นับจากวันนี้ 27 ธันวาคมเป็นต้นไป อีก 4 วันก็ถึงวันสิ้นปี ซึ่งเวลาที่นับจากการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ที่ถือเป็นสากลนั้น ไม่เร็วไม่ช้า หากแต่สำหรับมนุษย์อย่างเราท่าน บางคนอาจจะรู้สึกว่าช่างรวดเร็ว หรือบางคนอาจจะรู้สึกว่าช้าเสียเหลือเกิน
ที่เรารับรู้กัน ก็คือ ระยะเวลาที่โลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ เท่ากับ 1 วัน ขณะที่ระยะเวลาซึ่งโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ เท่ากับ 365.25 วัน หรือ 365 วัน 6 ชั่วโมง
จากตัวเลข 365.25 วันที่ว่านั้น จึงทำให้แต่ละปีมีเศษเหลืออยู่ 0.25 วัน และเมื่อครบ 4 ปีก็จะเท่ากับ 1 วันพอดี จึงได้เพิ่มวันเข้าไปในเดือนกุมภาพันธ์..เป็นผลทำให้ทุก 4 ปี เดือนกุมภาพันธ์จะมี 29 วัน และในปีนั้นก็จะมี 366 วัน เช่นเดียวกับปีนี้ที่มีเพิ่มมาอีกหนึ่งวัน จากเมื่อปีที่แล้วมีแค่ 365 วัน
สำหรับเวลาที่ผ่านช้าหรือเร็วนั้น คนที่มีหนี้สินอยู่ในสถานภาพลูกหนี้ก็อาจจะรู้สึกว่าเวลาช่างเร็วเสียเหลือเกิน ส่วนคนที่เป็นเจ้าหนี้อาจจะรู้สึกตรงกันข้าม เพราะดอกเบี้ยคือดอกผลของรายได้..ยิ่งได้เร็วก็ยิ่งดี สามารถนำไปออกดอกออกผลเพิ่มได้อีกเป็นเท่าทวีคูณ
ในทางจิตวิทยาที่ค่อนข้างจะเป็นวิทยาศาสตร์ ผู้รู้บอกว่า ความรู้สึกของคนที่มีอายุ จะเห็นว่าเวลาผ่านไปเร็ว เพราะเมื่อมีอายุมากขึ้น เวลาที่เหลืออยู่ตามอายุขัยก็จะน้อยลง ด้วยเหตุนี้ ความรู้สึกและการรับรู้ต่อเรื่องเวลา ของบรรดา สว.หรือผู้สูงวัยทั้งหลายก็จะเปลี่ยนไป โดยเป็นลักษณะของการเปรียบเทียบระหว่างเวลาที่ผ่านไปกับเวลาที่เหลืออยู่ในชีวิต
ในทางกลับกัน สำหรับหนุ่มสาวหรือบรรดาผู้เยาว์ทั้งหลาย จะรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า แบบว่าเมื่อไหร่จะจบเทอม จะจบปริญญาเสียที จะได้หาเงินหาทองใช้เอง หรือเมื่อไหร่จะสิ้นเดือนเร็วๆ เพราะเงินที่แบมือขอจากบุพการีนั้นใช้ไปหมดเกลี้ยงแล้ว
อย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึงเวลาที่เป็นจริงและเหตุการณ์ที่เป็นจริงของบ้านเรา ในรอบปีที่ผ่านมา ปัญหาทุจริตประพฤติมิชอบจากการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำและข้าราชการการเมือง ยังเป็นเรื่องที่กาลเวลาไล่ตามไม่ทัน
พูดให้ชัดก็ต้องบอกว่า เรื่องการทุจริตโกงกินนั้น อยู่“เหนือกาลเวลา”..ตราบใดที่คนชั่วยังมีโอกาสเข้าไปสู่ตำแหน่ง ที่มีอำนาจให้คุณและโทษได้ ปัญหาเหล่านี้ก็ไม่มีทางที่จะหมดไปจากประเทศนี้
ดูจากรายงานของ“องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)” หรือ“ACT” ที่ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ“10 กรณี คอร์รัปชันแห่งปี 2567” เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ก็จะเห็นได้ชัด
ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของนายมานะ นิมิตรมงคล ประธาน ACT เกี่ยวกับคดีคอร์รัปชันที่ได้รับความสนใจและเป็นที่พูดถึงในสังคมวงกว้างในรอบปี 2567 ว่า หลายกรณีเป็นการโกงกันซึ่งๆ หน้า ค้านสายตาประชาชน ที่สำคัญยังคงส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดล้วนสะท้อนการปฏิบัติหน้าที่ และการบังคับใช้กฎหมายที่ขัดหลักนิติธรรมรุนแรง
“10 กรณีทุจริตคอร์รัปชันแห่งปี 2567” ที่ ACT บันทึกไว้ ไล่เรียงลงไปจาก 1-10 นั้น เรื่องที่ติดอันดับหนึ่งก็คือ “กรณีลดโทษ-พักโทษ” มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ ทั้งในกรณีของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นนักโทษ“ป่วยทิพย์-ชั้น 14“โรงพยาบาลตำรวจ
และรวมทั้งคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ 2 นักโทษ คือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ“เสี่ยเปี๋ยง” หรือนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร นักธุรกิจวงการค้าข้าว คีย์แมนสำคัญในการทุจริตการระบายข้าว“G2G”..ได้เป็นอิสระเร็วเกินคาด จากที่มีโทษจำคุกคนละ 48 ปีทั้งสองคน
ในกรณี“กรลดโทษ-พักโทษ”ดังกล่าวนี้..“องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ” เห็นว่า ปัญหานี้แม้จะไม่เชื่อมโยงกับการทุจริตที่เป็นตัวเงิน..แต่การ“ลดโทษ-พักโทษ”มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติโกงแผ่นดิน ถือว่าเป็นการ“โกงซ้อนโกง”
ส่วนอีก 9 กรณีที่“องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ” จัดลำดับไว้ ประกอบด้วย กรณีไฟไหม้รถนำเที่ยวเด็กนักเรียน-สูญเสีย 22 ชีวิต, กรณีสัมปทานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, คดีนายอิทธิพล คุณปลื้ม, กรณีฮุบที่รถไฟ เขากระโดง, กรณีฮุบป่า รุกที่ ส.ป.ก. หลายแสนไร่ทั่วประเทศ, กรณีขุด/ขนย้ายกากแร่แคดเมียม, กรณีหมูแช่แข็งเถื่อน, กรณีปลาหมอคางดำ และกรณีดิไอคอนกรุ๊ป
“กรณีไฟไหม้รถนำเที่ยวเด็กนักเรียน-สูญเสีย 22 ชีวิต” ซึ่งโศกนาฏกรรมนี้.. “องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ” เห็นว่า ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนเรื่องก็เงียบ ไม่มีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกคนใดต้องรับผิดชอบ และไม่มีท่าทีของรัฐมนตรี และรัฐบาลที่จะหยุด “ส่วย-สินบน” ในหน่วยงานรัฐเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ทั้งที่โดยข้อเท็จจริง ต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่าทุกวันนี้มีรถเถื่อน-รถผิดกฎหมายวิ่งอยู่เต็มท้องถนน พร้อมจะนำ“ความตาย”มาสู่ใครอีกก็ได้
ขณะที่ “กรณีสัมปทานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน” โครงการมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งพ่วงด้วยสิทธิ์บริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต, เรล ลิงก์ และที่ดินย่านมักกะสัน “องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ”ชี้ว่า..แม้การประมูลจบไปแล้ว 5 ปี แต่รัฐยังเปิดให้เอกชนเจรจาแก้สัญญาไม่รู้จบ เฉือนประโยชน์รัฐเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ..ขัดต่อหลักพื้นฐานการประมูลงานภาครัฐอย่างเป็นธรรม ถ่วงการพัฒนาโครงการ“EEC” หรือโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จนนักลงทุนต่างชาติเยาะหยันว่ามาทำธุรกิจเมืองไทย หากไม่มีพวกพ้องก็อยู่ไม่ได้ ความโปร่งใสเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน
อีกสี่วันม่านแห่งปี 2567 จะปิดฉาก..ปีหน้าศักราชใหม่“คดีป่วยทิพย์-ชั้น 14”จะเข้มข้นและร้อนแรงขึ้น..ซึ่งใครที่อยากเห็น“คนชั่ว-คนโกง”ควรต้องรับผลกรรมจากการกระทำ..อาจจะรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปช้าเสียเหลือเกิน !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี