ปีนี้ศักราชใหม่การเมืองจะร้อนแรง-เพราะถึงคิวที่“ทักษิณ ชินวัตร” จะต้องพาน้องสาวคือ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”กลับบ้าน โดยที่กลับด้วยวิธีใดจึงจะไม่ติดคุก
“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว มีโทษจำคุกติดตัวอยู่ 5 ปี โดยได้หลบหนีออกจากประเทศไทยไปตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมปี 2560 จะกลับเมืองไทยโดยไม่ต้องติดคุก เหมือนพี่ชายได้อย่างไร ข้อนี้แหละที่เป็นปัญหา
ฟังเสียงการให้สัมภาษณ์ของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กำกับดูแลเรื่องความมั่นคงของประเทศ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมาแล้ว รู้สึก“ทะแม่ง”
นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งเป็น“มือไม้”ของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร แสดงความเห็นกับสื่อเกี่ยวกับการจะกลับเข้ามาเมืองไทยของ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ว่า“ก็คงอยากกลับตามธรรมดาของคนที่ไปอยู่ต่างประเทศ คงอยากกลับบ้าน เพราะไม่มีที่ไหนมีความสุขเท่ากับบ้านของเรา แต่ทุกอย่างต้องมีกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างต้องมีเหตุและผล ถ้าเข้ามาโดยมีเหตุและผล มีสังคม มีกติกา มีกฎหมายยอมรับ ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร ก็ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม”
ประเด็นที่ฟังแล้วทะแม่งก็ตรงที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย ขยายความว่า..“กระบวนการยุติธรรมมีหลายมิติ” โดยกล่าวว่า“ท่านอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ เคยถูกข้อกล่าวหาอะไรก็ต้องเคลียร์ข้อกล่าวหานั้นให้มันจบ และมีกระบวนการยุติธรรมในหลายๆ มิติ ก็ใช้กระบวนการยุติธรรมนั้น..ถ้าใช้ได้..เป็นกระบวนการยุติธรรมที่มีการเสนอ ก็ไม่มีปัญหาอะไร”
ถ้านายภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ได้เป็นโรคความจำสั้น ก็ต้องถือว่ากำลังบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อปูทางสำหรับเอื้อประโยชน์ให้แก่“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ที่เป็นนักโทษหนีคดี และถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกหมายจับ
นั่นก็เพราะ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”มิได้มีสภาพเป็นผู้ต้องหา ดังนั้นการที่นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า “เคยถูกข้อกล่าวหาอะไรก็ต้องเคลียร์ข้อกล่าวหานั้นให้มันจบ”..ซึ่งโดยข้อเท็จจริง..เวลานี้ยิ่งลักษณ์เป็น“ผู้หลบหนีโทษ” ไม่ใช่ผู้ต้องหาที่จะมาแก้ข้อกล่าวหาใดๆ เนื่องจากศาลได้พิพากษาคดีถึงที่สุดไปแล้ว
ในประเด็นนี้ เมื่อ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”มีความประสงค์จะกลับเข้ามาในประเทศไทย ก็มีแต่ต้องมารับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือ กลับมาติดคุกเท่านั้น..ไม่มีหนทางอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้
ย้อนกลับไปดูเพื่อความชัดเจนสำหรับคดีทุจริตของ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”..คดีนี้เป็นคดีหมายเลขดำ อม.22/2558 อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องยิ่งลักษณ์เป็นจำเลยเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 ในข้อหาทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดต่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและการปราบปรามการทุจริต รวมแล้ว 2 กระทง
อัยการสูงสุดบรรยายฟ้องว่า จำเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลฎหมายอาญามาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2552 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไต่สวนพยานโจทก์และพยานจำเลยรวม 45 ปาก ใช้เวลาไต่สวน 26 นัด เริ่มไต่สวนเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2559 และจำเลยได้แถลงปิดคดีด้วยวาจาเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560..รวมเวลาพิจารณาคดี 1 ปี 6 เดือน ซึ่งศาลได้นัดตัดสินคดีในวันที่ 25 สิงหาคม 2560..พอถึงวันนัด ปรากฏว่ายิ่งลักษณ์หลบหนีออกนอกประเทศไม่ยอมมาฟังคำพิพากษา
ต่อมาในวันที่ 27 กันยายน 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้อ่านคำพิพากษาลับหลังสั่งจำคุก“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” 5 ปี ไม่รอลงอาญา พร้อมออกหมายจับ
ทั้งนี้ในคำพิพากษาระบุว่า “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาล และประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) มีพฤติกรรมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ส่อแสดงเจตนาโดยชัดแจ้ง อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก แสวงหาผลประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศ และเกิดผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรง ถือได้ว่าเป็นการกระทุจริตต่อหน้าที่
สรุปก็คือ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”เป็นนักโทษหลบหนีโทษในคดีโกงบ้านกินเมือง เมื่อจะกลับมาก็ต้องติดคุก ไม่ใช่ผู้ต้องหาที่จะมาแก้ข้อกล่าวหา หรือบอกว่า“ถูกกลั่นแกล้ง”เหมือนที่“ทักษิณ ชินวัตร”ชอบอ้าง
ถึงบรรทัดนี้เมื่อย้อนทวนคำสัมภาษณ์ของนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ว่า“กระบวนการยุติธรรมในหลายๆ มิติ” ก็อาจมีความเป็นได้ว่า ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ที่กรมราชทัณฑ์กำลังดำเนินการอยู่ในเวลานี้ คือมิติที่นายภูมิธรรมกล่าวถึง
เป็น“มิติ”ที่จะเอื้อประโยชน์ให้แก่“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ไม่ต้องติดคุก..และก็คงต้องดูว่า ประชาชนคนไทยจะยอมทนให้คนของ“ตระกูลชินวัตร”อยู่เหนือกฎหมายหรือไม่ ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี