เมื่อวานนี้ “ไอซ์ รักชนก” รอดคุก
ศาลอาญายกคำร้องเพิกถอนการประกันตัว คดี ม.112 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
แต่ขาข้างหนึ่งก็เหมือนเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว
เพราะศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุก 6 ปี เพียงแค่ สส.ไอซ์ ได้ประกันตัว ยังไม่ต้องเข้าคุก รอคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
1. เมื่อวานนี้ นางสาวรักชนก ศรีนอก หรือ “ไอซ์” สส.พรรคประชาชน ได้เดินทางมาศาลอาญา รัชดา เพื่อฟังคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว คดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.683/2565
พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
คดีนี้ ศาลอาญา พิพากษา จำคุกนางสาวรักชนก จำนวน 2 กระทง กระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา
ซึ่งศาลอาญาอนุญาตให้นางสาวรักชนก ประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน 5 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำผิดในลักษณะเดียวกันนี้อีก
ต่อมา วันที่ 28 ตุลาคม 2567 นายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูรยื่นคำร้องขอตรวจสอบหลักทรัพย์ และคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัวนางสาวรักชนก ระบุว่า ระหว่างการประกันตัว เจ้าตัวได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวพาดพิงสถาบัน ซึ่งผิดเงื่อนไขการประกันตัว ซึ่งศาลอาญาก็ได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่ายไปแล้ว
เมื่อวานนี้ สส.ไอซ์ รักชนก เปิดเผยหลังฟังคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว ระบุว่า ศาลได้ยกคําร้อง ไม่เพิกถอนการประกันตัว
2. สส.ไอซ์ รักชนก ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ตนได้ทําการเปลี่ยนหลักประกันจากตําแหน่ง สส. ของนายชัยธวัช ตุลาธน เป็นเงินสดเรียบร้อยแล้ว ประมาณ 500,000 บาท
คดีนี้ ตนได้ยื่นอุทธรณ์ และหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมเพราะต่อสู้ทุกอย่างแล้วเท่าที่จะทําได้
3. เท่ากับว่า สส.ไอซ์ก็ได้รับความเป็นธรรมแล้ว จากการไม่เพิกถอนประกัน
จนกว่าจะหลักฐานใหม่ หากมีการทำผิดเงื่อนไข ก็คงจะมีคนยื่นต่อศาลอีก เป็นเรื่องปกติ
ทางที่ดี ก็ไม่ทำผิดเงื่อนไข เท่านั้นเอง
ส่วนคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จะออกมาอย่างไร มิบังควรจะไปก้าวล่วง
ส่วนที่สส.ไอซ์ เป็นถึง สส. แล้วตีฝีปากล่วงหน้า ประเภทหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม
ระวัง มิใช่ว่าหากศาลอุทธรณ์ตัดสินออกมาให้เป็นโทษแก่ตนเอง จะหาว่าไม่เป็นธรรม มิได้
ขณะนี้ ศาลให้ความเมตตาแก่ สส.ไอซ์อยู่แล้ว
อย่าลืมว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ชี้ว่าผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯผิด ม.112 จำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา
ศาลจะเมตตา ให้ประกันตัว สส.ก้าวไกลรายนี้ แทบจะทันที(ไม่ต้องเข้าคุกนอนเรือนจำสองคืนเหมือนคดี สส.อดีตแกนนำ กปปส. จนต้องสิ้นสภาพ สส.)
ถ้าไปดูพฤติการณ์ ถ้อยคำ ที่ปรากฏในคำพิพากษา สิ่งที่สส.ไอซ์เผยแพร่ออกไปนั้น รุนแรง หยาบคาย ต่อสถาบันฯอย่างยิ่ง
มิใช่การคิดต่าง แต่เข้าข่ายข่มขู่อาฆาตมาดร้ายด้วยซ้ำ
ได้ประกันตัวนี่ก็ถือว่าศาลยุติธรรมให้ความเมตตาสุดๆ แล้ว
4. คดีนี้ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2566 ศาลอาญาพิพากษา จำคุก สส.ไอซ์ 6 ปี ผิดตามมาตรา 112
ขณะนี้ ผ่านไป 1 ปีพอดี
ศาลอุทธรณ์ก็คงจะมีคำพิพากษาชี้ขาดออกมาไม่ช้านานหลังจากนี้
อย่าลืมว่า เป็นคดีขึ้นมา เพราะการกระทำของ สส.ไอซ์นั่นเองไม่มีใครไปกลั่นแกล้งอะไรเลย
เพราะเกิดจากการโพสต์ข้อความใน Twitter กล่าวหารัฐบาลว่าพยายามผูกขาดการผลิตวัคซีนโควิด-19 และว่าเกี่ยวเนื่องกับองค์พระมหากษัตริย์ โดยในโพสต์มีพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ประกอบป้ายข้อความรุนแรง
ทั้งยังโพสต์ซ้ำข้อความของผู้อื่นที่ไม่อาจนำมาเขียนในที่นี้ได้เพราะเป็นข้อความที่รุนแรงมาก (อันนี้รุนแรงเข้าข่ายข่มขู่อาฆาตมาดร้าย)
ไม่ใช่แบบที่ สส.ก้าวไกลและสาวก หลับหูหลับตาออกมาปกป้อง ใช้ตรรกะเดิมๆ คืออ้างว่าเป็นการออกความเห็นทางการเมือง
ความจริง คือ ข้อความที่ สส.ไอซ์โพสต์นั้น ทำให้พระมหากษัตริย์เสียหายรุนแรง ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนไม่ดี และแถมด้วยมีลักษณะข่มขู่อาฆาดมาดร้าย
การกระทำเช่นนี้ ต่อให้ทำกับบุคคลทั่วไป ก็อาจจะถูกดำเนินคดีได้เช่นกัน
แต่นี่บังอาจกระทำต่อพระมหากษัตริย์ ในช่วงสถานการณ์โควิด ที่มีการเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว ม็อบล้มล้างการปกครองยิ่งทำให้คนเข้าใจผิด เกิดความรู้สึกเกลียดชังต่อสถาบันอย่างรุนแรง
5. น่าสังเกตว่า หนึ่งในข้อความที่ศาลยุติธรรมพิพากษา ชี้ว่า สส.ไอซ์ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และ ม.112 นั้น คือ ให้ร้ายเกี่ยวกับวัคซีนโยงกับสถาบัน
น่าคิดว่า หากมีใครยื่น ป.ป.ช. สอบเอาผิด สส.ไอซ์ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง (ปมเดียวกับ ช่อ พรรณิการ์)
น่าจะรอดยาก
เพราะการชี้ขาดประเด็นฝ่าฝืนจริยธรรม ไม่ต้องรอคดีอาญา (เช่น กรณีปารีณา, กรณีช่อ)
โดยกรณี สส.ไอซ์ ถึงขนาดอัยการสั่งฟ้อง และศาลอาญาพิพากษาว่า ให้ร้ายจาบจ้วงล่วงละเมิด ดูหมิ่น ข่มขู่อาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างร้ายแรง
แม้คดียังไม่ถึงที่สุด แต่ก็น่าจะเพียงพอที่จะเชื่อได้ว่ามีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ไม่สมควรให้ดำรงตำแหน่ง สส.
ตลอดไป
ป.ป.ช.สามารถยื่นศาลฎีกาให้มีคำพิพากษาชี้ขาดได้ต่อไป
น่าสงสัยว่า มีใครยื่นต่อ ป.ป.ช.ในประเด็นนี้แล้วหรือยัง?
6. นอกจากคดีของ สส.ไอซ์ ยังมีคดี ม.112 ของนายธนาธรกรณีโจมตีใส่ร้ายสถาบันเรื่องวัคซีน น่าจะใกล้มีคำพิพากษาของศาลแล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีคดี ม.112 ของคนที่ใช้วาทกรรมโจมตีให้ร้ายสถาบันเรื่องวัคซีน ตามแนวทางวาทกรรมของนายธนาธร อาทิ เพนกวิน เบญจา ฯลฯ ทยอยมีคำพิพากษาแล้วเช่นกัน
คดีของบรรดา สส.พรรคก้าวไกล และแกนนำม็อบสามนิ้ว ก็เช่นกัน กำลังทยอยพิจารณาในชั้นศาล ตามขั้นตอน
และจะทยอยมาถึงวันพิพากษาในอีกไม่นาน
ด้วยเหตุนี้เอง พรรคก้าวไกลจึงตาลีตาเหลือก ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม
โดยต้องการให้รวมเอาความผิดมาตรา 112 ด้วย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี