ช่วงนี้ ทักษิณ ชินวัตร เดินสายปราศรัยหาเสียง แต่พูดถึงประเด็นการเมืองดุเดือดเลือดพล่าน
เรียกว่า ลืมป่วย หรือเคยป่วย ไปเลย!!
ทั้งด่า ทั้งขู่ขาประจำ ที่ออกมาเคลื่อนไหวตรวจสอบในเรื่องต่างๆ
“แรงมาก็แรงกลับ มึงเล่นกู กูก็จะเล่นมึงบ้าง... กูไม่หมูแล้วนะ ... รำคาญ (คำด่าภาษีเหนือ ฯลฯ )...” – ทักษิณปราศรัย(เป็นภาษาเหนือ)
ดูเหมือนจะอึดอัดมาก หรือกังวลใจอะไรบางอย่างมากๆ
1. ป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน คดีป่วยทิพย์ชั้น 14
แพทยสภา ก็เดินหน้าสอบสวนหมอที่เกี่ยวข้อง และกำลังเรียกข้อมูลสำคัญจาก รพ.ตำรวจ
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น รายงาน “10 กรณี คอร์รัปชั่นแห่งปี 2567” ระบุไว้ลำดับที่ 1 ว่าเป็น “กรณีลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ”
พร้อมให้รายละเอียดสรุปว่า
“นักโทษชั้น 14 ที่ไม่เคยนอนเรือนจำ
และนักโทษคดีจำนำข้าว เช่น นายบุญทรง เสี่ยเปี๋ยง ได้เป็นอิสระเร็วเกินคาด
ขณะที่อดีตข้าราชการในคดีเดียวกันยังติดคุกอยู่
แม้ไม่เชื่อมโยงกับการทุจริตที่เป็นตัวเงิน แต่การลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ คือ “โกงซ้อนโกง”
ถึงวันนี้ นักการเมืองและข้าราชการบางคนยังจับมือกันปกปิดความจริง ปฏิเสธกระบวนการตรวจสอบ
โดยไม่สนใจว่าจะค้านสายตาประชาชนและสังคมโลก” – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นกล่าว
2. ล่าสุด กรมราชทัณฑ์ ถึงกับต้องเผยแพร่เอกสารชี้แจง ระบุว่า
“กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า การพักการลงโทษเป็นระบบการบริหารโทษประการหนึ่งที่ใช้กันทั่วโลก
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ต้องขังที่ถูกจำคุกมาแล้วระยะเวลาหนึ่ง และผ่านกระบวนการในการพัฒนาพฤตินิสัย มีความประพฤติดี มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไม่มีความเสี่ยงที่จะกระทำความผิดซ้ำ ได้มีโอกาสกลับไปใช้ชีวิตในสังคม อันเป็นการเตรียมความพร้อมทั้งด้านอาชีพ ครอบครัว การปรับตัว ตลอดจนการวางแผนอนาคต ก่อนที่จะครบระยะเวลาต้องโทษ และกลับคืนสู่สังคม ทั้งนี้ ในระหว่างพักการลงโทษนั้น ผู้ต้องขังจะต้องปฏิบัติตัวตามเงื่อนไขในความควบคุมดูแลของกรมคุมประพฤติจนกว่าจะพ้นโทษตามหมายจำคุกของศาล แต่หากผิดเงื่อนไข ก็จะถูกนำตัวกลับไปคุมขังยังเรือนจำต่อไป
กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการบริหารโทษตามแนวทางดังกล่าวมาตั้งแต่พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 จนมาสู่ พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบัน
สำหรับข้อกล่าวอ้างที่ว่า จำคุกน้อยปล่อยตัวไวนั้น ขอเรียนว่าผู้ต้องขังทุกรายได้รับการพิจารณาจากคณะทำงานในชั้นเรือนจำ และเสนอต่อคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ ที่ประกอบด้วย หน่วยงานภายนอกหลายหน่วยงาน โดยดำเนินการตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดภายใต้พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560
กฎกระทรวงกำหนดประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาดและเงื่อนไขที่นักโทษเด็ดขาดซึ่งได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกหรือการพักการลงโทษและได้รับการปล่อยตัวต้องปฏิบัติ พ.ศ. 2562 และฉบับที่ (2) พ.ศ. 2564 อย่างเสมอและเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการลงโทษจำคุกตามหมายจำคุกล่าสุด
กล่าวคือ ผู้ต้องขังที่จะได้รับการพิจารณาการพักการลงโทษ กรณีปกติ จะต้องจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 และเหลือโทษจำคุกไม่เกิน 2-5 ปี
ส่วนผู้ต้องขังที่จะได้รับการพิจารณาพักการลงโทษกรณีพิเศษ เช่น เจ็บป่วยหรือสูงอายุ 70 ปี ต้องจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3
ดังนั้น การพิจารณาการพักการลงโทษ จึงได้ดำเนินการตามกฎ กติกา ที่ไม่สามารถเลือกปฏิบัติ หรือเอื้อประโยชน์ให้กับผู้หนึ่งผู้ใดได้
กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่าการดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ และชอบด้วยกฎหมาย มิได้เอื้อสิทธิประโยชน์ หรือเลือกปฏิบัติต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่อย่างใด”
3. ฝ่ายคุณโบว์-ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมสังคม โพสต์เฟซบุ๊ก Bow Nuttaa Mahattana พยายามช่วยอธิบายว่า
“นักโทษที่ได้รับการพักโทษแต่ละปีมีเป็นหมื่นคน
เขาเหล่านั้น คือคนที่เข้าเกณฑ์ตามกฎหมาย
ไม่ใช่คนที่กินข้าวเองไม่ได้ ใส่เสื้อเองไม่ได้ หรือเดินไม่ได้แบบที่คนบางกลุ่มพยายามทำให้สังคมเข้าใจผิด
แม้แต่ในหมู่ผู้ที่พยายามเคลื่อนไหวบิดเบือนประเด็นเหล่านี้ หลายคนก็เคยได้รับการพักโทษมาแล้วเช่นกัน
สังคมที่เจริญแล้วจะคุยกันเรื่องทำอย่างไรให้ผู้ต้องขังเหลือน้อยที่สุด ไม่ใช่ทำอย่างไรจะเอาภาษีเลี้ยงดูคนไว้ในคุกให้นานที่สุดเพื่อความสะใจ
เป้าหมายปลายทางของราชทัณฑ์ในแนวคิดแบบโลกที่หนึ่งคือ correction ไม่ใช่ punishment”
4. หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม - Warong Dechgitvigrom ได้ชี้แจงตอบโต้ หักล้าง ระบุว่า
คุณโบว์-ณัฏฐา มหัทธนา พยายามปกป้องคุณทักษิณ ที่ได้รับการพักโทษ แต่ดูแข็งแรง
ได้โพสต์.. นักโทษที่ได้รับการพักโทษแต่ละปีมีเป็นหมื่นคน เขาเหล่านั้นคือคนที่เข้าเกณฑ์ตามกฎหมาย ไม่ใช่คนที่กินข้าวเองไม่ได้ ใส่เสื้อเองไม่ได้
ผมจำเป็นต้องอธิบายให้คุณโบว์ ไปอ่านระเบียบที่เกี่ยวกับราชทัณฑ์ จะได้รู้ว่า การพักโทษมี 2 กรณี
1.การพักโทษกรณีปกติ
ซึ่งกฎเกณฑ์สำหรับนักโทษทั่วไป ที่มีความประพฤติดี มีความก้าวหน้าทางการศึกษา ทำงานเกิดผลดีต่อเรือนจำ หรือทำความชอบแก่ราชการเป็นต้น
และยังมีรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น นักโทษชั้นเยี่ยม เหลือโทษจำคุกไม่น้อยกว่า 1/3 จึงได้รับสิทธิ์ เป็นต้น
จริงครับนักโทษพวกนี้ จะกินข้าวเองได้ ใส่เสื้อได้ ทำอะไรได้ทุกอย่าง แข็งแรงเพราะเป็นคนปกติที่ได้พักโทษกรณีปกติ แต่ละปีร่วมหมื่นคน
2.การพักโทษกรณีพิเศษ
หมายถึงพวกเจ็บป่วยร้ายแรง พิการ อายุเกิน 70 ปี
ที่สำคัญ คนเหล่านี้ต้องช่วยเหลือตนเองไม่ได้หรือได้น้อย
โดยเฉพาะคุณทักษิณ อายุเกิน 70 ปี ต้องช่วยเหลือตนเองไม่ได้หรือได้น้อย ต้องมีเกณฑ์ การประเมินสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาวในชุมชน ของกรมอนามัย ซึ่งต้องได้คะแนนประเมินต่ำกว่า 11 คะแนน จากคนปกติ 20 คะแนน
นายทักษิณได้ 9 คะแนน
ซึ่งนายทักษิณใช้เกณฑ์อายุนี้ จึงมีการตั้งคำถามว่า นายทักษิณได้ 9 คะแนน และต้องมีสภาพปัญหาระยะยาว ต้องมีปัญหาการกิน การเดิน กลั้นอุจจาระ ปัสสาวะ ขึ้นลงบันได
แต่ทำไมดูตอนนี้ ดูแข็งแรงมาก ไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์พักโทษกรณีพิเศษ หรือมีการให้คะแนนไม่ถูกต้อง เพื่อเอื้อประโยชน์
ที่ต้องโพสต์เตือนคุณโบว์ เพราะไม่อยากให้ปกป้องแบบข้อมูลผิดๆ เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ประชาชนจะเข้าใจผิดว่าไปกลั่นแกล้งนายทักษิณ
ควรอ่านเอกสารมากๆ จะได้ไม่ผิดพลาด”
5. จุดตายทักษิณ ชั้น 14
ปมสำคัญของการตรวจสอบจัดการผู้กระทำผิดเกี่ยวกับกรณีชั้น 14 ป่วยทิพย์หรือไม่นั้น อยู่ที่แพทยสภา และ ป.ป.ช.
จุดตายชั้น 14 เริ่มที่ คณะอนุกรรมการสอบสวนฯ แพทยสภา ล่าสุด ขอข้อมูลอะไรบ้างจาก รพ.ตำรวจ?
ได้แก่
- คำชี้แจงการเข้ารับการรักษาพยาบาล โดยละเอียด
- ชื่อ สกุลแพทย์ ทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เลขใบประกอบวิชาชีพ
- คำชี้แจงกระบวนการตรวจ การวินิจฉัย การดูแลรักษา โดยละเอียด
- ความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษา หลักฐาน รายงานต่ออธิบดี - ปลัดยธ. – รมต. โดยละเอียด
- สำเนาใบส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาต่อ
- สำเนาเวชระเบียน สำเนาบันทึกการผ่าตัด สำเนาบันทึกการให้ยาระงับความรู้สึก สำเนาบันทึกการพยาบาล สำเนารายงานทางการแพทย์
- เอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาพถ่ายทางรังสี วินิจฉัยผลการตรวจทางรังสี และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ฯลฯ
ที่สำคัญ ให้ลงนามรับรองสำเนาเอกสารทุกหน้าด้วย ฯลฯ
ข้อมูลเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นหัวใจสำคัญที่จะวินิจฉัยว่า ทักษิณป่วยหนักจริงจนต้องนอน รพ..ตำรวจ ชั้น 14 ยาวถึงขนาดไม่กลับเข้าคุก
หรือป่วยทิพย์ มีใครช่วยเหลือบิดเบือน?
ถ้าป่วยจริง มีหลักฐานยืนยันว่าหมอทำหน้าที่ถูกต้อง มีจริยธรรม ทักษิณก็ได้เคลียร์ตัวเอง
แต่ถ้าป่วยทิพย์ งานเข้าแพทย์ที่รักษาด้วย
และที่สำคัญ ป.ป.ช.ก็สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ประกอบการไต่สวน
อาจนำไปสู่การแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่คนนอก หรือนักการเมือง ในฐานสนับสนุนการกระทำผิด หรือบงการ ใช้งาน สั่งการ
ตัวทักษิณเองก็มีโอกาสโดนด้วย
อนุฯ แพทยสภา ให้ รพ.ตำรวจส่งข้อมูลภายใน 15 ม.ค. 2568
ติดตามกันต่อว่าจะเป็นอย่างไร
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี