เห็นบอกว่า นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ จะแถลงผลงาน 3 เดือนของรัฐบาล
แต่ปรากฏว่า ที่แถลงขายฝันออกข่าวไปนั้น เป็นแผนงาน มาตรการหรือนโยบายที่จะทำในปี 2568 เป็นส่วนใหญ่
ผลงาน คือ สิ่งที่ทำแล้ว
ส่วนสิ่งที่จะทำ ต้องเรียกว่า แผนงาน
แต่ถ้าคุยโว โม้ไปเรื่อย ก็ไม่ต่างจากตั้งเวทีหาเสียงช่วงเลือกตั้งเรียกว่า ขายฝันไปวันๆ
1. นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ประกาศแคมเปญ “โอกาสไทยทำได้จริง” ระบุว่า นโยบายที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 5 นโยบายหลัก ได้แก่ “ล้างหนี้ประชาชน-บ้านเพื่อคนไทย-ทุนการศึกษา-รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย-ดิจิทัลวอลเล็ต”
ยกตัวอย่าง
นโยบายหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน จะกลับมาอีกครั้ง โดยจะใช้เงินจากกองสลาก ส่งเด็กเก่งไปเรียนปริญญาตรีในมหา’ลัย ทั้งในและต่างประเทศ
โครงการที่เปิดโอกาสให้เด็กไทยได้ไปฝึกภาษาที่ต่างประเทศเป็นเวลาสั้นๆ ในโครงการ “1 อำเภอ 1 ซัมเมอร์แคมป์”
โครงการอัปเกรดโรงเรียนประจำอำเภอ ทำให้เป็นโรงเรียนต้นแบบเติมครู เติมเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาทักษะทางภาษา และ AI ให้เด็กๆ ในทุกอำเภอ
โครงการ SML ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง อัดฉีดเงินลงไปในทุกหมู่บ้าน พร้อมกับกองทุนเพื่อฟื้นฟู SME ซึ่งเป็นฐานรากของเศรษฐกิจไทยอีกกว่า 5,000 ล้านบาท
โครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” (Public Housing) คอนโดคุณภาพดีพร้อมเฟอร์นิเจอร์พร้อมอยู่ เริ่มต้นประมาณ 30 ตารางเมตร ผ่อนเดือนละประมาณ 4,000 บาท เป็นเวลาประมาณ 30 ปี และให้สิทธิอยู่อาศัย 99 ปี
โครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 เงินสดจะถึงมือผู้สูงอายุ 4 ล้านราย ไม่เกินตรุษจีนนี้ หลังจากนั้น จะดำเนินการระยะที่ 3 สำหรับบุคคลทั่วไป
นโยบายแก้หนี้ครัวเรือน เน้นที่หนี้ “รถยนต์” และ “บ้าน” โดยธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคาร ตกลงที่จะลดการส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูลง 0.23% ซึ่งเป็นเงินกว่า 39,000 ล้านต่อปี และธนาคารพาณิชย์จะเติมให้อีก 39,000 รวมกันเป็น 78,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อพักดอกเบี้ย 3 ปี ให้ลูกหนี้จ่ายคืนเงินต้นได้เต็มจำนวน โดยจะเริ่มดำเนินการในต้นปี 2568 พร้อมมาตรการประนอมหนี้แบบพิเศษที่จะล้างหนี้ให้ทั้งหมด สำหรับลูกหนี้มูลหนี้ต่ำกว่า 5,000 บาท
นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์กล่าวด้วยว่า ผลงานของรัฐบาลแพทองธาร เป็นผลงานที่ต่อเนื่องมาจากการบริหารงานของนายกฯ เศรษฐา
จากนี้ จะร่วมกันเดินไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ วางรากฐานของประเทศไทยในทศวรรษหน้า ให้คนไทยมีกิน-มีใช้-มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรี
ประเทศไทยในปี 2568 จะเป็นปีแห่ง “โอกาส” รัฐบาลจะสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างอนาคตที่เป็นจริง จะเป็นปีแห่งการสร้าง “People Empowerment”เพิ่มอำนาจประชาชน
2. วรงค์ เดชกิจวิกรม ดึงสติว่า “แถลงนโยบายไม่ใช่ผลงาน”
“...ผมอุตส่าห์ตั้งใจฟัง คำแถลงผลงานของนายกรัฐมนตรี เสียเวลาไป 1 ชั่วโมง
เขาจัดรูปแบบใหม่ เพื่อลบข้อครหาอ่านไอแพด ให้อุ๊งอิ๊งค์โชว์ศักยภาพเต็มที่แต่ดูแล้วมันฝืนธรรมชาติ
ใช้สติและสมาธิ พร้อมจดประเด็นผลงานรัฐบาล ฟังไปฟังมา ยังหาผลงานในรอบ 3 เดือนไม่ได้
ส่วนใหญ่กลายเป็นการแถลงนโยบาย 2568 โอกาสไทยทำได้จริง ปีหน้าปีแห่งโอกาสและความหวัง นโยบายที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ ในอนาคต
สรุปแล้วกลายเป็นคำแถลงนโยบาย ไม่ใช่ผลงาน เพราะไม่มีผลงานที่จะแถลง ที่สำคัญอุ๊งอิ๊งค์ ไปเอาอะไรมาก็ไม่รู้ มาพูดจั่วหัวมั่วไปหมด หาคำหรูมาพูดและโยนให้รองนายกฯ
ผมคิดว่าถ้าอุ๊งอิ๊งค์หาผลงานตนเองไม่ได้ ขอสรุปผลงานเด่นของอุ๊งอิ๊งค์ที่อยู่ในใจประชาชน
1.นักโทษเทวดา ชั้น14 มีอิทธิพลเหนือรัฐบาล
2.การปล่อยนักโทษคดีจำนำข้าวชนิดยกฝูง
3.เศรษฐกิจซบเซา แม้แจกเงินหมื่นไปแล้ว ไม่มีพายุหมุน มีแต่ลมที่ผาย
ออกมา มีการปลดพนักงานมากที่สุด แม้แต่สื่อทีวีใหญ่ การค้ารายเล็กรายน้อยเงียบเหงา
4.MOU44 เอาอกเอาใจเขมรครั้งใหญ่ที่สุด โดยไม่เกรงกลัวต่อการเสียดินแดน
5.เอาแต่กู้เงินมาใช้ แต่ไม่มีปัญญาหาเงิน จึงจะต้องขึ้นภาษีแวต15%
6.พยายามทำให้ทหารรับใช้การเมือง ให้เป็นแบบตำรวจ
7.มอมเมาประชาชนด้วยหวย บ่อนที่จะเกิดขึ้น”
3. ในความเป็นจริงแล้ว หากรัฐบาลมีความจริงใจ ตั้งใจจริง
เมื่อวานนี้ สมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย (สสรท.) สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ยื่นจดหมายเปิดผนึก ถึงนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยเรื่อง “คำมั่นสัญญาที่จะแก้ไขปัญหาปากท้องของผู้ใช้แรงงานและประชาชน ถึงเวลา...ต้องทำทันที”
เนื้อหาสาระในหนังสือ หลายเรื่อง สะท้อนสิ่งที่รัฐบาลเคยสัญญาไว้ และถ้าลงทำจริง ก็จะกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ผลงาน” ได้จริงๆ
ยกตัวอย่าง
“...๑. รัฐบาลต้องสนับสนุนการปรับขึ้นค่าจ้างให้เท่ากันทั้งประเทศ ครอบคลุมคนทำงานในทุกภาคส่วน ต้องทำทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขตามที่แถลงไว้ ก่อนที่จะถูกประณามว่า “รัฐบาลตระบัดสัตย์”
...๒. รัฐบาลต้องยกเลิกการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในทุกรูปแบบ ในทางกลับกันรัฐบาลต้องสนับสนุนส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและการให้บริการแก่ประชาชนให้เข้าถึงบริการที่ดี มีคุณภาพมาตรฐาน พัฒนาศักยภาพองค์กร เพิ่มและพัฒนาบุคลากรให้พร้อมต่อการให้บริการ หากกิจการใดที่จะต้องช่วยเหลือประชาชนแบบให้เปล่า ฟรี หรือให้บริการในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนดำเนินการ เพื่อลดรายจ่ายประชาชน รัฐบาลต้องชดเชยงบประมาณแก่หน่วยงานนั้นอย่างเพียงพอ...
...รัฐบาลต้องมีมาตรการในการควบคุมราคาสินค้าที่เกี่ยวข้อง จำเป็นในการดำเนินชีวิตอย่างจริงจัง ไม่ให้มีราคาแพง ไม่ให้มีการผูกขาดทางการค้า ยกเลิกสัญญาการให้บริการสาธารณะ เช่น ไฟฟ้า ประปา น้ำมัน ก๊าซ การขนส่ง การสื่อสาร โทรคมนาคม ที่รัฐบาลทำไว้กับเอกชน โดยนำกลับมาให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการเอง และกำหนดราคาที่เป็นธรรมกับประชาชน เพื่อเป็นการลดรายจ่ายของประชาชน
เฉพาะหน้า นโยบายพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลประกาศไว้ เช่น
รายได้ต่อครอบครัวไม่น้อยกว่า ๒๐,๐๐๐ บาท
เงินเดือนปริญญาตรี ๒๕,๐๐๐ บาท
รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล ๒๐ บาท ตลอดสาย
ลดราคาน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า เพื่อลดรายจ่ายประชาชน
และการปรับขึ้นค่าจ้าง ๖๐๐ บาทเท่ากันทั้งประเทศ
“ให้ประชาชนอยู่ดี กินดี มีศักดิ์ศรี”
รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร “ต้องทำทันที” อย่างไม่มีเงื่อนไข”
4. ดูการแถลง หรือโชว์เมื่อวานนี้แล้ว ก็เหมือนพยายามการจัดเวทีเพื่อให้ลูกสาวนายใหญ่ นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ได้ขายฝัน เท่านั้นเอง
ในสมัยรัฐบาลเศรษฐา ก็มีเวที “IGNITE THAILAND” นั่นยังดูดีกว่า
แต่ตัวนายกฯ ตัวผู้นำคนปัจจุบัน ไม่ได้ทำให้คนไทยเกิดความเชื่อมั่นอะไรได้เลย
ไม่ได้แสดงถึงความทุ่มเท ร่วมทุกข์ร่วมสุข อุทิศตัวเพื่อส่วนรวมเลย
เหมือนได้มาเป็นนายกฯ เพราะอิทธิพลบารมีพ่อ
ไม่ใช่ด้วยสติปัญญาประสบการณ์ความรู้ความสามารถของตนเอง
ปี 2568 จึงไม่ชวนให้เชื่อว่าจะเป็นปีแห่งโอกาสประเทศไทยและคนไทย
แต่ทำให้เกิดความวังเวงด้วยซ้ำว่า จะเป็นปีแห่งการเสียโอกาสประเทศไทย
หากอุ๊งอิ๊งค์ยังเป็นนายกฯ ต่อไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี