วันนี้เปิดเรื่องมา ก็ต้องกล่าวถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มี“แพทองธาร ชินวัตร”เป็นผู้นำอีกแล้ว ว่ามีแต่วาทกรรมหลอกชาวบ้านให้หลงเชื่อไปเรื่อย โดยเฉพาะกรณีเรือประมงไทยถูกทหารเรือเมียนมายิง พร้อมกับจับลูกเรือไทยไป 4 คน ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ถามว่านี่หรือที่“มาดามแพทองโพย” ท่องเป็นสูตรสำเร็จว่า จะทำให้คนไทย“มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”
รัฐบาล“พ่อเลี้ยง” ซึ่งมี“แพทองธาร ชินวัตร”นายกรัฐมนตรีที่ไร้สติปัญญาเป็นผู้นำชุดนี้ ถูกรัฐบาลเมียนมาเอา“เอาเท้าลูบหัว”หยามหมิ่นกันถึงขนาดนี้แล้ว จะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีอะไรให้เอ่ยอ้างได้ แค่เจรจาให้รัฐบาลเมียนมาปล่อยตัวลูกเรือประมงไทย 4 คน ที่ถูกคุมตัวอยู่ที่จังหวัดเกาะสองของเมียนมาให้เป็นอิสระก็ยังทำไม่ได้
โดยเฉพาะอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่นายกรัฐมนตรีผู้เป็นลูกสาว และคนในพรรคเพื่อไทยอวดอ้างสดุดีในความเก่งกาจสามารถ ในฐานะบุคคลสำคัญระดับโลก ถึงขนาดว่านายกรัฐมนตรี“อันวาร์ อิบราฮิม”ของมาเลเชียยังต้องเชิญไปเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวในตำแหน่งประธานอาเซียนนั้น ทำไม“มาดามแพทองโพย”ผู้สืบสันดานถึงไม่เรียกใช้บริการ“บิดา”ให้สมกับราคาคุย
เวลานี้เห็นแต่อดีตนักโทษเด็ดขาดชายโกงบ้านกินเมืองผู้นี้ ซึ่งไม่เหลือสภาพผู้ป่วยวิกฤตปางตายจากโรคกระดูกเสื่อม-เส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย เดินสายช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยในจังหวัดต่างๆ หาเสียง แบบปากคอระรานพูดจาสามหาวผรุสวาจาด่ากราดผู้คนไปทั่ว และทำตัวเหมือนนายกรัฐมนตรีตัวจริง ที่ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนกันอีกต่อไปแล้ว
นั่นก็เพราะ องค์กรอิสระอย่าง กกต.เหมือนจะยอมสยบอย่างสิ้นเชิง หรือแม้แต่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองที่มีอยู่ จะพูดว่า“กระดาษทิชชู”ยังมีประโยชน์มากกว่าก็เปรียบได้อีกเช่นกัน
อย่างไรก็ดี คนไทย 4 คนที่ถูกทหารเรือเมียนมาจับตัวไป แม้จะเป็นแค่ลูกเรือประมง แต่ก็เป็นคนไทยและเป็นมนุษย์ ซึ่งไม่ต่างไปจากอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่บรรดารัฐมนตรีที่เป็นบริษัทบริวารเคยออกมาให้สัมภาษณ์เรียกร้องความเห็นใจให้แก่ผู้เป็น“นายใหญ่” เช่น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เคยพูดเรื่องทักษิณเมื่อครั้ง“ป่วยทิพย์“บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่า“การอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมไปไหนไม่ได้ นี่ก็คือการเสียเสรีภาพแล้ว”
หรือแม้แต่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สมัยที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ในรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน ก็เคยให้สัมภาษณ์ปกป้อง“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เป็นนายเรื่องการถูกคุมขังนอกเรือนจำโดยไม่ต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำว่า “หากใครไม่เคยนอนคุก ติดคุก ถูกจองจำ ลองไปสักคืนสองคืน มันเครียด ความเครียดเป็นต้นเหตุของโรคภัยไข้เจ็บ จึงไม่สมควรที่จะกระทำแบบนั้น”
กรณีลูกเรือประมงไทย 4 คนที่ยังไม่มีความชัดเจนว่า ทางการเมียนมาจะปล่อยตัววันไหน จึงเป็นเรื่องที่สมควรต้องประณาม นายกรัฐมนตรีของไทยที่ชื่อ“แพทองธาร ชินวัตร” รวมทั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กำกับดูแลเรื่องความั่นคงของประเทศ และอีกคนหนึ่ง คือ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพราะบุคคลทั้งสามนี้“ไร้น้ำยา” และทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียเกียรติและศักดิ์ศรี ปล่อยให้ประเทศพม่าหยามหมิ่น
ส่วนเรื่องที่คนไทยจะ“มีกิน มีใช้”ตามคำประกาศของ“มาดามแพทองโพย”นั้น ก็คงจะมีเฉพาะคนไทยที่เป็นนักการเมืองเท่านั้น เพราะอาชีพนักการเมืองในประเทศไทย เป็นอาชีพที่ทำให้“ยาจก”กลายเป็นเศรษฐีได้อย่างทันตาเห็น ซึ่งพิสูจน์ได้จาก สส.ของพรรคประชาชนหลายคน พอบุญหล่นทับได้เป็น สส. เพียงแค่สมัยเดียว ปรากฏว่ามีเงินหลักเจ็ดหลักแปดกันแล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นหนี้สินจากการยู้ยืมเงิน กยศ. หรือ“กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา”มาเรียนหนังสือ แค่จำนวนหมื่นจำนวนแสนก็ยังไม่มีปัญญาจ่ายคืน
ดูจากบัญชีทรัพย์สินของ“มาดามแพทองโพย”ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.และมีการเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 13,993,826,903 บาท หรือ 13.99 หมื่นล้านบาทนั้น เฉพาะเครื่องแต่งกายแบรนด์เนมจากต่างประเทศแค่ชุดเดียวของ“ลูกคุณหนูพ่อรวย” ประชาชนคนไทยที่เป็นกลุ่มเปราะบางในประเทศนี้หลายสิบล้านคน เอาไปขายกินก็สามารถ“มีกิน-มีใช้”ไปได้หลายชาติ อย่าว่าแต่ชาตินี้เลย
ของฟุ่มเฟือยที่“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”มีอยู่ในครอบครอง ซึ่งทำให้ชาวบ้านเขาจับได้ว่า ที่อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาของคุณหนูชอบอวดสรรพคุณลูกสาวในหลายวาระหลายโอกาสว่า บุตรสาวของตนรู้จักใช้จ่ายเงินทองนั้น เป็นเรื่องไม่จริง เป็นความเท็จทั้งหมดที่บิดาของเธอผู้นี้กล่าว และก็ย้อนแย้งกับนโยบาย“ซอฟต์ พาวเวอร์” ที่“มาดามแพทองโพย”เป็นตัวตั้งตัวตีเกี่ยวกับ“ความเป็นไทย”ที่จะขายกับชาวโลก
ยกมาดู 7 รายการ ที่สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างทางชนชั้นระหว่าง“มาดามแพทองโพย” กับคนไทยกลุ่มเปราะบางนับสิบล้านคนในประเทศนี้ซึ่งยังยากจนข้นแค้น เช่น นาฬิกา 75 เรือน มูลค่า 162 ล้านบาท, กระเป๋า 217 ใบ มูลค่า 76.6 ล้านบาท, แหวน 108 วง 31.7 ล้านบาท, กำไลข้อมือ 69 เส้น มูลค่า 28.5 ล้านบาท, ต่างหู 205 คู่ มูลค่า 49.3 ล้านบาท, เครื่องแต่งกาย 167 ชุด มูลค่า 26.7 ล้านบาท และของสะสมตุ๊กตาแบร์บริค 9 ตัว มูลค่า 1.9 ล้านบาท
คนไทยทั่วไปจึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ด้วยสติปัญญาและความสามารถของ“แพทองธาร ชินวัตร”ที่มีอยู่ ถ้าหากไม่มีบิดาชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร” และมารดาชื่อ“คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์” ต่อให้เกิดมาอีกกี่สิบชาติก็ไม่มีทางที่จะมีทรัพย์สินเงินทองร่ำรวยได้ขนาดนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเป็นบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของอดีตนักโทษคดีทุจริตโกงชาติโกงแผ่นดินที่ชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร” จึงทำให้เธอมีวันนี้เพราะ“พ่อให้” !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี