หลังจาก “โมเสส” พาชาวยิวไปสู่ดินแดนคำมั่นสัญญาจากพระเจ้า หรือ“Philistia” ได้สำเร็จ ผู้เฒ่าที่ประกาศ “บัญญัติ 10 ประการ” ให้ชาวยิวยึดถือและปฏิบัติก็โบกมืออำลา“ลับหายไปในทะเลทรายอย่างไร้ร่องรอย”จนบัดนี้ก็ไม่มีใครรู้ความจริงว่า “โมเสส” ลับหายไปไหน?
จากนั้น “ชาวยิว” ได้ผู้นำคนใหม่ชื่อว่า “โจชัว”
แท้จริง “ดินแดนคำมั่นสัญญาจากพระเจ้า (Philistia)” หรือ“แผ่นดินวงแหวนแห่งพระจันทร์เสี้ยวอันรุ่งเรือง (Fertile Crescent)” นั้น มีชาว “คะบันไนท์” ครอบครองอยู่แล้วยิวจึงต้องปราบปรามและขับไล่ชาวคะบันไนท์ออกไปจากดินแดนดังกล่าว จากการนำของ “โจชัว”
เมื่อสร้างบ้านแปงเมืองเสร็จ อาณาจักรฮิบรูก็มี “ยอดกษัตริย์” ปกครองอิสราเอลต่อเนื่องมาถึง “3 พระองค์” ได้แก่ “1.กษัตริย์ซาอูลหรือพระเจ้าซอล 2.กษัตริย์เดวิดหรือพระเจ้าเดวิด ผู้สร้างนครเยรูซาเลม และ 3. กษัตริย์โซโลมอน”
โดย “ฮอลลีวู้ด” ได้สร้างเป็นหนังเกี่ยวกับกษัตริย์ยิวทั้ง 3 พระองค์ โดยเฉพาะหนังเรื่อง “Solomon and Sheba” ที่สร้างในปีค.ศ.1959 นำแสดงโดย “ยูลบรินเนอร์” พระเอกยอดดังในยุคนั้น เป็นหนังฟอร์มยักษ์โด่งดังไม่แพ้เรื่อง “บัญญัติ 10 ประการ”
อาณาจักรอิสราเอลที่สร้างขึ้นในยุคนั้น แท้จริงก็คือ “ดินแดนปาเลสไตน์” ในปัจจุบัน มีพื้นที่มากกว่าดินแดนของวันนี้ถึง “5 เท่า” ซึ่งขณะนั้นตะวันออกกลางที่กว้างใหญ่ไพศาล“มี 7 อาณาจักรเกิดขึ้นด้วยกัน” คือ
“1.อาณาจักรฟินิเซีย 2.อาณาจักรอัสซีเรีย 3.อาณาจักรเปอร์เซีย 4.อาณาจักรอัคคาเดีย 5.อาณาจักรแคลเดีย 6.อาณาจักรอาระเมีย และ 7.อาณาจักรอิสราเอล หรืออาณาจักรฮิบรู”
หลังจาก “กษัตริย์โซโลมอนแห่งอาณาจักรฮิบรู หรืออิสราเอลสิ้นพระชนม์”อาณาจักรฮิบรูก็เกิดการ “แตกแยก” อย่างรุนแรงจนแยกออกเป็น “สองประเทศ”คือ “ยิวฝ่ายเหนือ” และ “ยิวฝ่ายใต้”
“ยิวฝ่ายเหนือ” เรียกตัวเองเป็น “ประเทศอิสราเอล” มีชาวยิว 10 ตระกูลเป็นพลเมืองและ “ยิวฝ่ายใต้” เรียกเป็น “ประเทศยูดาห์” มีชาวยิว 2 ตระกูลเป็นพลเมือง โดยยิวทั้งสองประเทศเกิดความขัดแย้งกันรุนแรง ถึงขั้นรบราฆ่าฟันกันอย่างยาวนาน
ในที่สุด “ยิวฝ่ายเหนือหรือประเทศอิสราเอล” ก็ถูก “กองทัพอัสซีเรีย” ยึดเป็น“เมืองขึ้น” ในปี 730 ปีก่อนค.ศ. และ “ยิวฝ่ายใต้หรือประเทศยูดาห์” ก็ตกเป็น “เมืองขึ้นของอัสซีเรีย” ในปี 701 ก่อนค.ศ.ทำให้อาณาจักรฮิบรูที่สร้างขึ้น 1,200 ปีก่อนค.ศ.ตกเป็นเมืองขึ้นของ “อัสซีเรีย” อย่างเบ็ดเสร็จ
ขณะที่อิสราเอลถูกอัสซีเรียยึดนั้น “อาณาจักรเปอร์เซีย” หรือ “อิหร่าน” ที่ก่อตั้งขึ้น 1,000 ปีก่อนค.ศ.ได้กลายเป็น “ประเทศมหาอำนาจ” ขึ้นมาใน “ยุคพระเจ้าไซรัสมหาราช” และได้ “โค่นอาณาจักรอัสซีเรีย” ในปี 560 ก่อนค.ศ.จึงทำให้ “อิสราเอลกลายเป็นเมืองขึ้นของเปอร์เซีย” เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในตะวันออกกลางและบางประเทศในยุโรป
แต่แล้ว “อาณาจักรเปอร์เซีย” ก็ถูก “อเล็กซานเดอร์มหาราช” ดับรัศมีความยิ่งใหญ่ในปี 313 ก่อนค.ศ. และพลอยทำให้อิสราเอล ตกเป็นเมืองขึ้นของกรีกด้วย
“หลังจากอเล็กซานเดอร์สวรรคต อิสราเอลก็ตกเป็นเมืองขึ้นของอียิปต์ในราชวงศ์ ปโตเลมี โดยอียิปต์ปกครองอิสราเอลแบบหลวมๆ ปล่อยให้มีเสรีภาพและอิสรภาพเกือบทุกด้าน จนยิวเคยชินกับการได้ปกครองตนเอง”
แต่แล้ว “ยิว” ก็ต้องพบกับ “ชะตากรรมอันเลวร้าย” อีกครั้ง“เมื่ออาณาจักรโรมันมีอำนาจสูงสุด” โดยครอบครองดินแดนทั่วยุโรป แอฟริกาเหนือและเอเชียไมเนอร์ และ “ยึดครองอิสราเอลในปีค.ศ.66”
คราวนี้ “ยิวสู้ตาย” แต่ก็เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเพราะถูกกองทัพอันเกรียงไกรของโรมัน ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวตายไปกว่า 600,000 ราย และยังต้อง “สิ้นชาติ” หนีตายกระจุยกระจายไปทั่วโลกโดย “ตกคลัก” อยู่ในประเทศต่างๆ ของยุโรปมากที่สุด
อ่าน “โองการอสูร” ตอนจบในฉบับวันพรุ่งนี้
กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี