อยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ “นักโทษเด็ดขาดชายคดีทุจริตคอร์รัปชั่น โกงบ้านกินเมืองฉ้อฉลเงินแผ่นดิน /- ทักษิณ ชินวัตร”มีอาการป่วยที่แพทย์ต้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดที่ภาษาชาวบ้านบอกว่าเป็นตายเท่ากัน จนไม่สามารถกลับไปรับโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 8 ปี ที่ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี ตามใบถวายฎีกา
ทว่าหลังได้รับใบบริสุทธิ์ “นักโทษเด็ดขาดชายคดีทุจริตคอร์รัปชั่น”คนนี้ กลับ “กระปรี้กระเปร่า”ราวกับชายสูงวัยที่ไม่เคยมีอาการป่วยของโรคใดๆ เลย
“ทักษิณ”ลงพื้นที่หาเสียง “เลือกตั้งท้องถิ่น” อย่างเมามัน ทั้ง อุดรฯ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา เชียงใหม่ อาการเยี่ยงนี้หรือคือผู้ป่วยอาการหนักจนแพทย์ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด
“ทักษิณ” ขึ้นเวทีปราศรัยเชียงใหม่ประกาศชัดว่ากลับมาแล้ว จะทำนั่นโน่นนี่อย่างไม่ต้องไต่ถามรัฐบาลแม้แต่น้อย สำรอกตรรกะง่ายๆ ว่ามาช่วยกู้เศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชน
ตลอดการปราศรัย ผู้เฒ่าธนกิจการเมืองวัย 75 ปี แสดงทั้งวาจาและท่าทางว่า สั่งการโดยตรงไปยังรัฐบาลให้กระทำนั่นโน่นนี่เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภาระค่าครองชีพของประชาชน
แต่ผลจะออกเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่...ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าอีกตามเคย คงไม่ต่างจากแก้ปัญหาจราจรจลาจลในกรุงเทพมหานครภายใน 6 เดือนแหละ
คนชอบมุสา ย่อมไม่ประพฤติอื่นไม่มี ฉันใดคนประพฤติชั่วก็คงมุสาอยู่ร่ำไป ฉันนั้น
ก็ประกาศอยากกลับบ้านเลี้ยงหลาน แต่ละวันสร้างแต่เรื่องให้ “มาดามแพ” ปวดเฮด!!
บนเวทีปราศรัยเสียงสำรอกสำราก “อาจม” ที่ขาดเสียมิได้คือความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการรัฐประหาร 9-10 ปี ที่ผ่านมา แผ่นเสียงตกร่องที่ลืมส่องกระจกและลืมตักน้ำในกะโหลกชะโงกดูตัวเอง สาดสีตีไข่ใส่ร้าย“รัฐบาลนายพลเฒ่า-ลุงตู่ /- พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ร่ำไป
เป็นความดื้อด้านเกินเยียวยาโดยสันดานก็เป็นได้หยันการรักษาหวงแหนเป็นความคลั่งชาติ แน่นอนคลั่งชาติเพื่อป้องกันการขายชาติ โดยไม่สำเหนียกสำนึกตริตรองข้อท้วงติงของประชาชน แสดงพฤติกรรมว่าเสียงท้วงติงนั้นราวกับเสียงสุนัขเห่าหอนไร้สาระ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2551 จากการลงนามใน “มหากาพย์เขาพระวิหาร” ยินยอมให้“กัมพูชา”เสนอขึ้นทะบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงประเทศเดียว
ในยุคที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชื่อ“นพดล ปัทมะ” ที่มี “ทักษิณ ชินวัตร /- นักโทษเด็ดขาดชายคดีทุจริตคอร์รัปชั่นโกงบ้านกินเมือง ฉ้อฉลเงินแผ่นดินเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้“เขาพระวิหารตกเป็นของราชอาณาจักรกัมพูชา(เขมร/-ขแมร์) ซึ่งมี จอมพลสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุนเซน เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
มาบัดนี้ “พรรคการเมืองเดิมคือ เพื่อไทย” หยิบยก “บันทึกช่วยจำ พ.ศ.2544 หรือ MOU44 มาวางบนโต๊ะเจรจาพื้นที่ทับซ้อนเกาะกูด เหวยเฮ้ย!! จะให้สังคมไทยเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจอีกหรือว่ากิจกรรมนี้ “ราชอาณาจักรไทย”จะไม่สูญเสียดินแดนใดๆ แม้แต่ตารางนิ้วเดียวให้แก่ “ราชอาณาจักรกัมพูชา” และรวมถึงพลังงานธรรมชาติใต้ทะเลที่มีมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านบาทให้แก่ประเทศเครือญาติทักษิณ
เราเชื่อว่านับจากนี้ไป กระแสสังคมไทยเริ่มมีการต่อต้านรัฐบาลพ่อเลี้ยงอย่างรุนแรง รัฐบาลมีทางออกเพื่อยื้อเวลาอยู่ในอำนาจเพื่อการใดการหนึ่ง(เพื่อการอยู่ต่อ) รัฐบาลก็ต้องปรับครม.อีกสักรอบ เพื่อให้เกิดภาพ “แอ๊กชั่น”การทำงานผู้บริหารของนายกรัฐมนตรีสืบสันดานผู้มีสติปัญญาเลอเลิศปราดเปรื่องก่อนยุบสภา เพื่อชิงการได้เปรียบทางการเมือง
ด้วยพฤติกรรม ซ้ำซากด้วยสันดานเดิมๆจนยากแก่การเยียวยา
จากนี้ม็อบจะเริ่มแสดงตัวตนกดดันซากเดนระบอบทักษิณที่ไม่แก้ไขแต่แก้ตัวโยนบาปไปให้ตำนานอย่างนายพลผู้เฒ่า/- พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกครั้งท่ามกลางเสียงอื้ออึงเพรียกหาดังขึ้น
ต่อจากนี้จะเข้าสู่ลูปการเมืองระบอบทักษิณเริ่มจาก แยกร่างปรับครม. ยุบสภา เลือกตั้งใหม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี