วาทกรรมอัน “สุดโต่ง” และ “สุดโด่งดัง” ของนักหนังสือพิมพ์อาวุโสชื่อ “จอห์น โอ. ซัลลิแวน” มนุษย์ขวาจัดจัดที่กล่าวเผยแพร่ในปีค.ศ.1845 นั้น ได้กลายเป็น“ตำนานวาทกรรมที่จับใจมะริกันชนทั้งประเทศ” และกลายเป็น“จิตวิญญาณของคาวบอยชักปืนไว” ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนถึงวันนี้โดยทุกคนต่างมี “อุดมการณ์ Manifest Destiny หรือ ลิขิตอันประจักษ์แจ้ง (จากพระเจ้า)” ชนิด “ฝังสมองอย่างจับใจ” บางคนไปไกลถึงกับ “คลั่งเป็นลัทธิ” ไปโน้น

“จอห์น โอ.ซัลลิแวน” ได้อธิบายวาทกรรมสุดอมตะนี้ไว้ว่า “ชะตากรรมอันจริงแท้แน่นอนของชาวอเมริกัน(โดยเฉพาะคนผิวขาว)ที่พระเจ้ามอบหมายให้นั้น คือ “Man of Destiny หรือผู้มาเปลี่ยนแปลงโลก หรือผู้มาครอบครองโลก”

“ซัลลิแวน” ยังได้ขยายความ “ลิขิตอันประจักษ์แจ้ง(จากพระเจ้า)” หรือ “Manifest Destiny” ไว้ว่า “นับตั้งแต่บรรพบุรุษชาวอเมริกันเข้ามาเป็นผู้บุกเบิกดินแดนแห่งนี้ ก็ได้รับลิขิตอันชัดแจ้งจากพระเจ้าให้ขยายดินแดนของประเทศออกไปอย่างแผ่ไพศาลจนทั่วทวีปอเมริกา”

ดังนั้น “การยึดดินแดน” ทั้งของอินเดียนแดงและของสเปน เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐนิวเม็กซิโก รัฐเท็กซัสและรัฐอื่นๆ ด้วยการ“ก่อสงคราม” หรือ สังหารหมู่ (Massacre) จึงถือเป็น “กฎเกณฑ์ของพระเจ้า” ซึ่งย่อม “อยู่เหนือกฎหมายหรือข้อสัญญาใดๆ”

แต่ “ซัลลิแวน” ไม่ได้บอกว่า “อยู่เหนือศีลธรรม” หรือ“อยู่เหนือจริยธรรม” และ “อยู่เหนือความเป็นมนุษย์” หรือไม่?

ส่วน “นักการเมือง” มะริกันทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับ “ลิขิตประจักษ์แจ้งจากพระเจ้า” แม้จะถกเถียงกันในสภามาสักระยะหนึ่ง “จบท้าย” ทุกคนต่างเห็นว่า “วาทกรรมนี้ เป็นแค่แนวคิดของประชาชนส่วนใหญ่เท่านั้น คงห้ามกันไม่ได้”

จึงไม่น่าแปลกใจ การอ้าง “Manifest Destiny” ของอเมริกาในยุคต่อๆ มา “เริ่มกว้างขวาง” และ “กว้างไกล” และกลายเป็น“จิตวิญญาณของผู้นำอินทรีหัวขาวเกือบทุกราย”

ในขณะที่อินเดียนแดงผู้ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพื่อแย่งชิงดินแดนและรวมถึงสเปนที่พ่ายแพ้สงครามให้แก่สหรัฐอเมริกาทุกสนามรบกลับให้ฉายา Manifest Destiny เป็น “ลิขิตจากซาตาน” หรือ “โองการจากอสูร”

วันนี้ “แนวคิด Manifest Destiny” ของชนชั้นผู้นำของสหรัฐอเมริกา ได้ “แพร่ไกล” ถึงขั้นเริ่ม “ทำสงครามบ้านไกล” ขยายลิขิตของพระเจ้า “มุ่งหมาย” ให้สหรัฐต้อง “ส่งเสริม” และ “ขยาย” ระบอบ “ประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน” ไปทั่วโลก

กมลศักดิ์  ตั้งธรรมนิยม