เป็นประเด็นสนทนาเรียกร้องมาตั้งแต่สมัย“นายพลผู้เฒ่า /- ลุงตู่ - พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” องคมนตรียังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเดินมาดแมนเข้าสู่สนามเลือกตั้งเป็นครั้งที่สอง พรรคการเมืองฝ่ายค้านฉกฉวยความเดือดร้อนของประชาชนในขณะนั้นมาเป็นศาสตราวุธฟาดฟันพรรครัฐบาลอย่างไม่ยั้งมือ
2 ประเด็นหลักที่เป็นเผือกร้อนบนมือรัฐบาลคือ 1. ค่ากระแสไฟฟ้าที่แพงระยับ 2. ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ฉุดรั้งรัดเข็มขัดอย่างไรก็เอาไม่อยู่ เมื่อสังคมไทยไม่พินิจพิเคราะห์ผลงานความเหนื่อยยากของรัฐบาล “นายพลผู้เฒ่า” ไม่เลือกให้ไปต่อพรรคการเมืองที่ได้รับมอบหมายให้เข้ามาบริหารประเทศก็ยังไม่สามารถสนองตอบข้อเรียกร้องของตนเองบนเวทีปราศรัยหาเสียงได้อย่างเป็นรูปธรรม น้ำมันเชื้อเพลิงยังคงปรับราคาขึ้นตามภาวการณ์ของโลก กระทั่ง ราคาน้ำมันดีเซลทะลุ 33 บาท น้ำมันเบนซินรึก็ดูว่าไร้น้ำยาอย่างแน่ชัด
ถึงแม้ “เสี่ยตุ๋ย /- พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีคู่กับ “นายพลเฒ่า” จะรั้งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานต่อเนื่องจากสมัย “นายพลเฒ่า”เป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม แต่การเดินหน้าแก้ไขกฎหมายโครงสร้างพลังงานไทย กลับไม่ง่ายเยี่ยงการปอกกล้วยเข้าปาก
การแก้ไขกฎหมายที่ว่า จะสามารถลดต้นทุนราคาน้ำมันลงได้อย่างน้อยลิตรละ 2.00 บาทก็ยังคาอยู่ปากอ่าวไม่เข้าสภาให้ “ฉลามเหลิม /- ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง”ร่วมชำแหละให้กระจ่างใสเสียที
ผลก็คือราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และราคาค่าไฟฟ้ายังเป็นภาระให้ประชาชนต้องแบกรับภาระอยู่ต่อไป
แน่นอน ... วันนี้พลังงานไฟฟ้าถูกผูกขาดจนไม่สามารถทำให้ประชาชนเข้าร่วมเป็นเจ้าของเป็นฟันเฟืองส่วนหนึ่งของการผลิตได้
ทว่าถ้ารัฐบาลจะตั้งสติตริตรองถึงสิ่งที่ผ่านมาพลิกแพลงเปลี่ยนจากมอตโต้ สโลแกน “หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์” ของ “สำนักงานส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน” เป็น “หนึ่งอบต.หนึ่งโรงไฟฟ้าชีวมวล”
อย่างน้อยทันกระแสทันโลก,ลดโลกร้อน และสามารถปฏิรูปโครงสร้างพลังงานไฟฟ้าให้ฐานกำเนิดเป็นของประชาชนได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วย
หากรัฐบาลยอมออกกฎหมายให้แต่ละอบต.สามารถสร้างโรงผลิตกระแสไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กได้ และสามารถขายกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นให้แก่ชุมชนในพื้นที่ปกครองของอบต. โดยสามารถให้บริษัทเอกชนและประชาชนที่สนใจเข้าร่วมเป็นเจ้าของโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้ากับ อบต.ได้ อาทิ บี กริม&โก, กลุ่มกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์เป็นต้น
โดยเชื้อเพลิงชีวมวลที่ใช้ก็สามารถให้แต่ละตำบลผลิตเพื่อจำหน่ายให้โรงงานไฟฟ้า ตัวอย่างเช่น ใช้ไม้ไผ่เป็นเชื้อเพลิงหลัก ก็ให้อบต.นั้นๆสนับสนุนให้ชาวบ้านในพื้นที่ปกครองปลูกไผ่มาจำหน่ายให้โรงงานไฟฟ้า
ส่วนเกินส่วนที่เหลือยังนำหน่อไม้มาประกอบอาหารหรือจำหน่ายในตลาดตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอีกต่างหาก กระแสไฟฟ้าที่ล้นเหลือจากอบต.ชายแดนไทยทั้งเหนือ,อีสาน,ตะวันออก, ตะวันตก รัฐสามารถนำไปขายให้ประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากชาวบ้านจะได้เป็นเจ้าของอุตสาหกรรมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้ว รัฐบาลยังให้เบ็ดไม่ได้ให้ปลาอย่างที่ผ่านมาอีกด้วย
บ้านเพื่อคนไทย นายกฯสมองใสปราดเปรื่องเลอเลิศยังคิดได้ กับข้ออ้างแสนสวยหรูกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว พวกพ้อง
แล้วเรื่องเยี่ยงนี้จะไม่ใช้ปัญญาที่มีคิดพลิกแพลงให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติให้ประชาชน “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”ลดความเหลื่อมล้ำเชียวหรือ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี