อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร พูดเรื่องความรวยของตนเอง จากการไปปราศรัยหาเสียงช่วยนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย เมื่อไม่กี่วันก่อน ฟังแล้วภาษาเหนือว่า“บ่าวอก” แปลความแบบบ้านๆ ว่า“กะล่อนโคตร”
“ทักษิณ ชินวัตร” ว่าอย่างนี้ “ไอ้พวกควายพวกนี้ หาว่าผมไปเอาตังค์ที่ไหนมา ก็กูรวยตั้งแต่ปี 35-36 แล้ว ตอนนั้นผมรวยที่สุดในประเทศ แต่ตอนนี้จนพอๆ กับชาวเชียงราย”
ไอ้ควายหรือกระบือที่อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เอ่ยถึงคือบรรดาบุคคลที่วิพากษ์วิจารณ์ตนเอง และ“แพทองธาร ชินวัตร”ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่ใครก็แตะไม่ได้ ซึ่งประโยคที่ทักษิณบอกว่า “แต่ตอนนี้จนพอๆ กับชาวเชียงราย” นี่แหละที่ภาษาเมืองของชาวเหนือบอกว่า “บ่าวอก”
และก็ไม่ใช่เฉพาะเวทีปราศรัยที่เชียงรายเท่านั้น ทุกเวทีที่“ทักษิณ ชินวัตร”ไปปราศรัย ไม่ว่าจะที่จังหวัดอุดรธานี หรืออุบลราชธานีก่อนหน้านี้ ก็มักจะบอกว่าทุกวันนี้ตนนั้นยากจน กินเงินเดือนผู้สูงวัยเดือนละ 700 บาท และได้เงินค่าจ้างจากการเป็นผู้ช่วยหาเสียงวันละ 100 บาท
จากการไปปราศรัยที่จังหวัดเชียงราย “ทักษิณ ชินวัตร”ก็ยังฉายหนังซ้ำ โดยกล่าวกับประชาชนที่มาฟังการปราศรัยว่า “วันนี้มา 3 เวทีได้เวทีละ 100 บาท ได้ค่าช่วยหาเสียง 300 บาท มาลำบากก็ตอนแก่..มีเงินอยู่ 6 หมื่นล้าน พออยู่ไปอยู่มาก็จนลง เพราะโดนยึดบ้าง โดนหาเรื่องบ้าง สารพัดอย่าง”
อย่างไรก็ดี ไม่ว่า“ทักษิณ ชินวัตร”จะกะล่อนเอาฮาเอามันหรืออะไรก็ตาม แต่ก็เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า บุคคลลผู้นี้พร้อมจะ“พูดจริงเป็นเท็จ-พูดเท็จเป็นจริง”ได้อยู่ตลอดเวลา
เรื่องรวยเรื่องจนของ“ทักษิณ ชินวัตร”นั้น..ไปดูข้อมูลล่าสุดจากนิตยสาร“ฟอร์บส์” ในการจัดอันดับมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดของไทยในปี 2567 พบว่า ทักษิณติดอันดับท็อปเทน โดยอยู่อันดับที่ 10
ทั้งนี้ นิตยสาร“ฟอร์บส์” หรือ“Forbes” ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจและการเงินชื่อดังของสหรัฐเอมริกา ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ โดยมีการจัดอันดับมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งของโลกเผยแพร่ทุกปี ระบุว่า ทักษิณมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิจากธุรกิจการเงินและการลงทุน 2,100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7.7 หมื่นล้านบาท
ย้อนกลับไปไปดูสมัยที่“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกในปี 2544 ทักษิณได้แจ้งต่อ ป.ป.ช. ระบุว่ามีทรัพย์สินจำนวน 569.1 ล้านบาท คุณหญิงพจมาน ภริยา 9,958.5 ล้านบาท บุตรสาว 2 คน คือพินทองทา และแพทองธาร ชินวัตร (ไม่รวมนายพานทองแท้ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว) 4,767 ล้านบาท รวมทรัพย์สินทั้งสิ้น 15,294.7 ล้านบาท ทั้งนี้ทักษิณและคุณหญิงพจมานระบุว่า มีหนี้สินรวมกัน 170.4 ล้านบาท
ก่อนลงเล่นการเมือง ธุรกิจแรกของ“ทักษิณ ชินวัตร” คือ“ชินวัตรไหมไทย” แต่ก็ไปไม่รอด จึงขยับมาทำ“หนังไทย” โดยอาศัยพื้นฐานเดิมจากธุรกิจที่บ้านในการทำโรงภาพยนตร์ที่เชียงใหม่ มาทำหนังเร่ ผลสุดท้ายก็เจ๊งอีก หันไปทำคอนโดมิเนียมก็ล้มเหลวซ้ำซากอีกเช่นกัน
ข้อมูลที่ว่ามานั้นมีอยู่ในหนังสือ“ตาดูดาว เท้าติดดิน” ซึ่ง“ทักษิณ ชินวัตร”เล่าเปิดเผยจากปากของตนเอง เป็นชีวิตที่ลำเค็ญ มีหนี้สินล้นพ้นตัว ถึงขนาดต้องวิ่ง“แลกเช็ค”หมุนเงิน จนถูกหมายจับ“คดีเช็คเด้ง”นับครั้งไม่ถ้วน เพื่อหาเงินใช้เจ้าหนี้ทั้งในและนอกระบบที่ไปกู้ยืมมาไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
“ทักษิณ ชินวัตร”ลืมตาอ้าปากได้ก็เพราะอาศัยใบบุญใต้ลมปีกของของคณะรัฐประหารหลังการยึดอำนาจของ รสช.ในปี 2534 ที่นำโดย พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ และ พล.สุจินดา คราประยูร จากการได้สัปทานดาวเทียมไทยคม
และเมื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”ลงเล่นการเมือง กระทั่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2544-2549 ในนามรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ทักษิณก็ยิ่งร่ำรวยมหาศาล และกลายเป็นนักโทษคดีทุจริตจาก“ผลประโยชน์ทับซ้อน” ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เจ้าตัวเพิ่งจะพ้นโทษมาเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมปีที่แล้ว
แม้ว่า“ทักษิณ ชินวัตร”จะพ้นโทษแล้วก็ตาม แต่เวลานี้บ่วงกรรมก็กำลังไล่ตามจากคดี“ป่วยทิพย์-บนชั้น 14”โรงพยาบาลตำรวจ ที่มีเรื่องสอบสวนอยู่ในมือของ ป.ป.ช. และแพทยสภา ซึ่งพลอยทำให้ข้าราชการประจำ ทั้งจากกรมราชทัณฑ์ และบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ อาจจะต้องรับกรรมไปด้วย
เรื่องวีรเวรวีรกรรมของ“ทักษิณ ชินวัตร” และ“แพทองธาร ชินวัตร” สองพ่อลูกผูกพันคู่นี้..หากเปรียบเป็นหนังชีวิต..บทอวสานอาจจะไม่“แฮปปี้-เอนดิ้ง”ก็เป็นได้ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี