“พรรคประชาชน” ที่งอกต่อมาจากพรรคก้าวไกลหลังถูกยุบ และกองเชียร์จำนวนหนึ่ง เป็นพวก “โตแต่ตัว” แต่วุฒิภาวะทางอารมณ์ ทางความคิด และการให้เหตุ
ให้ผล บ่อยครั้งที่ดูเหมือน “เด็กไม่รู้จักโต” งอแงโทษนั่นโทษนี่ได้เสมอ
1) นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน โพสต์ข้อความบน X ถึงกรณีมีการวิจารณ์ น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม. พรรคประชาชน
ที่ปรากฏภาพสูบบุหรี่ไฟฟ้าในอาคารรัฐสภา ว่า
“ภาพคุณแก้วตา ผมก็ไม่กล้าบอกว่าไม่ผิด แต่ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าผิดยังไง พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่สูบบุหรี่ เข้ามาตรงนี้ได้เฉพาะสส. เค้ามีที่เขี่ยบุหรี่ให้พร้อมทุกโต๊ะ สส.ทุกพรรคก็มาสูบกันบริเวณนี้ (มีทั้งบุหรี่จริง-ไฟฟ้า)
แน่นอนว่า คนแอบถ่ายเป็นสส.ซึ่งกำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ด้วยตอนที่แอบถ่าย ผมก็โดนสส.ชายกลุ่มนี้ถ่ายไปลงเพจโกหกอะไรเป็นประจำ ไม่รู้ทำไปทำไม น่าจะสู้กันแฟร์ๆ ในสภา ไม่ไช่มา“ชกใต้เข็มขัด”กันแบบนี้
บุหรี่ไฟฟ้าห้ามนำเข้า ห้ามจำหน่าย ถามว่าคนสูบผิดมั้ย กฎหมายก็ไม่ชัด อย่างมากตอนนี้ คือ เจ้าหน้าที่ยึดได้แล้วไปเอาผิดคนขาย ซึ่งช่องโหว่ของกฎหมายตรงนี้ กมธ.กำลังแก้กฎหมายกันอยู่ ต่อไปก็จะชัดเจนขึ้น
การสูบบุหรี่ไม่ได้ผิดอะไร (ถ้าไม่ได้ไปสูบในที่สาธารณะ) แต่ก็ไม่ควร ตามค่านิยมแบบบ้านเรา ซึ่งควร ไม่ควรนั้นนานาจิตตัง บางคนบอกไม่ควร บางคนบอกก็เรื่องของเค้า งานนี้ผมว่าคุณแก้วตา ก็รู้สึกผิดและพร้อมขอโทษอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือ จะขอโทษยังไง ขอโทษเรื่องอะไร
ถ้าจะบอกว่า ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว คือ จะไม่ทำอะไร จะไม่สูบบุหรี่อีกแล้ว จะไม่สูบให้คนเห็นอีกแล้ว หรือยังไงดี สำหรับผมเป็นเรื่องที่ยากและน่าเห็นใจเหมือนกัน แต่ก็ปฏิเสธความเป็นผู้แทนที่ต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับประชาชนไม่ได้ ยังไงก็ต้องมีแอ๊กชั่นอะไรซักอย่าง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเป็นผู้แทน ไม่ไช่เพียงหน้าที่อย่างเดียว แต่เป็นความรับผิดชอบต่อความรู้สึกของประชาชนที่เลือกเรามาด้วย จะทำงานหนักอย่างเดียวไม่สนการครองตนไม่ได้ แต่ก็แอบเห็นใจและเข้าใจคุณแก้วตาเหมือนกัน แต่ไอ้พวกชอบชกใต้เข็มขัดนี่ก็นะ คิดจะเพิ่มคะแนนตัวเองด้วยการทำลายคู่แข่งด้วยวิธีแบบนี้ ไม่น่ารักเล้ยจริงๆ”
วิเคราะห์ : น่าสงสารเขานะครับ คงคล้ายๆ กับที่เขาควรจะรู้ว่า คนที่หลบหนีการเกณฑ์ทหารจนต้องขึ้นศาลแล้ว เขาไม่มีสิทธิจะจับใบดำใบแดงอีก แต่กลับมี
ใบสด.43 มาโชว์เฉยเลย เอามาจากไหนครับ?
กรณี สส.แก้วตา สูบบุหรี่ไฟฟ้า ที่อาคารรัฐสภา นายจิรัฏฐ์เพียงเข้ากูเกิ้ลปุ๊บ ก็สามารถ “มีความรู้” ได้ปั๊บว่า
“...คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้มีคำสั่ง ที่ 9/2558 ลงวันที่ 28 มกราคม 2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า” ซึ่งจากการทดสอบของกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายหลายชนิด ดังนั้น ผู้ใดขายหรือให้บริการ มีความผิดตามมาตรา 29/9 ประกอบมาตรา 56/4 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีผู้ครอบครองหรือรับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า เป็นความผิดฐาน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ อนึ่ง การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้านั้น เป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ความผิดดังกล่าวสามารถตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากรได้
บุหรี่ไฟฟ้า เป็น “ผลิตภัณฑ์ยาสูบ” ตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 การสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเขตปลอดบุหรี่ จึงมีความผิดตามมาตรา 42 ประกอบมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท”
สิ่งที่นายจิรัฏฐ์ควรเป็นคือ ไม่หาช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อทางทางรอด เหมือนหมาหารูลอด และไม่ต้องงอแงว่าใคร “ชกใต้เข็มขัด” มันเป็นอาการของ “เด็กที่ยังไม่โต”
2) เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา นายชวาล พลเมืองดี สส.พรรคประชาชน (ปชน.) เขต 3 จ.ชลบุรี กรณีปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า หลังการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.2566 นายชวาล กระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.2561 มาตรา 6 7และมาตรา 155 คือ จงใจยื่นบัญชีรายรับรายจ่ายในการเลือกตั้งไม่ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริง
ทั้งนี้ คำวินิจฉัยระบุว่า จากการตรวจสอบบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งของนายชวาล พบว่านายชวาล ได้แจ้งต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดชลบุรี ระบุค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งระหว่างวันที่ 20 มี.ค.2566-15 พ.ค.2566 ผ่านช่องทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ชวาล พลเมืองดี” จำนวน 6,000 บาท ในหมวด“ค่าโฆษณาในสื่อต่างๆ”แต่จากการไต่สวนได้ความว่า นายชวาลมีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งซึ่งเป็นค่าโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งผ่านช่องทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 9,347.51 บาท โดยพยานคนที่ 1 และคนที่ 2 ของนายชวาล ซึ่งเป็นอาสาสมัคร และผู้ช่วยหาเสียงทำการโฆษณาหาเสียงผ่านทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวให้ถ้อยคำถึงสาเหตุที่ไม่ได้แจ้งค่าใช้จ่ายดังกล่าวแก่นายชวาล ว่า เกิดจากความหลงลืมและไม่ปรากฏว่านายชวาล ได้ติดตามทวงถามถึงค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จากพยานทั้ง 2 คน ประกอบกับ เมื่อเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดชลบุรี ติดต่อให้นายชวาล ดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขจำนวนค่าใช้จ่ายในรายการอื่นๆ ก็ไม่พบว่านายชวาลได้แจ้งค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวเพิ่มเติม กระทั่งถูกแจ้งข้อกล่าวหา
นอกจากนี้ จากการไต่สวนยังรับฟังได้ว่า วันที่ 4 เม.ย.2566 นายชวาล ได้แจ้งการหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านช่องทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “พรรคก้าวไกล ชลบุรี - Move Forward Party Chonburi” ต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดชลบุรี โดยโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทั้งสิ้น 5 แคมเปญ มีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหาเสียงเป็นเงินจำนวน 5,512.46 บาท แต่นายชวาลไม่ได้นำค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มารวมคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง อ้างว่าไม่ทราบถึงค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว โดยพยานคนที่ 1 ของนายชวาล ซึ่งเป็นผู้ดูแลการโพสต์และเผยแพร่นโยบายของผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งจังหวัดชลบุรีของพรรค ให้ถ้อยคำว่า สาเหตุที่ไม่ได้แจ้งค่าใช้จ่ายดังกล่าวแก่นายชวาล เพราะหลงลืม และไม่ปรากฏว่า นายชวาล ติดตามทวงถามทั้งสองกรณี
กกต.จึงเห็นว่า มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นายชวาล จงใจยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายไม่ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริง ตามที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.2561 มาตรา67 กำหนดให้ภายใน 90 วันนับแต่วันเลือกตั้ง ผู้สมัครแต่ละคนและหัวหน้าพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ต้องยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายต่อ กกต.ตามแบบที่ กกต.กำหนด หากฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 155 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน2ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 5 ปี
3) นายสรกล อดุลยานนท์ หรือ “หนุ่มเมืองจันท์” โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ข่าวตลกที่สุดของวันนี้ กกต.ฟ้องอาญาสส.พรรคประชาชน ชลบุรี ยื่นบัญชีใช้จ่ายในการเลือกตั้งเป็นเท็จ โทษติดคุก-ปรับเงินและตัดสิทธิการเลือกตั้ง ข้อหาใหญ่โตมาก แต่พออ่านรายละเอียดของข่าว อยากตะโกนด่าเป็นภาษาวานูอาตูเลยครับ 555
เหตุผลที่กกต.ฟ้อง เพราะนายชวาล พลเมืองดี สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ไม่ได้แจ้งค่าใช้จ่ายในการโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวและของพรรคก้าวไกล ชลบุรี “กกต.จึงเห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่านายชวาล “จงใจ” ยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายไม่ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริง”
ถามว่า ”จำนวนเงิน“ ที่ไม่ได้ยื่นเป็นเงินเท่าไร เป็นจำนวนเงินสูงมากครับ 8,800 บาท อย่าเพิ่งหัวเราะครับ มันเป็นเรื่องจริง ประเด็นที่น่าสนใจ คือ กกต.ตีความว่าสส.ชลบุรีคนนี้ “จงใจ” ยื่นบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ใช่ “ลืม” แต่ “จงใจ” ไม่ยื่น 8,000 บาท 555
ไม่รู้ว่า กกต. จะอารมณ์ค้างจากโดนสส.พรรคประชาชนถล่มหนักในสภาเมื่อสัปดาห์ก่อนหรือเปล่า เพราะจำนวนเงิน 8,800 บาทที่ไม่ได้แจ้ง น่าจะเท่ากับเงินซื้อเสียงของพรรคการเมืองใหญ่ประมาณ 20 คน
อย่าลืมว่าการเลือกตั้งที่ชลบุรีครั้งก่อน “บ้านใหญ่” ปะทะ “บ้านใหม่” เงินสะพัดน่าจะมากที่สุดตั้งแต่มีการเลือกตั้งมา เรื่องแบบนี้คนทั่วประเทศรู้ แต่กกต.ไม่รู้-
ไม่เห็น และจับไม่ได้ #กกต.มีไว้ทำไม
วิเคราะห์ : คุณสรกลซึ่งมีอายุไม่น้อยแล้วและเป็นสื่อ ควรแยกแยะและชักนำให้คนเห็นว่า การทำความผิดแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็นับว่าเป็น “ความผิด”คนเป็น สส. ซึ่งทำหน้าที่ “นิติบัญญัติ” พึงเป็นตัวอย่างของผู้ “เคารพกฎหมาย” ไม่งอแง ไม่เอะอะมะเทิ่งเรื่อยเปื่อย แต่ควรรีบเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยิ่งถ้าเห็นว่าข้อหามันตลก ยิ่งดีสิ จะได้สู้ง่าย พิสูจน์ตัวเองง่าย และหากพบว่า เป็นการตั้งข้อหาที่ “จงใจกลั่นแกล้ง” ก็เอาผิดเจ้าหน้าที่ กกต. เสีย
ส่วนเรื่อง “ซื้อเสียง” เป็นเรื่องที่ผู้สมัคร สส. พรรคที่คุณสรกลเชียร์ และพรรคอื่นๆ ตลอดจนประชาชน และสื่อมวลชนอย่างคุณสรกลจะต้องร้องเรียน และรวบรวมพยานหลักฐานไปร้อง
ยิ่งรู้ยิ่งเห็นว่ามี “เงินสะพัด” มาก ยิ่งต้องร้องเอาผิด
ไม่ใช่เก็บมาบ่นกระปอดกระแปดกระจองอแง แบบ “เด็กที่ไม่รู้จักโต” อย่างที่เป็น !!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี