หลังจากที่ ท่านพ่อมดลูกสามหลานเจ็ดแห่งนครสารขัณฑ์ ได้เปลี่ยนอาชีพไปเป็นนักวิทยาศาสตร์เดินทางสำรวจโลกยาวนานเกือบ 20 ปี “เปิ้น” ก็ได้ตัดสินใจ“ปิ๊กบ้าน” ทันที เพราะ “อยากกลับมาเลี้ยงหลาน”

“การกลับสู่สารขัณฑ์ของท่านพ่อมด” นั้น แท้จริงต้องไปชดใช้กรรมอยู่ในเรือนจำ 1 ปี แต่ด้วย “อภินิหารของคาถาสุดขลัง” พ่อมดได้จำแลงแปลงร่างเป็น “เทวดา” ไปอยู่ในวิมานชั้น 14 ของคอนโดฯดาว 8 แฉก โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวอย่าง “สุดเท่”

“อยู่บนวิมาน ชั้น 14 ได้ 181 วัน แล้วท่านพ่อมดก็แปลงร่างเป็นโยคีศานติศีล ไปปลีกวิเวกอยู่ในอาศรมรัชนีส่องแสง”

ตลอดเวลาที่โยคีปลีกวิเวกอยู่ในอาศรม โยคีก็โหยหาอยาก “ปิ๊กบ้านเกิด” ที่นครพิงค์ตลอดเวลา

แล้วในช่วงสงกรานต์ปีนี้ที่ผ่านมา “โยคีเฒ่าก็ได้ปิ๊กบ้านอย่างสมใจนึก” หลังจากได้ “จ๊ะจ๋า” กับเพื่อนเก่าและกองเชียร์เดิม ท่านโยคีก็ได้กล่าวกับแฟนคลับว่า “สงกรานต์ปี 2567 ปูน้องรัก จะกลับมาฉลองสงกรานต์ที่นครพิงค์แน่นอน”

ทันทีที่ “ท่านโยคี” ได้ลั่นวาจา “ปูจะกลับมาสงกรานต์ปีหน้า” ทันใดนั้น สื่อทั้งหลายต่างก็ “ตั้งกองอีแร้งข่าว” คอยติดตามการกลับมาของนางพญาผมเป๊ะว่า “เปิ้นจะกลับมาแบบไหน?”โดยเปิ้นไม่ต้องถูกขังในเรือนจำจากคดีจำนำข้าวใช่หรือไม่? นางแบกและนายแบกทั้งหลายที่เป็นข้าราชการและเสนาบดีจะช่วยเปิ้นอย่างไรไม่ให้ติดคุกในเรือนจำ?

“กองข่าว” ของกลุ่มอีแร้งข่าว อีกาข่าว และเหยี่ยวข่าว ต่างติดตามรายการ “ปูปิ๊กบ้าน” อย่างยาวนานก็ยังไม่ได้รับความกระจ่างชัดว่า “ปิ๊กบ้านแบบไหน? ไม่ต้องติดคุกเหมือนท่านพ่อมด?”

บัดนี้เวลา 8 เดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก จากเดือนเมษายน 2567 จนถึงวันนี้เดือนธันวาคม 2567 กระแสข่าว “ปูปิ๊กบ้านแน่” เริ่มจะกลายเป็น “เรื่องจริง”

วันนี้ “เค้าลาง” ที่นางพญาผมเป๊ะ จะได้กลับสู่นครสารขัณฑ์โดยชีไม่ต้องถูกคุมขังให้อยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว“เลียบแบบ” เดียวกับพ่อมดลูกสามหลานเจ็ดนั้น “กำลังจะเกิดขึ้น”

จะเกิดขึ้นแบบไหน อ่านต่อฉบับวันพรุ่งนี้

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม