อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ไปพูดที่หัวหินเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมาในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย ถือว่าเป็นการแสดงตน และแสดงความอหังการให้เห็นว่า ประเทศนี้ตนใหญ่ยิ่ง-ใหญ่คับฟ้า..ไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งนั้น
แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแล้ว..แต่สันดานของบุคคลผู้นี้ไม่เปลี่ยน และไม่เคยสำนึกว่า..เคยเป็นนักโทษคดีทุจริตโกงบ้านกินเมือง อีกทั้งได้รับพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษ จาก 8 ปีเหลือ 1 ปี..โดยที่ไม่รู้สึกสำนึก และยัง“เจ้าคิดเจ้าแค้น”กับผู้คนไปทั่ว
จะเห็นได้ว่า จากการกล่าวปาฐกถาในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายผู้นี้..ซึ่งสื่อได้พาดหัวข่าวว่า..“ทักษิณ ชินวัตร ขอคืน 17 ปีที่หายไป-ไม่จบก็เตะกันคนละที”..ซึ่งอันที่จริงถ้านับกันจริงๆ ทักษิณหายจากประเทศนี้ไปเป็นสัมภเวสีในฐานะนักโทษหลบหนีคดีทุจริตและร่อนไปโฉบมาด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวนั้น เป็นเวลา 15 ปีกับ 1 เดือนเท่านั้น ไม่ใช่ 17 ปี
เพราะ“ทักษิณ ชินวัตร”ยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาลโดยหลอกว่า จะไปดูกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ในปลายเดือนกรกฎาคม 2551 แล้วก็หลบหนีไปเลย และกลับเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566
แต่จะอะไรก็ตามแต่ ตัวตนที่แท้จริงของ“ทักษิณ ชินวัตร” นั้น ชอบอวดเก่ง-อวดฉลาด และต้องแสดงอำนาจบารมีให้คนเห็น ไม่ยอมที่จะอยู่เงียบๆ หรืออยู่ข้างหลัง ไปพูดที่หัวหินครั้งนี้จึงประกาศศักดาให้เห็นว่า..ตนนั้นไม่เพียงแต่เป็นเจ้าของคอกพรรคเพื่อไทยเท่านั้น หากแต่ยังเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงเสียงจริงของประเทศนี้อีกด้วย
นโนบายของรัฐบาลที่“มาดามแพ”ประกาศจะทำในปี 2568 จากการเดี่ยวไมโครโฟนแถลงผลงาน 90 วัน ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมก่อนหน้าการสัมมนาของพรรคเพื่อไทยหนึ่งวัน..ปรากฎว่า “ทักษิณ ชินวัตร”ได้นำมาสรุปและขยายรายละเอียดให้เห็นเป็นรูปธรรมในเวทีสัมมนาครั้งนี้..ซึ่งเป็นหนังเรื่องเดียวและม้วนเดียวกับที่ลูกสาวพูด
ยกมาให้ดู 4 ย่อหน้า ที่“ทักษิณ ชินวัตร”แสดงบทนายกรัฐมนตรี และเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริงเสียงจริง..โดยไม่สนใจหรือเกรงกลัวว่าจะเข้าข่ายละเมิดกฎหมายประกอบรัฐธรรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่เกี่ยวกับคนนอกครอบงำหรือไม่แต่อย่างใด..และเป็นการขยายรายละเอียดที่บุตรสาวได้“โชว์เดี่ยวลิปซิงก์”แทนบิดา เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม
“เศรษฐกิจโตแน่ ผมเชื่อว่าจีดีพีปีหน้า 3.5 เปอร์เซ็นต์ ไม่น่ามีปัญหา ปี 69 จีดีพี 4.0 เปอร์เซ็นต์..ไม่น่ามีปัญหา แต่ตรงนี้เรายังไม่พอใจ เพราะถ้าจีดีพีไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ประเทศไทยเราจะด้อยกว่าประเทศอื่นในอาเซียน”
“วันนี้เราจำเป็นต้องหาเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจ โดยที่ไม่เป็นภาระของประเทศ..วันนี้หนี้สาธารณะเราเยอะมาก 68 เปอร์เซ็นต์ ปีหน้า-เพดาน 70 เปอร์เซ็นต์ มีวิธีลดหนี้สาธารณะ 2 อย่าง อย่างที่หนึ่ง ทำจีดีพีให้โต อย่างที่สอง ต้องลดการขาดดุล หรือ จัดเก็บภาษีให้เพียงพอ เป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยากทั้งคู่”
“แต่ก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง เพราะพรรคเพื่อไทยเราเกิดมาเพื่อความสามารถทางเศรษฐกิจ ถ้าเราทำไม่ได้ คนอื่นทำยากละ เศรษฐกิจเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องพลิกฟื้น..ปีหน้าจะเป็นปีอย่างที่นายกฯอิ๊งค์พูดเมื่อวาน (วันที่12 ธันวาคม) เป็นปีแห่งโอกาสของคนไทย”
“ปีหน้าเป็นปีที่เราต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพ แล้วต้องกดหนี้ลงให้ได้ และดันจีดีพีขึ้นให้ได้ โดยเฉพาะหนี้สาธารณะ ซึ่งเกิดจากรัฐวิสาหกิจ ที่อาจต้องให้รัฐวิสาหกิจบางแห่งที่หนี้เยอะๆ ออกพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจไปบ้าง การลงทุนบางอย่างก็อาจจะต้องให้เอกชนมาลงทุนแทน เช่น การแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ ในอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อแก้ปัญหาเรื่องหนี้เป็นหลัก”
สี่ย่อหน้าที่ยกมานั้น..คำว่า “ผม”และ“เรา”คือสรรพนามบุรุษที่ 1 เป็นคำแทนตัวผู้พูด และหมายถึงตัวแทนนายกรัฐมนตรีผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล รวมทั้งตัวแทนพรรคเพื่อไทย
ด้วยเหตุดังนั้น..ย่อมแสดงว่า“ทักษิณ ชินวัตร”แสดงปาฐกถาในที่ประชุมสัมมนาของพรรคเพื่อไทย..ไม่ได้ไปในฐานะวิทยากรที่ได้รับเชิญให้ไปถ่ายทอดประสบการณ์..แต่ไปในนามหัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
สำคัญเหนืออื่นใดอีกประการหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสันดานของ“ทักษิณ ชินวัตร”ที่ไม่เปลี่ยน ก็คือ การแสดงอำนาจบาตรใหญ่ จากการพูดถึงพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน
“ทักษิณ ชินวัตร” พูดเหมือนเช่นที่เคย“ถีบหัวเรือ”มวลชนเสื้อแดงเมื่อส่งตนขึ้นถึงฝั่งมาแล้ว..ว่า “เมื่อสองวันก่อน มีการเอาร่างพระราชกำหนดเข้า ครม. ปรากฏว่า มีพรรคร่วม..พรรคหลบ..ป่วย..อย่างนี้มันไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า ถ้าอยู่ด้วยกันมันต้องด้วยกันสิ ไม่อยากอยู่ต้องบอกกันให้ชัดเจน..เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง..ห้ามหนี..ต่อไปใครหนีก็บอก..ถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย-ง่ายดี”
บรรทัดนี้ต้องถาม “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า..ถูก “ทักษิณ ชินวัตร” เหยียบหน้าถึงขนาดนี้แล้ว-ยังสบายดีอยู่หรือไม่ ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี