วิญญูชนไม่ปฏิเสธว่านักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยมีพฤติกรรมฉ้อโกงสารพัดรูปแบบ และโกงกินฉ้อฉลมานานหลายทศวรรษ แล้ววิญญูชนก็ไม่โต้แย้งในเรื่องข้าราชการไทย ทั้งข้าราชการพลเรือนและข้าราชการทหารตำรวจจำนวนไม่น้อย มีพฤติกรรมโกงกินฉ้อฉล แล้วก็ยังยอมรับว่าพ่อค้านักธุรกิจไทยจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ที่มีพฤติกรรมฉ้อโกงคดโกง โดยอาจจะโกงแบบเดี่ยวๆ หรือร่วมกันโกงกับรัฐบาล นักการเมือง และข้าราชการ
เมื่อบ้านเมืองไทยมีคนโกงบ้านกินเมืองเป็นจำนวนมิใช่น้อย ก็ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยวิพากษ์ว่า เมืองไทยมีแต่คนโกง แต่บางครั้งประชาชนก็ลืมพิจารณาตัวเองไปว่าตัวประชาชนบางกลุ่มบางจำพวกก็สนับสนุนให้เกิดการโกงบ้านกินเมืองด้วย โดยเฉพาะการที่ประชาชนเลือกนักการเมืองโกงบ้านกินเมืองไปเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)
ประชาชนอาจไม่พอใจนักการเมืองโกงบ้านกินเมือง และไม่พอใจที่คนกลุ่มต่างๆ โกงกินบ้านเมือง จนเมื่อประชาชนไม่สามารถทบรับพฤติกรรมฉ้อโกงเหล่านั้นได้
ต่อไป ก็จะแสดงความไม่พอใจออกมาในรูปแบบต่างๆ เช่น วิพากษ์วิจารณ์ แล้วไปจบที่การประท้วง แต่กว่าประชาชนจะออกไปประท้วง ก็กินเวลานาน เหตุที่ประชาชนไทยไม่ออกไปประท้วงพฤติกรรมโกงกินของนักการเมืองโดยทันที ก็เพราะอาจมีประชาชนบางกลุ่มยอมรับพฤติกรรมการโกงกินของนักการเมืองได้บ้าง จนมีคำพูดว่า โกงไม่ว่า แต่โกงแล้วแบ่งให้ฉันด้วยก็แล้วกัน แต่ถ้าหากนักการเมืองโกงกินมากๆ จนประชาชนเห็นว่าถ้าปล่อยไว้ต่อไปบ้านเมืองจะพินาศ ประชาชนก็จะออกมาคัดค้านต่อต้านคนโกง
กลไกต่อต้านรัฐบาลโกงบ้านกินเมืองโดยประชาชนคือการประท้วงในรูปแบบต่างๆ แต่ทว่าการประท้วงของประชาชนก็ไม่สามารถทำให้รัฐบาลจอมโกง ยุติการโกงบ้านกินเมืองได้ เพราะต่อให้ประชาชนประท้วงยาวนานนับเดือน หลายเดือน หรือเป็นปีก็ไม่สามารถทำให้รัฐบาลจอมโกงลาออกจากตำแหน่ง หรือหลุดพ้นการเป็นรัฐบาล
แต่ทว่าการล้มลงของรัฐบาล มักเกิดจากสาเหตุสำคัญคือ การขัดแย้งกันเองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล หรือคนในพรรคการเมืองของรัฐบาลด้วยกันเอง ซึ่งมักจะจบลงด้วยการประกาศยุบสภาโดยนายกรัฐมนตรี หรืออีกสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลล้มก็คือ ไม่ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา แต่ก็ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลที่ถูกมองว่าทุจริตคดโกงต้องล้มลงได้โดยง่ายดายก็คือ ถูกกระทำรัฐประหาร
ประเทศไทยถูกวิพากษ์ว่ามีการก่อรัฐประหารบ่อยมากที่สุดในบรรดาประเทศในย่านเอเชีย และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ยกเว้นแค่เพียงกลุ่มประเทศด้อยพัฒนา อย่างเช่นประเทศในทวีปแอฟริกา และย่านละตินอเมริกาเท่านั้น
ถามว่าทำไมประเทศไทยมีรัฐประหารบ่อย ตอบว่าเพราะเรามีนักการเมืองโกงบ้านกินเมืองจำนวนมาก ผสมกับเรามีทหารจำนวนไม่น้อยที่กระหายอำนาจรัฐ เพราะเขาเหล่านั้นเห็นว่าเมื่อมีอำนาจรัฐแล้ว ทำให้พวกเขาสามารถกอบโกยผลประโยชน์จำนวนมหาศาลเข้ากระเป๋าของตัวเองได้ง่ายที่สุด ดังนั้นเมื่อมีเหตุปัจจัยเกื้อหนุน ก็จึงเป็นเรื่องง่ายที่เกิดรัฐประหารในประเทศไทยได้บ่อยมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำว่าการรัฐประหารคือการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะเป็นการใช้กำลังอาวุธสงครามกดดันให้รัฐบาลต้องหมดอำนาจรัฐ แต่ถึงกระนั้นเมื่อทำรัฐประหารแล้ว ก็จะกลายเป็นเรื่องถูกกฎหมายในที่สุด เพราะผู้ก่อรัฐประหารแปรสภาพเป็นรัฏฐาธิปัตย์ แล้วออกกฎหมายปกป้องตัวเองให้พ้นสภาพจากผู้กระทำผิดกฎหมาย
ต้องบอกว่าในเมืองไทยนั้นแสนแปลกประหลาด เพราะรัฐประหารได้แม้กระทั่งตัวเอง และยังรัฐประหารคนที่กระทำรัฐประหารมาก่อนหน้าได้อีกด้วย ต้องยอมรับว่าแสนมหัศจรรย์จริงๆ
ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 มาจนถึงบัดนี้ เป็นเวลา 92 ปี ประเทศไทยเกิดการรัฐประหารไปแล้ว 13 ครั้งเฉลี่ยคือมีการทำรัฐประหารทุกๆ 7 ปี และประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 20 ฉบับ เฉลี่ยอายุรัฐธรรมนูญไทยประมาณ 4 ปี 6 เดือนต่อฉบับ และมีนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 31 คน นายกรัฐมนตรีเป็นพลเรือน 17 คน ที่เหลือมาจากทหารและตำรวจ
การทำรัฐประหารแต่ละครั้งมีสาเหตุที่หลากหลาย แต่ส่วนมากผู้ทำรัฐประหารก็ใช้ข้ออ้างว่าเพื่อรักษาและธำรงไว้ซึ่งความสงบสุข ความเรียบร้อย ความเป็นระเบียบของบ้านเมือง และเพื่อรักษาไว้เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงเพื่อกำจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยนักการเมือง แต่ทหารอาจลืมไปว่าผู้ก่อรัฐประหารเองนั้น หลายคนก็มีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านักการเมือง และทหารที่ก่อรัฐประหารก็ยังคงมีสายสัมพันธ์กับนักธุรกิจนายทุน กลุ่มที่สนับสนุนนักการเมืองฉ้อฉลปล้นประเทศ
ส่วนคนที่ต่อต้านการรัฐประหาร โดยเฉพาะคนจำพวกที่มีอาชีพสอนหนังสือด้านรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ สังคมศาสตร์อยู่ในมหาวิทยาลัยบางแห่ง ซึ่งอันที่จริงต้องบอกว่าเป็นพวกต่อต้านเจ้าหรือสถาบันกษัตริย์มากกว่า ขอย้ำว่าคนกลุ่มดังกล่าวนั้นมักทำมาหากินอยู่ในคณะรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ โดยคนจำพวกนี้ไม่ชอบทหาร และไม่ชอบเจ้า แต่น่าจะชอบนักการเมืองจำพวกโกงบ้านกินเมือง คนกลุ่มที่ว่านั้นมักจะอ้างว่าการทำรัฐประหารทุกครั้ง ทำเพื่อรักษาอำนาจของชนชั้นนำ และพวกเจ้า
คนสอนหนังสือกลุ่มดังกล่าวอ้างว่า เมืองไทยมีการปฏิวัติเพียงครั้งเดียว คือเมื่อวันที่เจ้าถูกคณะราษฎรโค่นราชบัลลังก์ เมื่อ 24 มิถุนายน 2475 แต่เมื่อถามว่า แล้วเหตุใดจึงไม่เรียกการโค่นล้มรัฐบาลในครั้งต่อๆ มาว่าปฏิวัติ คนสอนหนังสือจำพวกที่ว่านั้น ก็ตีฝีปากสร้างวาทกรรมว่า เพราะมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงชนชั้นปกครอง แต่มันแค่เปลี่ยนกลุ่มผู้มีอำนาจรัฐเท่านั้น
มีคำถามย้ำๆ ซ้ำๆ ว่าอะไรคือต้นตอของการทำรัฐประหาร คำตอบเรื่องนี้อยู่ที่ว่าใครตอบ หากเป็นนักการเมืองตอบ ก็จะตอบว่า เพราะทหารต้องการอำนาจรัฐ แล้วจงใจโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
แต่หากถามทหารกลุ่มที่ทำรัฐประหาร ก็ตอบว่า เพราะนักการเมืองโกงบ้านกินเมือง หรือจงใจกระทำการอันเป็นภัยอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วก็จะตามด้วยความพูดที่ว่าต้องทำรัฐประหารเพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข เป็นระเบียบเรียบร้อย
แต่ถ้าเป็นคนสอนหนังสือด้านรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ที่มีใจสนับสนุนนักการเมือง ก็จะตอบว่า เพราะทหารต้องการมีอำนาจรัฐ และทหารทำรัฐประหารเพื่อทำให้ชนชั้นปกครองสามารถยึดกุมอำนาจรัฐไว้ในกำมือได้ต่อไป แต่ก็ไม่เคยปรากฏว่าคนสอนหนังสือกลุ่มที่ว่านั้นจะพูดจาให้ชัดเจนว่าคือใคร แต่ก็มักใช้การพูดจาโฉบไปเฉี่ยวมาทำนองเหน็บแนมบุคคลในสถาบันพระมหากษัตริย์เสมอๆ
หากถามว่า จะเกิดการรัฐประหารในประเทศไทยอีกหรือไม่ ตอบว่า เกิดแน่นอน หากยังคงมีนักการเมืองโกงบ้านกินเมือง และยังมีกองทัพ ถามต่อไปว่า ไม่มีนักการเมืองได้หรือไม่ ตอบว่าไม่ได้ และหากถามว่าแล้วไม่มีกองทัพได้หรือไม่ตอบว่าไม่ได้
ถามต่อไปว่าทำให้นักการเมืองลดละเลิกพฤติกรรมโกงบ้านกินเมืองได้หรือไม่ ตอบว่าน่าจะได้ แต่ย้ำว่าทำได้ยากมาก เพราะนักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยถือธงและตั้งใจโกงไว้ตั้งแต่วันแรกที่กระโจนเข้าสู่สนามการเมือง เพราะนักการเมืองจำพวกที่เข้ามาเพื่อโกง มองเห็นช่องทางการโกงบ้านกินเมืองมาตั้งแต่ก่อนเข้าสู่สนามการเมือง นอกจากนี้นักการเมืองจำนวนไม่น้อยก็มาจากครอบครัวที่พ่อแม่ญาติพี่น้องเป็นนักการเมือง ดังนั้น นักการเมืองที่มีพ่อแม่พี่น้องและญาติเป็นนักการเมืองโกงชาติจึงเห็นช่องทางการโกงบ้านกินเมืองเป็นอย่างดี รู้ช่องทางโกงกินเป็นอย่างดี และรู้ทางหนีทีไล่เมื่อโกงกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
การรัฐประหารครั้งล่าสุดเมื่อปี 2557 ไม่ได้ทำให้วงการการเมืองไทยลดจำนวนนักการเมืองโกงบ้านกินเมืองลง แต่ทำให้นักการเมืองโกงบ้านกินเมืองมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพราะคนที่มีส่วนร่วมทำรัฐประหารบางราย ถูกสังคมวิพากษ์ว่ามีพฤติกรรมฉ้อโกงหนักหนาสาหัสไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบรรดานักการเมืองจอมโกง แถมผู้ทำรัฐประหารปี 2557 ยังนำเอานักการเมืองที่ประชาชนวิพากษ์ว่าจอมโกงเข้าไปเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของผู้ก่อรัฐประหารด้วย และที่สำคัญคือสังคมวิพากษ์ว่าพี่ใหญ่คนหนึ่งในกลุ่ม
ผู้ก่อรัฐประหารมีพฤติกรรมโกงบ้านกินเมืองไม่ต่างไปจากนักการเมืองจอมฉ้อฉล
มาล่าสุด เกิดประเด็นทหารไม่พอใจที่นักการเมืองซึ่งเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ออกมาแสดงความพยายามแทรกแซงการแต่งตั้งทหารระดับนายพล และระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพ และยังพยายามเปิดโอกาสให้รัฐบาลลงโทษทหารที่มีแนวโน้มก่อรัฐประหารได้ด้วย โดยนักการเมืองอ้างว่าทหารต้องอยู่ใต้การควบคุมของรัฐบาลพลเรือน แต่ทว่ารัฐบาลพลเรือนกลับไม่เคยสำเหนียกว่านักการเมืองในสังคมพรรคของตน และนักการเมืองจากพรรคร่วมรัฐบาลมีพฤติกรรมโสโครกสุดๆ โดยเฉพาะเรื่องการฉ้อราษฎรบังหลวงสารพัดชนิด
เป็นการยากที่จะฟันธงลงไปตรงๆ ว่าจะมีการรัฐประหารอีกเมื่อไร แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมายว่าอาจจะเกิดรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต เพราะมีมูลเหตุหลายประการอันเนื่องมาจากพฤติกรรมของนักการเมืองจอมฉ้อฉล โดยเฉพาะเรื่องที่ผู้มีอำนาจเหนือพรรคการเมืองรายหนึ่งไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ทั้งๆ ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษให้ลดวันจองจำแล้ว นอกจากนั้น ยังพบว่านักการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลมีพฤติกรรมไม่น่าจะรักษาดินแดนของประเทศไทย แต่อาจจะก่อให้เกิดการเสียดินแดนให้กับประเทศที่อยู่ติดกับเขตแดนของประเทศไทย
ส่วนเรื่องที่สาธารณชนวิพากษ์ว่านายกรัฐมนตรีไม่ประสีประสาเรื่องการเมือง ทั้งการเมืองในประเทศและนอกประเทศนั้น เรื่องนี้หากนายกรัฐมนตรีไม่ประสีประสาการเมืองจริงๆ ก็ไม่น่าจะเป็นมูลเหตุให้เกิดรัฐประหาร ยกเว้นว่าความไม่ประสีประสาของนายกรัฐมนตรีก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่ออธิปไตยของไทย หรือนายกรัฐมนตรีมีส่วนร่วมทุจริต หรือปล่อยปละละเลยให้รัฐบาลก่อการทุจริตไม่ว่าจะทุจริตโดยตรง หรือทุจริตแบบบกพร่องโดยสุจริตก็ตาม หากเป็นเช่นนั้น แล้วทำให้ประชาชนจำนวนมากพร้อมใจกับประท้วงขับไล่รัฐบาล และประท้วงแบบยืดเยื้อยาวนาน เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้มีโอกาสเกิดรัฐประหารได้ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อรัฐประหารแล้ว จะยังปล่อยให้นักการเมืองทุจริตยังคงก่อการทุจริตต่อไปได้หรือไม่ หรือว่ารัฐประหารแล้ว กลายเป็นว่าผู้ก่อรัฐประหารกลับกลายเป็นตัวการผู้ก่อเหตุทุจริตฉ้อราษฎรบังหลวงโกงบ้านกินเมืองเสียเอง
นี่คือมูลเหตุที่บอกและย้ำว่า แม้มีการรัฐประหารอีกกี่ครั้ง ก็ไม่สามารถกำจัดนักการเมืองโกงบ้านกินเมืองได้เป็นอันขาด ซึ่งหากเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทำรัฐประหารอีกต่อไป เพราะทำไปก็ไม่ได้ทำให้คนโกงหมดสิ้นสูญพันธุ์ไปจากแผ่นดินไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี