ยังมิทันที่ “ผู้เฒ่าลิ้ม/-สนธิ ลิ้มทองกุล” ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือ “เมเนเจอร์” และอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)จะลั่นระฆังรบ “รัฐบาลขายชาติ”ตามคำประกาศเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา (25 พ.ย.2567)
ดูเหมือนว่า “รัฐบาลสืบสันดาน” จะฝ่อจนเสียอาการ ลนลานสำรอกสำรากอาจมข่มขู่ สารพัดกล่าวอ้างดำเนินการตามกฎหมายหากการชุมนุมนั้นฝ่าฝืนหรือผิดกฎหมาย, อ้างกระทบอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เอาตรงๆ ก็คงจะบอกว่ากระทบเศรษฐกิจ
จะทำให้วิกฤตเศรษฐกิจ ทั้งที่ 90 วันที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ทำให้ปากท้องประชาชนดีขึ้น นอกจากสร้างหนี้สาธารณะไม่รู้จบ แต่กลับโอ้อวดว่าจีพีดีบวกขึ้นทั้งที่ไม่มีรายงานหลักฐานอ้างอิง
รัฐบาลสร้างเงื่อนไขให้เกิดการปฏิวัติครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่คิดจะตักน้ำใส่กะโหลกแม้แต่น้อย เอาแต่สร้างวาทกรรมสำรอกสำรากหลอกแฟนคลับ หลอกติ่งแดงด้อมส้ม(อดีตติ่งแดง)ให้มีความหวังรายวันเรื่อยไปว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวโดยรัฐบาลนี้จนคนไทย “ ...มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี...”ลมๆ แล้งๆ
หายใจเข้า-ออกนอกจากแจกปลาไม่ให้เบ็ด...ก็ร่วมมือฝ่ายค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญกติกาเข้าสู่อำนาจทางการเมืองเพื่อ... ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อตนเองและพวกพ้อง ว่างก็แซะเซาะกร่อนบ่อนทำลายกองทัพ เสนอกฎหมายจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เพื่อหวังล้วงลูกกองทัพสบายกึ๋น
เหมือนสมัย “พ่อจุ้นจ้านเสือกทุกเรื่อง” ได้สำแดงเดชไว้ในปี 2545 ที่กองทัพไทยได้“พลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร” ผู้ครองยศพลตรีเป็นพลเอกในสองปีนั่ง ได้เป็นผู้บัญชาการทหารบก ทั้งที่ไม่เคยสังกัดกำลังหลักทั้งวงศ์เทวัญและบูรพาพยัคฆ์ ก่อนขึ้นเป็นจอมพลในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดในปีถัดไป
รัฐบาลสืบสันดานปล่อยให้พ่อจุ้นจ้านเสือกทุกเรื่อง ครอบครอง, ครอบงำ แล้วแต่จะคิดแต่ผลลัพธ์ที่เกิดคือ แนวทางดำเนินการจะเป็นไปอย่างที่พ่อ
จุ้นจ้านเสือกทุกเรื่องสำรอกสำรากอาจมตามเวทีต่างๆ
ปี 2549 คณะนายทหารภายใต้ชื่อ “คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือคปค.” ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร หลังจาก “ผู้เฒ่าลิ้ม/- สนธิ ลิ้มทองกุล, มหา 5 ขัน/-พลตรีจำลอง ศรีเมือง, พิภพ ธงไชย, สมศักดิ์ โกศัยสุข,สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ฯลฯ” เป็นแกนนำนำมวลชนชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในระบอบทักษิณที่มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นมากมาย
ในปี 2557 คณะนายทหารภายใต้ชื่อว่า “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.” ปฏิวัติยึดอำนาจจาก “นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล” รักษาการนายกรัฐมนตรีหลัง “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ถูก “ศาลปกครองสูงสุด” พิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งจากการแต่งตั้งโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” ไม่เป็นธรรม หลังจาก “ลุงกำนัน/-สุเทพ เทือกสุบรรณ” และแกนนำกปปส.จำนวนหนึ่งนำมวลชนออกมาต่อต้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ซึ่งดำเนินการโดย “หัวเขียง /-ประยุทธ์ ศิริพานิชย์” ซึ่งสภามีมติให้ผ่านร่างกฎหมายในเวลา 02.00 น.เศษ
และเชื่อว่าอีกไม่นาน “ผู้เฒ่าลิ้ม /- สนธิ ลิ้มทองกุล” คงเป็นหัวหอกนำมวลชนออกมาต่อต้านรัฐบาลสืบสันดานที่ดึงดันดื้อดึงจะนำสนธิสัญญาที่อ้างกันว่าเป็นแค่บันทึกข้อตกลง(MOU2544) มาใช้เป็นบรรทัดฐานในการเจรจากับราชอาณาจักรกัมพูชาภายใต้การบริหารประเทศโดยฮุนมาเนต /- สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต”นายกรัฐมนตรีสืบสันดาน ซึ่งเป็นบุตรชายคนที่สองของ “จอมพลสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุนเซน”
ท่ามกลางการท้วงติงของหลายฝ่ายที่เกรงกันว่า การเจรจาของทั้งสองฝ่ายตามสนธิสัญญาดังกล่าวและจากสายสัมพันธ์ระบบเครือญาติที่แน่นแฟ้นของผู้นำกัมพูชา และพ่อจุ้นจ้านที่เสือกทุกเรื่องผู้ครอบครองนายกรัฐมนตรีสืบสันดานอาจทำให้ไทยต้องเสียดินแดนและผลประโยชน์จากแหล่งพลังงานทางธรรมชาติใต้เกาะกูดไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี