เห็นอากัปกิริยาสีหน้าท่าทาง“มาดามแพทองโพย”แถลงเรื่อง“เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์” ที่ทำเนียบรัฐบาลภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มกราคมวานนี้แล้ว ราวกับว่าเธอเป็นลูกสาวเจ้าของบ่อนกาสิโนตัวจริงเสียงจริงยังไงยังงั้น
“แพทองโพย”แถลงโดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นพระอันดับหน้าเดิมๆ ประเภท“ดีครับนาย-สบายครับคุณหนู”ยืนเป็นแผงประดับเหมือนวอลล์เปเปอร์ เช่นนายภูมิธรรม เวชยชัย, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายพิชัย ชุณหวชิร, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นต้น ด้วยการพูดทับศัพท์ภาษาอังกฤษแบบไทยคำอังกฤษคำว่า “เราต้องเรียลิสติก (รีอะลิส'ทิก- realistic) ต้องอยู่ในโลกของความเป็นจริง”
ถ้อยแถลงที่“แพทองโพย”เห็นด้วยกับ“เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์”ที่มีเรื่อง“บ่อนกาสิโน”ซุกแบบซ่อนเร้นอยู่นี้, เธอว่า “หากเกิดขึ้นเร็วก็ดี เพราะดูอย่างประเทศสิงคโปร์มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กาสิโนเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว 80-90 เปอร์เซ็นต์ เมื่อทำให้การท่องเที่ยวเติบโต GDP สูงขึ้น เชื่อว่าจะเกิดผลดีต่อประเทศในอนาคต ถ้าสามารถผลักดันให้เร็วได้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี”
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ส่งเสริมการลงทุนในประเทศ และแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายในปัจจุบัน ด้วยการนำธุรกิจกาสิโนและการพนันผิดกฎหมายให้เข้ามาอยู่ในระบบ รวมทั้งจะทำให้มีการจัดเก็บรายได้และภาษี ตลอดจนดึงเม็ดเงินนอกระบบของการพนันผิดกฎหมายจากคนไทย ที่เดินทางไปต่างประเทศเพื่อเล่นการพนันให้มาใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังยังวาดฝันด้วยตัวเลขสวยหรูจาก“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”ว่า จะมีการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท, สร้างรายได้ 1.2-2.4 แสนล้านบาทต่อปี, ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 5-10 เปอร์เซ็นต์, กระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงโลว์ซีซั่นไม่ต่ำกว่า 13 เปอร์เซ็นต์, เพิ่มรายได้ต่อหัวไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาทต่อราย, เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 9,000-15,000 ตำแหน่ง และสร้างรายได้ให้แก่รัฐไม่ต่ำกว่า 12,000-40,000 ล้านบาท คือรายได้ที่เกิดจากการพนัน และรายได้จากการประกอบธุรกิจอื่นๆ เช่นธุรกิจโรแรม และธุรกิจสวนสนุก
สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ “มาดามแพทองโพย”ชี้แจงว่า “ไม่ได้มอบหมายให้กฤษฎีกายกร่างใหม่ และกฤษฎีกาแจ้งว่าไม่ได้ขวาง เพียงแต่ต้องการปรับเนื้อหา ปรับคำให้เข้ากับนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา ว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และเมื่อมีความเห็นมา ก็เข้าสภาฯได้เลย ไม่ต้องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกแล้ว” ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า หากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาปรับปรุงร่างกฎหมายเสร็จสิ้น ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง เพราะมีข้อกฎหมายเกี่ยวข้องมากมาย รวมทั้งมีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง จึงต้องกลับมาที่คณะรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยเรื่องนี้ได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว
ส่วนที่สังคมโดยทั่วไปมีข้อกังขาว่า“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”จะทำให้ภาพลักษณ์ของไทยเสื่อมลงไปหรือไม่, “มาดามแพทองโพย”กล่าวว่า ต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริง โดยให้เหตุผลว่า เพราะปัจจุบันมีการพนันผิดกฎหมายอยู่เต็มไปหมด และเธอเชื่อว่า “จะเป็นการแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพลนอกกฎหมาย เอาสิ่งที่อยู่นอกกฎหมายเข้ามาในกฎหมาย และระบุชัดเจนครอบคลุม ก็จะทำให้พี่น้องประชาชนปลอดภัย แถมเงินที่ได้ก็เป็นภาษีของประเทศ ต้องมองโลกปัจจุบัน อะไรที่ทำให้โปร่งใสได้จะเป็นสิ่งที่บวกให้กับประเทศ มันเป็นเรื่องใหม่ในประเทศ เรื่องของการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่เป็นไรต้องสื่อสารต้องอธิบายบ่อยหน่อย”
ทางด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นเจ้าภาพเรื่อง“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”ได้ชี้แจงกับสื่อว่า เรื่องนี้ได้หารือกันอย่างละเอียดในคณะทำงาน โดยเห็นถึงความจำเป็นและประโยชน์ ซึ่งขุนคลังสายตรงของบ้านจันทร์ส่องหล้าผู้นี้ย้ำว่า “เราเห็นชัดเจนเลยว่า เพื่อการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ที่เขาทำอยู่ ว่าได้ผลเยอะกว่า จริงๆ แล้วทั่วโลก พื้นที่ที่ใช้สําหรับเกมรูม หรือความสนุกสนานทางนั้น เป็นเพียงพื้นที่ส่วนน้อย และวันนี้ทั้งโลก รายได้ที่มาจากเอ็นเตอร์เทนและเรื่องอื่นๆ จะเยอะมาก”
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวยิงหมัดตรงถามขุนคลังผู้เป็นมือเป็นไม้ของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ว่า “ทำไมไม่ออกกฏหมายกาสิโนโดยตรง แบบนี้เหมือนเอาการท่องเที่ยวมาบังหน้า” ซึ่งนายพิชัยได้ตอบแบบวิ่งวนตีกรรเชียงหนีโดยปฏิเสธว่า “ไม่ใช่-คิดว่าหลายอย่างเป็นเรื่องของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ให้ลองตั้งข้อสังเกตดูว่า ในห้างสรรพสินค้ามีใครเข้าไปซื้อสินค้าจริงๆ บ้าง ทุกคนปรับตัวหมด แม้แต่ในห้างใหญ่ เดี๋ยวนี้ก็ออกแนวหลากหลาย เป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์ในตัวตัวเอง ทั้งศูนย์อาหาร การแสดงให้เด็กดู นอกเหนือจากการชอปปิง (shopping) เพียงแต่อันนี้เป็นขนาดใหญ่”
สรุปก็คือ รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลทับซ้อน และมีนายกรัฐมนตรีทับซ้อน โดย“ทักษิณคิด-รัฐบาลแพทองโพยทำ” ซึ่งแนวคิดเกี่ยวกับเรื่อง“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”นี้ อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ได้พูดครั้งแรกในงาน“Dinner Talk : Vision for Thailand 2024” จัดโดย“เนชั่น กรุ๊ป” เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ก่อนที่รัฐบาล“แพทองโพย”จะแถลงนโยยบายต่อรัฐสภา และเมื่อย้อนกลับไปดู ก็จะพบว่าที่“มาดามแพทองโพย”และนายพิชัย ชุณหวชิร พูดทั้งหมดนั้น คือถ้อยความและเหตุผลเดียวกับที่ทักษิณได้แสดงวิสัยทัศน์ไว้ในงานนี้
ยกมาให้ดู ที่“ทักษิณ ชินวัตร”กล่าวไว้ดังนี้ “ขออธิบายนิดนึงว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งมีในหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ ถือเป็นเรื่องที่ผมเคยคิดไว้แล้ว แต่ทำไม่ได้เพราะมีคนค้าน แต่วันนี้ผมไม่ได้คิด เลยไม่มีใครค้าน เลยมีคนเชียร์มาก ภายในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มันจะประกอบด้วยหลายอย่าง เช่น สวนสนุกสำหรับเด็ก ฮอลล์จัดคอนเสิร์ต สนามกีฬา และอื่นๆ ส่วนพื้นที่ที่เป็น กาสิโน จริงๆ มีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ทั้งหมด นี่คือกติกาที่เขาใช้กัน เราก็จะใช้กติกาแบบนี้ ให้มีพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์”
และอีก 3 ย่อหน้า จาการแสดงวิสัยทัศน์ของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่อาจจะเข้าข่ายครอบงำทั้งพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลชุดนี้ที่มี“มาดามแพทองโพย”เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการครอบงำรัฐบาล ซึ่งสามารถเทียบเคียงได้กับคำแถลงของ“มาดามแพทองโพย”หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี และคำสัมภาษณ์ของนายพิชัย ชุณหวชิร
“ผมอยากเห็นการเพิ่มศักยภาพและการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว วันนี้เราดีมากแล้ว แต่ยังมีช่องให้ดีมากกว่านี้อีก เพราะเราอยู่ใกล้จีนและอินเดีย สองประเทศนี้มีประชากรรวมกันเกิน 1 ใน 3 ของทั้งโลก ตลาดเรายังรับได้อีกมาก”
“ไทยมีลักษณะคล้ายกับเม็กซิโก ฟิลิปปินส์ และโคลอมเบียในอดีต ที่มีเศรษฐกิจใต้ดินสูงมาก ปัจจุบันตัวเลขสูงเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของ GDP หากทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาอยู่บนดิน จะทำให้ GDP ของประเทศเพิ่มขึ้นอีก 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนหนี้ของประเทศลดลง ความสามารถในการใช้หนี้เพิ่มขึ้น”
“นอกจากนั้นยังพบว่า เศรษฐกิจใต้ดินที่มีอยู่ 50 เปอร์เซ็นต์ แยกเป็น 2 ส่วนสำคัญ คือ ยาเสพติด และ การพนันออนไลน์ มีคนบอกว่า คนไทยขาดทุนให้กับออนไลน์ต่างประเทศปีละ 1.7 แสนล้านบาท ส่วนข้อมูลในประเทศ พบว่ามียอดเงินฝากเพื่อเล่นพนันออนไลน์ 3 ล้านล้านบาท มียอดเงินที่เล่นกันรวม 5 แสนล้านบาทต่อปี หากผลักดันไปสู่การเก็บภาษีได้ 30 เปอร์เซ็นต์ เราอาจทำให้รัฐจะมีเงินประมาณ 9 หมื่นล้านบาท และนำเงินเหล่านี้ไปต่อยอดเรื่องการศึกษาให้กับคนไทย เพื่อให้คนไทยได้เก่งขึ้น ได้พัฒนาขึ้น”
ผมว่า-ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ควรนำซ่องโสเภณีใต้ดินที่มีอยู่ในประเทศนี้จำนวนมากในรูปแบบต่างๆ มาทำให้ถูกกฎหมายพร้อมกันไปด้วยเลย จะได้ครบวงจร พอเข้าบ่อนกาสิโนเสร็จ นักท่องเที่ยวต่างชาติก็สามารถหิ้วหญิงไทยที่มีอาชีพโสเภณีโดยถูกต้องตามกฎหมายไปเอ็นเตอร์เทนต่อเหมือนใช้บริการ“เด็ก-N”ในปัจจุบัน ซึ่งเชื่อว่า จะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน ขนาดอาชีพนางแบบ“ทักษิณ ชินวัตร”ยังหวังจะให้สาวไทยไปตีตลาดโลกแข่งขันกับสาวแอฟริกา
คนไทยจะได้“มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”แบบ“เรียลิสติก” ภายใต้การนำของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มี“มาดามแพทองโพย”-เป็นโต้โผ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี