บ้านเมืองของเรา มีเรื่องที่ประชาชนมองตาปริบๆ หลายเรื่อง โดยที่ในใจหดหู่ห่อเหี่ยวว่า ทำไมมันถึงวิปริตพิสดารได้ขนาดนี้วะ ทั้งเรื่องนักการเมืองโกงชาติ
โกงแผ่นดินได้ลดโทษครั้งแล้วครั้งเล่า ได้ออกจากคุกทั้งๆ ที่ติดคุกมาแค่ไม่กี่ปี หรือบางคนเข้าคุกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น, รัฐธรรมนูญอยู่ดี ไม่มีการชี้ให้เห็นปัญหา แต่จะพากันแก้ทั้งฉบับ, นักโทษวีไอพีอ้างป่วย นอนโรงพยาบาล ไม่นอนคุก แต่ปิดกั้นการตรวจสอบว่าป่วยจริงหรือป่วยทิพย์ และกระบวนการตรวจสอบก็เงื่องหงอย ล่าสุดประชาชนก็ต้องเหวออีกเมื่อเห็นข่าวว่า “ไฟเขียวตั้งนายพลเล็ก “ตร.พานายกฯปูหนี”ผงาด ตม.”
1) ดร.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทยและอดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ปัญหาประชาธิปไตยสุจริตวันนี้”
(11 มกราคม 2568)
ก) ปัญหากรณีชั้น 14
1.ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ (เป็นการไปพักนอกที่คุมขังที่ต้องขอความเห็นชอบหรือรายงานศาลหรือไม่)
2.ข้อเท็จจริงเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ (เจ็บป่วยรุนแรงจริงหรือป่วยทิพย์)
3.หากผิดตาม 1.และหรือ 2.ใครต้องรับผิดบ้าง?
4.หากผิดตาม 1.และหรือ 2.ต้องแก้ไขการบังคับโทษและการบริหารโทษใหม่หรือไม่
ข) ปัญหาการแก้ไข รธน.
1.นักการเมืองอยากให้ประชามติทำได้ง่าย
2.ยกร่างแก้ รธน.ทั้งฉบับแบบทางด่วน (ปลดล็อกการแก้แบบรายมาตราและมอบอำนาจการแก้ รธน.ของสภาและของปชช. ให้ ส.ส.ร.ไปทำคลอด รธน.ฉบับใหม่ได้เลย
3.เกิดปัญหาร่างชุด Package ตาม 2.เข้าสภาไม่ได้เพราะขัด รธน.และคำวินิจฉัย ศรธน. รวมทั้งการรวบตั้งคำถามประชามติให้เหลือน้อยครั้ง
2) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส. โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ป่วยทิพย์ หรือป่วยจริง ต้องจบ!!”ความว่า
- กลางๆ เดือนนี้ ต้องลงจากเทือกเขาบรรทัดขึ้น กทม. นำผู้ต้องหาไปศาล คดีที่คุณทักษิณ ชินวัตร แจ้งความผู้ต้องหาคนหนึ่ง ในข้อหาหมิ่นประมาท กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ที่ผู้ต้องหารายนี้กล่าวว่าคุณทักษิณป่วยทิพย์ มิได้ป่วยจริง
- อัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาแล้ว ความจริงเรื่องนี้ ผมก็อยากให้อัยการฟ้องตั้งนานแล้ว การป่วยทิพย์หรือป่วยจริงนี่มันต้องอาศัยเวชระเบียนของรพ.ตำรวจมาพิสูจน์นะครับ
- คดีนี้ ผมลงทุนถึงขนาดขอโฉนดที่ดินภรรยาที่พัทลุงไปประกันตัวให้ผู้ต้องหาเลยนะ อย่าหนีก็แล้วกัน หากโฉนดภรรยาผมถูกยึดผมถูกไล่ออกจากบ้านแน่
- ผมฉายหนังตัวอย่างให้ดูล่วงหน้าเลยนะครับ ว่า ผมจะขอหมายเรียกอธิบดีกรมราชทัณฑ์,แพทย์-พยาบาล ที่รักษาคุณทักษิณมาเบิกความหมดทุกคน ถ้าไม่มาผมขอออกหมายจับหมดนะครับตรงไป-ตรงมาครับ
- คดีนี้ผมบอกข้อสอบล่วงหน้าให้ทนายความคุณทักษิณทราบเลยว่า ผมจะสู้คดีแบบนี้แหละ เปิดถ้วยให้แทงเลย แทงให้ถูกก็แล้วกัน มาดูกันว่า เรื่องชั้น 14 รพ.ตำรวจ ระหว่างผม กับ ป.ป.ช. ใครจะเข้าเส้นชัยก่อนกัน/
3) เฟซบุ๊ก ปู จิตกร บุษบา โพสต์เรื่อง “จะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับไปทำไม” ความว่า
✓ รัฐธรรมนูญ เป็นปัญหาของใคร? ทำไมต้องแก้?
✓ ข้อที่เป็นปัญหาคือข้อไหน? เป็นปัญหาอย่างไร หากจะแก้ จะแก้เป็นข้อความใด ด้วยหลักการใดเพื่อประโยชน์อย่างไร
✓ ทำไมไม่แก้รายมาตรา ทำไมจะต้องแก้ทั้งฉบับ
✓ จะแก้ทั้งฉบับ ก็ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ คือ #ผ่านประชามติ ทำไมต้องแก้ขั้นตอนและวิธีการทำประชามติ
✓ ทำไมต้องมี ส.ส.ร. มาแก้ ทำไมไม่แก้ด้วย “สภา” ซึ่งก็มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนกันอยู่แล้ว?
✓ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ ในการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ด้วย ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง
✓ ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง ซื่อตรง เป็นกลาง อ่านกฎหมายรู้ ดูกฎหมายเป็น เลื่อมใสการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และยึดประโยชน์ของประชาชนประเทศชาติเป็นใหญ่ แน่นะ?
✓ ✓ ทำไมไม่แก้เฉพาะมาตราที่มีปัญหา หรือเพิ่มเติมมาตราที่ยังไม่มี-โดยสภาที่มีอยู่แล้ว รับเงินเดือน เบี้ยประชุม ค่าตอบแทน และสวัสดิการต่างๆ กันอยู่แล้ว
... ทำไม
... ทำไม
... ทำไม
4) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “คุณทักษิณกับการติดคุกครั้งใหม่” มีเนื้อหาดังนี้
ผมยืนยันมาหลายครั้งว่า มีอยู่ 2 เรื่องที่คุณทักษิณ ไม่มีทางจะชนะได้ คือ
(1) เรื่อง MOU 44
และ (2) เรื่องชั้น 14 รพ.ตำรวจ
ปัจจุบันก็มาถึงปีใหม่แล้ว
ทั้ง 2 เรื่องนี้จะเป็นไปอย่างไร ต่อไป
นับตั้งแต่ผิดพลาด เรื่องการแต่งตั้งคุณ พิชิต ชื่นบาน ขึ้นมาเป็น รมต.แล้ว คุณทักษิณ ก็เป็นแค่ “พวกปากกล้า ขาสั่น” เท่านั้น เพราะหลายโครงการหาเงิน หาทอง ที่ตั้งขึ้นมา คุณทักษิณกลับยอมถอย เพื่อประคับประคอง รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ให้อยู่รอดมาตลอด ดังนั้นเรื่อง MOU 44 ก็น่าจะชะลอไว้ ให้คุณสนธิ รอเก้อ เพราะไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรไปเดินหน้าต่อไป
ส่วนเรื่อง ชั้น 14 คงชะลอไม่ได้ จะจบในปีนี้แน่ๆ คุณทักษิณ ก็น่าจะเตรียมใจ แบบแมนๆ ยอมกลับเข้าไปนอนในเรือนจำสักวัน หรือสองวัน ให้ถูกต้องตาม
กฎหมายแล้วค่อยหาทางกลับมาพักฟื้นที่บ้านต่อไป
นี่แค่แผนหนึ่งเท่านั้น คุณทักษิณ ยังมีโครงการประคับประคอง รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ให้เดินหน้าไป อีกหลายโครงการครับ รอดูกันต่อไป
5) อีกเรื่องหนึ่งที่วิปริตพิสดารมาก คือการเอาอดีต “คนโกงชาติ” ขึ้นเวทีหาเสียง อบจ. แต่คุยโวแต่สิ่งที่ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของนายก อบจ.เลย
เรื่องนี้ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องร้องเรียนเลือกตั้งอบจ.ในขณะนี้ว่า มีอยู่ 30 กว่าเรื่องส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการซื้อสิทธิขายเสียง ส่วนเรื่องการหาเสียงอยากให้แยกเกี่ยวกับการพูดถึงนโยบาย ระดับชาติกับการหาเสียงระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่บางครั้งเชื่อมโยงกันได้ แต่จะเข้าข่ายเป็นการหาเสียงที่ผิดกฎหมายหรือไม่ มีอยู่ 2 ข้อหลัก คือ
1.หาเสียงว่าจะให้หรือเสนอให้ 2.หาเสียงหลอกลวง ซึ่งถ้าหาเสียงว่าจะให้มันก็เข้าข่ายผิดกฎหมายแน่นอนตามมาตรา 65 (1) แต่ถ้าเป็นการหาเสียงหลอกลวงเพราะมันไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ อบจ.นั้นๆ ก็เข้าข่ายหลอกลวงได้ เพราะฉะนั้นการกล่าวถึงเวลาเราพูดถึงบริบททั่วๆ ไปบางครั้งกล่าวไปทางนั้นทางนี้ มันจะใช่ถึงขนาดหาเสียงหลอกลวง สัญญาว่าจะให้หรือไม่ต้องดูบริบทแต่ละอันเป็นรายกรณีไป รวมถึงดูรายละเอียดด้วย
เมื่อถามว่า ผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียง จึงควรหาเสียงเฉพาะสิ่งที่อบจ.ทำได้เท่านั้นหรือไม่
นายอิทธิพร กล่าวว่า การที่ผู้สมัครจะเสนอนโยบายที่ตนเองจะเข้าไปปฏิบัติหากได้รับเลือกว่าจะทำงานด้านอะไรบ้าง เพราะอำนาจหน้าที่ของอบจ.ก็มีระบุไว้ในกฎหมายชัดเจน การหาเสียงก็ควรจะมุ่งเน้นในกรอบตรงนั้น จะพูดเลยไปบ้างส่วนตัวมองว่าก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร
เมื่อถามว่า ถ้าตามกฎหมายขอบเขตของผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งนั้นมีแค่ไหน นายอิทธิพรกล่าวว่า ผู้ช่วยหาเสียงพูดในนโยบายที่ผู้สมัครประสงค์จะนำไปปฏิบัติเมื่อได้รับเลือกตั้ง ซึ่งแน่นอนต้องหาเสียงในนโยบายที่ผู้สมัครเขานำเสนอด้วย เพราะไม่เช่นนั้นถ้าไปหาเสียงแล้วไม่พูดถึงนโยบายที่จะไปทำในจังหวัดนั้นๆ มันก็ไม่ใช่การหาเสียง และจะกระทบต่อการที่จะไม่ได้คะแนนด้วย เช่น ไปพูดถึงเรื่องอื่น โดยไม่พูดว่าจะไปทำอะไร ในบริบทที่เป็นงานของตัวเองคะแนนก็อาจจะไม่ค่อยได้
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปปราศรัยพูดถึงภาพใหญ่ของนโยบายรัฐบาล และหลังจากนั้นรัฐบาลก็รับลูก สามารถทำได้หรือไม่ในเวทีของท้องถิ่น
นายอิทธิพรกล่าวว่า การพูดถึงนโยบายโดยบุคคลใดก็ตามที่เป็นปัญหาเลือกตั้งท้องถิ่น กับการหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น มันเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกันได้แต่จะถึงขั้นผิดหรือไม่ จะให้ตอบตอนนี้คงไม่ได้เพราะจะสับสนและไขว้เขว ฉะนั้นผู้สมัคร ผู้ช่วยหาเสียง ก็ต้องมีบทบาทหน้าที่ของตัวเองในการที่จะทำอะไรก็ได้ให้มั่นใจว่าทำไปแล้วไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย และอย่าลืมว่ามีมาตรา 23 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยกกต.ที่กำหนดว่า พรรคการเมืองหรือผู้สมัครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายเลือกตั้ง หรือพรรคการเมืองสามารถสอบถามมายังกกต.ได้ ซึ่งกกต.มีหน้าที่ต้องตอบภายใน 30 วัน ซึ่งก็เป็นอีกช่องทางหนึ่ง
แต่ตนก็เชื่อว่าผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงนั้นตระหนักดี ว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหนเพราะ เพราะตัวอย่างก็มีทำวินิจฉัยที่เรามี ว่าหากเป็นอย่างไร ที่เข้าข่ายหลอกหลวงเสนอว่าจะให้ ฉะนั้นถือว่าการที่จะพูดอะไรบางอย่าง มันอาจจะไม่ตรงประเด็นร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ามันเชื่อมโยงกันได้ อย่าเพิ่งไปรีบตัดสินว่ามันถูกหรือผิด เราต้องดูพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเป็นกรณี
เมื่อถามอีกว่า กรณีที่นายทักษิณ ปราศรัยว่าจะลดค่าไฟจาก 4 บาทให้เหลือ 3 บาทกว่า น่าจะไม่ใช่อำนาจของอบจ.ที่จะสามารถทำได้
นายอิทธิพรกล่าวว่า ท้องถิ่นเท่าที่ตนจำได้ก็มีหน้าที่ในการให้บริการและทำนุบำรุงสาธารณูปโภค ซึ่งอันนี้ก็คือสาธารณูปโภคมีหน้าที่อย่างนั้น อย่างไรก็ตามจะให้ไปตอบตอนนี้คงไม่ได้ เพราะความเห็นอย่าลืมว่าคณะกรรมการ กกต. มี 7 คน ฉะนั้นจุดเชื่อมโยงตรงไหนที่ว่าเป็นการพูดถึงนโยบายของตัวเองโดยแท้ ไม่เกี่ยวกับการหาเสียง หรือเข้าข่ายหาเสียงหลอกลวง มันยังตอบจริงๆ ไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงที่พูดกันต้องมาดู
ก่อนหน้านี้ตนก็พูดไปแล้วว่าอะไรทำได้ไม่ได้มันมีเส้นแบ่งอยู่เสมอ ต้องนำข้อเท็จจริงมาประกอบ แต่ถ้าเป็นไปได้ในเรื่องของการหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นก็ควรมุ่งเน้นที่นโยบาย ที่ผู้สมัครผู้นำมุ่งเน้นการดำเนินการเมื่อได้รับเลือกตั้ง ถ้ามันเกินขอบเขตอะไรไปแล้วมีคนร้อง ก็ต้องเอาเรื่องทั้งหมดมาดู
ถามอีกว่า กกต.ควรต้องทำหนังสือเตือนหรือไม่ ประธานกกต. กล่าวว่า คงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นเพราะผู้สมัครรู้ดีอยู่แล้วว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง เพราะเมื่อรับสมัครเสร็จแล้วก็จะมีการประชุมเชิงสมานฉันท์แจ้งให้ทราบอยู่แล้ว ฉะนั้นผู้สมัครจะบอกว่าตัวเองไม่ทราบคงไม่ได้ ผู้สมัคร และพรรคการเมืองมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ขณะเดียวกันพรรคการเมืองก็ต้องดูแลสมาชิกให้ปฏิบัติไปตามกฎหมาย มันก็จะไม่เกิดปัญหาความก้ำกึ่งอะไรแบบนี้ก็จะเป็นประเด็นขึ้นมา แล้วถ้ามาให้กกต.พิจารณาผู้สมัครเมื่อแต่งตั้งผู้ช่วยหาเสียงแล้ว ทั้งผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองพูดไปผู้สมัครก็ต้องรู้ ว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างไร ผู้ช่วยหาเสียงก็ต้องรู้ว่าผู้สมัครของตัวเองมีนโยบายอย่างไร และหาเสียงช่วยสนับสนุนในประเด็นที่เป็นอำนาจหน้าที่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีคำร้องเกี่ยวกับการหาเสียงของนายทักษิณ เข้ามา
สรุป :
ความวิปริตผิดเพี้ยนเหล่านี้ กดทับ กัดกร่อนศรัทธาประชาชนที่มีต่อระบบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เราไม่รู้เลยว่า วันหนึ่ง เมื่อประชาชน“สิ้นศรัทธา” ต่อระบบทั้งหลายที่ล้มเหลวของประเทศเรา
อะไรจะเกิดขึ้น!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี