ในประเทศพัฒนากฎระเบียบบรรพบุรุษวางไว้ถือเป็นหมุดหมายของชาติ ผู้ปฏิบัติต่อมาต้องปรับใช้ให้กับสภาวะและทำตามกติกายึดมั่นในสถาบันเหนือบุคคล อย่างประเทศสิงคโปร์ อดีตประธานาธิบดี ลี กวนยู บิดาผู้ก่อตั้งประเทศให้พัฒนาอยู่แนวหน้าของโลก
ลี กวนยู ทำพินัยกรรมไว้ให้รื้อทิ้งบ้านที่เขาใช้เป็นที่อาศัยตลอดชีวิตทำงาน ลีสั่งให้รื้อทำลายบ้าน เพราะเขาไม่ต้องการให้คนรุ่นหลังให้ความสำคัญต่อบุคคลเหนือสถาบัน คือ หลักการพัฒนาประเทศ
เวียดนามก็ยึดถือสถาบันสำคัญกว่าบุคคลเช่นกัน เวียดนามถือว่าพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นสถาบันหลักของชาติ พวกเขาจึงสร้างคนรุ่นต่อๆ กันมาให้ยึดถือแนวทางพรรคคอมมิวนิสต์เป็นสำคัญ คนไหนพร้อมเป็นผู้นำก็นำเรื่องเข้าที่ประชุมสมัชชาใหญ่ ให้เลือกผู้นำคนใหม่ทุกๆ ห้าปี ที่สำคัญสถาบันพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามกำจัดผู้นำที่ทำให้พรรคมัวหมองในทันที
ประเทศที่ยึดถือสถาบันสำคัญกว่าบุคคล จะลงโทษคนที่ทำให้สถาบันมัวหมองอย่างเฉียบขาด จีน เวียดนาม ลงโทษประหารชีวิตสมาชิกพรรคคนสำคัญนับสิบนับร้อยคน
ในห้วงเวลาสิบปีที่ผ่านมา สิ่งที่จีนกับเวียดนามทำลงไปถือได้ว่าเพื่อปกป้องให้สถาบันสำคัญกว่าบุคคล
จึงไม่แปลกใจ ประเทศที่ยึดถือสถาบันเหนือบุคคลได้พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองล้ำหน้าประเทศที่ยึดถือบุคคลเหนือสถาบันไปไกลจนไม่เห็นฝุ่น
ประเทศไทยยึดถือบุคคลเหนือสถาบันการเมืองนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ที่ปล้นชาติพยาบาทสถาบันฯ สร้างความเสียหายอย่างไรให้ดูตัวอย่าง ในขณะทุกที่คนในชาติขาดทุนล้มละลายตอนธนาคารชาติลดค่าเงินบาทปี 2540 นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์รู้ความลับภายในล่วงหน้าสมคบกับฝรั่งตุนดอลลาร์ได้กำไรจากลดค่าเงินบาทกว่าห้าพันล้านบาทเพียงคนเดียว
แต่เป็นที่น่าประหลาดใจ คือ คนไทยส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นศรัทธานักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์คนนั้น ยึดถือเขาเป็นคนสำคัญเหนือสถาบันยุติธรรมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นอัยการ กรมราชทัณฑ์ ตลอดถึงโรงพยาบาลตำรวจ ที่ทุกหน่วยงานทุกส่วนราชการยึดถือคำพูดของบุคคลผู้นั้นเป็นสรณะ
ในขณะที่เป็นสัมภเวสีหนีคุกอยู่ต่างประเทศ เขาพูดเป็นร้อยครั้งว่าจะกลับประเทศไทยอย่างเท่ๆ และคำพูดของนักโทษหนีคุก เป็นเหมือนคำบัญชาให้สมุนบริวารที่มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี แสวงหาลู่ทางหาช่องว่างกฎหมายให้เจ้านายกลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุก
เมื่อถึงเวลานักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ได้กลับบ้านอย่างเท่ๆ นักโทษนั้นไม่ต้องเข้าคุกแม้แต่วันเดียว เนื่องจากว่ารักษาการรัฐมนตรียุติธรรมตอนนั้นเคยรับใช้นายอย่างใกล้ชิด อ้างว่านักโทษเทวดาป่วยเจียนตายต้องปฏิบัติตามระเบียบใหม่กรมราทัณฑ์ให้กักขังนักโทษนอกเรือนจำตามที่กำหนดได้
ส่วนโรงพยาบาลตำรวจก็ปฏิบัติตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ที่เตี๊ยมกันล่วงหน้า ประชาชนทักท้วงอย่างไรก็ไม่แยแสแม้กระทั่ง ป.ป.ช.ที่มีอำนาจสอบสวนขอเวชระเบียนรักษาคนป่วย 180 วัน โรงพยาบาลตำรวจ ก็ถือความเป็นส่วนตัวของนักโทษเทวดาเป็นสรณะ ไม่มอบเวชระเบียนให้ ป.ป.ช.
คนไทยถือว่าบุคคลสำคัญกว่าสถาบันอย่างไร พิสูจน์จากที่เขาขัดพระบรมราชโองการ พระราชทานอภัยโทษจำคุกในความผิดทุจริตคอร์รัปชั่นจากจำคุกแปดปี เหลือต้องรับโทษจำคุกหนึ่งปี แต่เขาไม่ยอมเข้าคุกแม้แต่วันเดียว โดยมีรัฐมนตรียุติธรรม เจ้ากรมคุก และรพ.ตำรวจ อ้างว่าระเบียบกรมราชทัณฑ์สำคัญเหนืออื่นใด
เมื่อผู้มีความสำคัญเหนือสถาบันเหิมเกริมว่า คำพูดของตน คือ คำบัญชาที่ทุกฝ่ายต้องยึดเป็นสรณะ การให้สัมภาษณ์สำนักข่าวนิกเกอิเอเชีย เขากล่าวว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปี ในความผิดละเลยการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ขัดขวางการขายข้าว จีทูจีเก๊ เธอถูกศาลตัดสินขณะหนีไปต่างประเทศ เขาบอกนิกเกอิว่า “ยิ่งลักษณ์จะกลับประเทศไทยก่อนสงกรานต์ปีหน้า”
คำพูดของเขาเหมือน คำบัญชาทำให้กรมราชทัณฑ์รีบปล่อยนักโทษคดีจำนำข้าวเป็นพรวน ทั้งๆ ที่ศาลตัดสินจำคุกนักโทษเหล่านั้น 48 ปี บ้าง 30 ปีบ้าง แต่บางคนติดคุกไม่ถึงเจ็ดปีโดยกรมราชทัณฑ์ ให้เหตุผลว่านักโทษเหล่านี้เป็นนักโทษชั้นดีทั้งๆ ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายหลายแสนล้านบาทเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
การกระทำของกรมราชทัณฑ์เหมือนกับเป็นการด้อยค่าคำตัดสินศาลที่ให้คนโกงชาติติดคุกนานปี เพื่อที่ได้ดัดสันดานตามความหมายของราชทัณฑ์ พฤติกรรมของกรมราชทัณฑ์จึงดูเหมือนฟังผู้มีความสำคัญเหนือสถาบันการเมือง ที่ปล่อยนักโทษคดีจำนำข้าวเป็นการกรุยทางให้ นักโทษหนีคดี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้กลับบ้านโดยไม่ต้องเข้าคุก เนื่องจากกรมราชทัณฑ์มีข้ออ้างว่าระเบียบใหม่ให้นักโทษกักกันตัวในวิลล่าของตัวเองได้ โดยมีนายตำรวจระดับผู้กำกับเทวดาคอยควบอย่างใกล้ชิด
นอกจากใช้อวัยวะเบื้องล่างขยี้ความยุติธรรมเพื่อทำให้ตนและน้องสาวไม่ต้องเข้าคุกแล้ว บุคคลผู้มีอำนาจเหนือสถาบัน ผลักดันผู้สืบสันดานขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่ไร้สติปัญญาไร้วุฒิภาวะที่สุดเท่าที่มีนายกฯมา
เพื่อสร้างความนิยมให้ลูกสาวเมื่อคราวเป็นนายกฯใหม่ๆ เขาสั่งสมุนบริวารซิกแซ็กหาเงินประมาณสี่แสนห้าหมื่นล้านบาท แจกชาวบ้านเป็นการหาเสียงล่วงหน้า โดยอ้างว่าเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบพายุหมุน แต่การแจกเงินคนละหนึ่งหมื่นบาทให้กลุ่มเปราะบางผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้ถือบัตรคนพิการ 14.5 ล้านคนไม่ได้เกิดผลกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นการสูญเปล่าเหมือนลมพัดชายคาหาใช่พายุเศรษฐกิจดังคิดเฟ้อฝันไม่
นอกจากนั้น รัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ยังสมคบกับสื่อในเครือข่ายหลอกชาวบ้านว่าเงินหมื่นเฟสสองจะแจกเงินเดือนธันวาคมบ้าง แจกก่อนตรุษจีนบ้าง ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรีถอนเรื่องเงินหมื่นเฟสสองออกจากที่ประชุมครม.เมื่อสองอาทิตย์ก่อน เนื่องจากกฤษฎีกาทักท้วงว่าผิดกฎหมาย ที่สำคัญรัฐบาลกำลังถังแตกเพดานหนี้สาธารณะถึง 70% แล้วรัฐบาลมากู้แจกอีกไม่ได้
ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ไปพูดในงาน Sustainability Forum 2025 : กล่าวในหัวข้อ แนวทางในการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ 3 ข้อ
1.ภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งที่ผ่านมามีการพิจารณา Global Minimum Tax (GMT) ที่ทำให้มีการปรับภาษีเงินได้นิติบุคคลของแต่ละประเทศ โดยไทยจะศึกษาการจัดเก็บจาก 20% เป็น 15%
2.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งจะมีการศึกษาเพื่อจูงใจการทำงานในประเทศไทย อาจมีการพิจารณาจาก 35% เหลือ 15%
3.ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) หรือ ภาษีบริโภค โดยทั่วโลกมีการเก็บระหว่าง 15-25% ในขณะที่ไทยเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพียง 7% จากอัตราที่กำหนดไว้ 10%
แต่ไปดูข้อ 3 เก็บแวตเพิ่ม 10 หรือ 15% เท่าไหร่ยังไม่ทราบ เพราะเป็นการโยนหินถามทาง นี่มันขูดภาษีจากประชาชนทุกคนในประเทศไทยเหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก รัฐบาลต้องการหาเงิน เพราะผลาญไปกับนโยบายประชานิยมเยอะ ไม่ขึ้นก็ต้องกู้เพิ่ม แต่สถานการณ์การกู้เพิ่มมันก็เริ่มยาก เพราะมีโอกาสเลยเพดาน มันจึงมาลงที่การเก็บภาษี
เก็บแวต 10 หรือ 15% อยู่ในความคิดของหลายรัฐบาล แต่ทำไม่ได้ เพราะกลัวเสียคะแนนนิยม เนื่องจากประชาชนต้องรับภาระเพิ่ม แต่รัฐมนตรีคลังทะเล่อทะล่าพูดออกไปทำให้นายกฯต้องออกมาแก้ข่าวสองวันต่อมาว่า “เรื่องขึ้นภาษีแวต 10% 15% อะไรนั่น ยังไม่ได้มีการพูดกันนะ รัฐมนตรีคลังกำลังศึกษาว่าจะหารายได้เพิ่มอย่างไร”
วันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา “ทักษิณ ชินวัตร”ขึ้นเวที Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 จัดโดยเครือเนชั่น วันนั้น “ทักษิณ” พูดเรื่องปฏิรูปภาษีเอาไว้
“...อยากให้มีการปรับภาษีให้เป็นธรรมและแข่งขันได้ เพื่อให้ประเทศไทยลดภาษีลงเพื่อให้คนมาอยู่มากขึ้น แต่เราจะเสียรายได้บางส่วน...แต่ในเรื่องนี้ถ้าเราจะขึ้นแวตหรือไม่ เพราะรายได้ลดลง โดยแวตต้องเอามาคืนได้มากขึ้น ซึ่งมาสู่เรื่อง Negative”
จึงพูดมาแต่ต้นว่า หากคนไทยส่วนใหญ่ยังยึดถือบุคคลเหนือสถาบันที่วางหลักเกณฑ์นโยบายไว้เป็นหลักฐานประเทศไทยก็เรือหายอีกต่อไป
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี