ปีนี้มะโรงงูใหญ่ดุและเฮี้ยน ก่อนสิ้นปีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคมเมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 9 โมงเช้า ได้นำมาซึ่งความเศร้าสลดเป็นการอำลาส่งท้าย จากอุบัติเหตุเครื่องบินโดยสารของสายการบินเจจูแอร์ (Jeju Air) ลื่นไถลออกนอกรันเวย์และชนกับรั้วกั้นที่สนามบินนานาชาติมูอัน (Muan) ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 288 กิโลเมตร
เครื่องบินที่ประสบอุบัติเหตุลำนี้ มีผู้โดยสารทั้งหมด 175 คน มีคนไทยรวมอยู่ด้วย 2 คน พร้อมลูกเรืออีก 6 คน รวม 181 คน เดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ไปยังเกาหลีใต้..โดยข่าวข่าวเบื้องต้นจากสำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ รายงานเมื่อช่วงตอนเที่ยงของวันที่ 29 ธันวาคมเมื่อวานนี้ โดยอ้างเจ้าหน้าที่ดับเพลิงระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 179 ศพ และลูกเรือรอดชีวิต 2 คน
ส่วนในบ้านเรา เป็นข่าวส่งท้ายยิ่งกว่าภาพยนตร์“เจ้าพ่อมาเฟีย” ทั้งลึกลับซับซ้อนและมีเล่ห์กลซ่อนเงื่อน จากการพบกันกลางทะเลอันดามันระหว่าง “อันวาร์ อิบราฮิม”นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย วัย 77 ปี กับ อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร วัย 75 ปี
ไม่มีใครรู้ว่าความบ้านความเมืองจริงๆ ที่บุคคลทั้งสองหารือกันนั้น จริงเท็จแค่ไหน หรืออาจจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน..และตามข่าวที่มีรายงานว่า พบกันบนเรือยอร์ชในกลางทะเล..ก็ไม่มีใครทราบอีกเช่นกันว่าจริงหรือไม่ประการใด
หรือว่าแท้ที่จริงแล้วบุคคลทั้งสอง แอบพบกันบนเกาะลังกาวี ซึ่งเป็นดินแดนทางฝั่งทะเลตะวันตกเฉียงเหนือของมาเลเซีย เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน มีฐานะเป็นอำเภอในรัฐเคดาห์ของมาเลซีย
ภาพการนั่งเรือยอร์ชมาขึ้นที่เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ซึ่งอยู่ห่างไม่ไกลจากเกาะลังกาวีของ“ทักษิณ ชินวัตร”กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า โดยขบวนเรือยอร์ชทั้งหมด 6 ลำ ในเช้าวันที่ 26 ธันวาคม 2567..อาจเป็นเพียงแค่“ฉาก”ตบตา เพราะตามกำหนดการเดิม..ทักษิณจะพบกับ“อันวาร์ อิบราฮิม”ที่เกาะลังกาวี เพื่อการเจรจาตามกรอบ“Consensus” หรือ JCPP ระหว่าง BRN และรัฐบาลไทย
ถ้า“อันวาร์ อิบราฮิม” ผู้นำมาเลเซีย ที่เคยเป็นนักโทษคดีทุจริต และคดีละเมิดทางเพศคนขับรถเพศชายของภรรยา พบปะเจรจากับ“ทักษิณ ชินวัตร”อดีตนักโทษคดีทุจริตโกงบ้านกินเมืองของไทย ซึ่งปัจจุบันยังเป็นจำเลยในคดีความผิดมาตรา 112 บนเกาะลังกาวี..ถือว่าผู้นำมาเลเซียได้สมคบกับทักษิณร่วมกันกระทำความผิด..ฐานที่ทักษิณหลบหนีออกนอกประเทศโดยมิได้ขออนุญาตศาล
สำหรับปูมหลังของ“อันวาร์ อิบราฮิม” นั้น ในปี 2541 ขณะที่มีตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลของ“มหาเธร์ โมฮัมหมัด” เขาถูกปลดออกจากตำแหน่ง และหลังจากถูกปลดออกจากตำแหน่งก็ได้นำประชาชนลุกขึ้นมาประท้วงต่อต้านนายมหาเธร์นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันเป็นผลให้อันวาร์ถูกจับกุมในเวลาต่อมา และถูกตั้งข้อหามีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกัน ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในมาเลเซีย พร้อมกับถูกตั้งข้อหาทุจริตคอร์รัปชันด้วยอีกหนึ่งคดี
เกี่ยวกับคดีทุจริตคอร์รัปชัน..“อันวาร์ อิบราฮิม”ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 6 ปี ส่วนความผิดฐานมีสัมพันธ์ทางเพศกับคนขับรถของภรรยา ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 9 ปี และคดีนี้ นายอันวาร์ยืนกรานมาโดยตลอดว่า เป็นข้อกล่าวหาในการใส่ร้ายป้ายสีทางการเมือง เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เขาเป็นคู่แข่งของ“มหาเธร์ โมฮัมหมัด”..ซึ่งปรากฏว่า ในปลายปี 2547 ศาลฎีกาของมาเลเซียได้กลับคำพิพากษาคดีละเมิดทางเพศดังกล่าว..จึงทำให้นายอันวาร์ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ
“อันวาร์ อิบราฮิม”กลับเข้าสู่แวดวงการเมืองอีกครั้ง หลังได้รับอิสรภาพ และก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภาเมื่อปี 2551 และขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของมาเลเซีย โดยเข้าสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565
ทั้งนี้ จากการพบกันของบุคคลทั้งสอง ระหว่าง “อันวาร์ อิบราฮิม” กับ “ทักษิณ ชินวัตร” แบบ“ลับๆ ล่อๆ" ที่มิใช่เรื่องที่สุจริตชน หรือวิญญูชนพึงกระทำนั้น คนหนึ่งมีอำนาจโดยถูกต้องตามกฎหมาย กับอีกคนหนึ่งมีอำนาจทับซ้อนเหมือน“อีแอบ”..ที่สุดแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่า เรื่องจริงคืออะไร หรือสมคบคิดกันเรื่องอะไร
“ทักษิณ ชินวัตร” เปิดเผยเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ได้พูดคุยหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ทั้งเรื่องสถานการณ์ในภาคใต้ เรื่องอาเซียนและเมียนมา รวมถึงสถานการณ์ของโลก หลังจากที่โลกได้เปลี่ยนแปลงไป โดยเรื่องอาเซียน ซึ่งเวลานี้เหมือนต่างคนต่างอยู่ จึงอยากให้อาเซียนมีความเข้มแข็ง และรวมกันเป็นหนึ่ง
อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่จะมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา“อันวาร์ อับราฮิม”ในฐานะประธานอาเซียนคนใหม่ในปี 2568 กล่าวถึงการรวมเป็นหนึ่งของอาเซียนซึ่งมีสมาชิก 10 ประเทศ คือ ไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, บรูไน, กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม และสิงคโปร์..ว่า“จะเป็นพลังของ 700 ล้านคน ให้มีพลังมากกว่าเดิม ถ้าไม่เช่นนั้นก็จะเป็นแค่พลังของประเทศไทยกว่า 70 ล้านคน และมาเลเซียกว่า 20 ล้านคนเท่านั้น การจะทำให้เป็นพลังรวมกันได้ ก็ต่อเมื่อร่วมไม้ร่วมมือกัน เป็นนโยบายรวมของอาเซียน”
ขณะที่“อันวาร์ อิบราฮิม” โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว“Anwar Ibrahim” เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมหลังพบกับ“ทักษิณ ชินวัตร” พร้อมลงรูปภาพคู่กับทักษิณ ระบุว่า “ผมได้พบกับเพื่อนที่ดีของผมและอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และเราได้พูดคุยกันอย่างกว้างขวางในหลายประเด็นสำคัญ รวมถึงบทบาทของเขาในฐานะที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการให้กับประธานอาเซียน การพูดคุยของเราเน้นไปที่ประเด็นสำคัญในระดับภูมิภาค ได้แก่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ การสร้างสันติภาพในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย และการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ในเมียนมา”
นายอันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงเสียงจริงของมาเลเซีย แต่ทำตัวลึกลับในการพบกับอดีตนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นจำเลยในคดีความผิดมาตรา 112 และไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ กล่าวว่า “ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ผมและ ดร.ทักษิณ ชินวัตร มีความเชื่อร่วมกันว่า มาเลเซียและไทยสามารถสร้างความสำเร็จร่วมกันได้มากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่เพื่อประเทศของเราเท่านั้น แต่เพื่อภูมิภาคโดยรวม เรามุ่งมั่นที่จะทำให้วิสัยทัศน์นี้กลายเป็นความจริง"
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สำหรับสุจริตชน หรือวิญญูชน นั้น ทุกเรื่องราวที่กระทำล้วนต้องเปิดเผยและสง่างาม..มีแต่โจรเท่านั้นที่กระทำในเรื่อง“ลับๆ ล่อๆ”ในที่ลับ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี