยคิดค่าใช้จ่ายเป็นเงินหน่วยละ 10,000 บาท ต่อมา การเคหะฯอนุมัติรับซื้อ 1 โครงการ คือ โครงการสมุทรสาคร 2 (คลองสี่วาพาสวัสดิ์) รวม 1,244 หน่วย ทำสัญญาจริง 1,228 หน่วย ลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงเจ้าเก่าโทรทวงถามให้ชำระเงิน บริษัทจึงสั่งจ่ายเช็ค 11 ฉบับ รวมเป็นเงิน 13.480 ล้านบาท แล้วนำไปมอบให้ลูกน้องเสี่ยเปี๋ยง
ต่อมา บริษัทยังจ่ายเช็คเงินสด ลงวันที่ 29 ก.ย. 2549 จำนวน 89 ล้านบาท
(7) กรณีบริษัท ซ. และบริษัท น.
ทั้งสองบริษัทได้ทำสัญญาร่วมทุนเพื่อดำเนินการค้าเกี่ยวกับโครงการบ้านเอื้ออาทร ได้รับอนุมัติ 6,500 หน่วย
ได้รับเงินล่วงหน้าจากการเคหะฯ สองครั้ง ครั้งที่หนึ่ง 137 ล้านบาท และครั้งที่สอง 136 ล้านบาท
รวมเงินล่วงหน้า 273 ล้านบาท
หลังได้รับเงินล่วงหน้า ได้สั่งจ่ายเช็คเงินสด 2 ฉบับ ฉบับแรกลงวันที่ 10 เม.ย.2549 จำนวน 35.75 ล้านบาท ฉบับที่สอง ลงวันที่ 19 เม.ย. 2549 จำนวน 35.75 ล้านบาทรวมเป็นเงิน 71.5 ล้านบาท เช็คดังกล่าวมีการนำไปเรียกเก็บเข้าบัญชีลูกน้องเสี่ยเปี๋ยง ฯลฯ
ข้างต้น คือตัวอย่างบางกรณี เพื่อให้สังคมเห็นว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาฯมีความละเอียด ลงลึกแค่ไหน
ปรากฏรายละเอียด ขั้นตอน ตัวบุคคล สถานที่ สอดรับกับการจ่ายเช็คเงินสด โจ่งแจ้งแดงแจ๋ 11 กรณี
ระบุชัดเจนว่า นักการเมืองมีความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวด้วยอย่างไร มีรายละเอียดเป็นขั้นเป็นตอน และสอดคล้องเชื่อมโยงกัน มีลักษณะเป็นการร่วมกันกระทำเป็นขบวนการอย่างมีระบบอย่างไร แม้จะไม่ปรากฏว่าได้รับเงินสินบนโดยตรงก็ตาม
เงินสินบนกว่า 1,300 ล้านบาท เป็นเงินที่ได้มาจากการกระทําความผิดที่ศาลมีอํานาจริบได้
ศาลฎีกาฯ ได้พิพากษาให้จำเลยร่วมกันชำระแก่แผ่นดิน
จนบัดนี้ การชำระตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ไปถึงไหนแล้ว? รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ต้องหาคำตอบให้สังคม
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี