ประเทศไทยในอดีตเคยได้ชื่อว่ามีความเชี่ยวชาญช่ำชองด้านการทูต จนได้รับการยอมรับนับถือจากนานาชาติว่าเป็นหนึ่งในทางการทูตมาก่อน แต่ภาพบวกเมื่อครั้งอดีตกลับเสื่อมถอยลงจนไม่เหลือเค้าเดิมในยุครัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร
ในขณะที่ภาพความเป็นผู้นำของอาเซียน (สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ของไทยเมื่อครั้งอดีตก็เข้มแข็ง ได้รับการยอมรับมาโดยตลอดหลายทศวรรษว่าไทยคือประเทศสำคัญของอาเซียน เพราะอาจกล่าวได้ว่าอาเซียนถือกำเนิดในประเทศไทย เมื่อครั้งมี Bangkok Declaration หรือปฏิญญากรุงเทพ จนกำเนิดอาเซียนเมื่อปี พ.ศ. 2510 แต่มาบัดนี้ภาพนำของไทยต่ออาเซียนก็ลดลง เสื่อมทรุดลงจนไม่หลงเหลือภาพนำอีกต่อไป
ไทยเคยเป็นประเทศที่ให้ความช่วยเหลือประเทศต่างๆ ในอินโดจีนมาก่อน เมื่อครั้งที่อินโดจีนประสบปัญหาการสู้รบอย่างหนักหน่วงในยุคสงครามเย็น จนทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด ส่งผลให้ชาวอินโดจีนต้องอพยพหนีภัยการสู้รบเข้ามาพึ่งพาไทย
แล้วหากจะกล่าวกันตามตรงก็พูดได้ว่าไทยมีส่วนช่วยให้สงครามในกัมพูชาสงบลง หลังจากเกิดความแตกแยกเป็นหลายฝักหลายฝ่ายในกัมพูชา และขณะเดียวกัน ไทยก็เคยช่วยให้ปัญหาการสู้รบของคอมมิวนิสต์กับรัฐบาลกัวลาลัมเปอร์ยุติลง
ส่วนปัญหาภายในพม่า หรือเมียนมานั้นไทยก็มีส่วนช่วยให้ปัญหาต่างๆ สงบลงได้แม้ปัญหาในเมียนมาจะไม่สงบราบคาบจนมลายหายไปสิ้น แต่ก็ยังต้องนับว่าไทยมีส่วนช่วยคลี่คลายปัญหาภายในของเมียนมาได้พอประมาณ และต้องนับว่าไทยเป็นประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกับเมียนมายาวกว่าพันกิโลเมตร ดังนั้น เมื่อเกิดเรื่องไม่สงบใดๆ ในเมียนมา ก็จะส่งผลกระทบกระเทือนถึงไทยโดยพลันไม่มากก็น้อย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ไทยต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาของเมียนมาโดยปริยาย
ที่กล่าวมาโดยสังเขปในข้างต้นนั้น นับได้ว่าเป็นเกียรติภูมิในเชิงการระหว่างประเทศ หรือการทูตของไทยที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้าน และต่ออาเซียนอย่างเป็นรูปธรรมอย่างที่สุด แต่ทว่าสิ่งที่กล่าวมานั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตเมื่อประมาณ 3-5 ทศวรรษมาแล้ว
แต่ปัจจุบันเกียรติภูมิทางการทูตของไทยในสายตาของประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อนสมาชิกอาเซียนกลับตกต่ำย่ำแย่ลงชนิดที่ว่าเห็นแล้วน่าวิตกและน่าสังเวชใจ เพราะประเทศที่เคยเกรงอกเกรงใจไทย ก็ดูเสมือนว่าหมดความยำเกรงไทย และไม่ไว้หน้าไทยอีกต่อไป
ปัญหาหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดคือกรณีเรือของทหารเมียนมาจงใจยิงเรือประมงไทยในเขตน่านน้ำใกล้กับจังหวัดระนอง ถามว่าทำไมเรือของทหารเมียนมาจึงกระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุกับเรือประมงไทย ทั้งๆ ที่เรือประมงไทยไม่มีอาวุธสงครามใดๆ ขอย้ำว่าการที่เรือประมงไทยอาจจะรุกล้ำน่านน้ำของเมียนมา ก็น่าจะถือได้ว่าเป็นเรื่องไม่ใช่ความผิดร้ายแรง เพราะเขตน่านน้ำเป็นเขตที่มีการเดินเรือประมงข้ามกันไปกันมาอยู่ตลอดเวลา แต่การที่เรือทหารของเมียนมาจงใจยิงเรือประมงไทย แล้วจับลูกเรือประมงไทยไป 4 คน แล้วนำไปพิจารณาความบนศาลเมียนมา เรื่องนี้ต้องย้ำว่าเป็นการไม่ไว้หน้าไทยแม้แต่น้อย
ถามว่ารัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร มีความสำเหนียกบ้างหรือไม่ว่าเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีทางการทูตของไทยในยุครัฐบาลนี้ตกต่ำย่ำแย่มากจนเกินจะบรรยาย ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็สะท้อนอย่างชัดเจนว่า มันคือความตกต่ำย่ำแย่ของเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของรัฐบาลแพทองธารนั่นเอง การที่ประเทศไทยมีรัฐบาลแต่ไม่มีใครเคารพยำเกรง นับหน้าถือตารัฐบาลไทยก็หมายความว่ารัฐบาลนั้นเป็นรัฐบาลที่ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีเกียรติใดๆ อีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี