แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn วันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับผู้จะได้ปริญญาเป็นบำเหน็จ เนื่องจาก ผลงานที่ได้กระทำมา ผู้สำเร็จการศึกษาในวันนี้ กำลังจะก้าวออกจากห้องฟังปาฐกถา ไปสู่ชีวิตอันแท้จริง ของตนๆ ถ้าจะพูดอย่างนักวิทยาศาสตร์ก็กล่าวได้ว่าเป็นการผ่านจากโพเทนเชียลไปสู่คินเนติก เอเนอรยี ที่มหาวิทยาลัยท่านทั้งหลายได้ศึกษาวิชาความรู้สำหรับจะไปประกอบการงาน เพื่อการครองชีพของท่าน แต่ทุกๆ คนไม่ควรจะคิดว่า วิทยาการที่ท่านได้ศึกษามาในปีที่แล้วๆ มานั้น มีอยู่มากมายอย่างเหลือเฟือ ท่านทั้งหลายจะต้องใช้วิชาการที่ได้เล่าเรียนมานั้นด้วยการไตร่ตรองอย่างมีเหตุมีผล และยิ่งกว่านั้น แม้ท่านจะได้ออกไปจากมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ท่านก็ไม่ควรจะยับยั้งการศึกษาเล่าเรียนไว้เพียงเท่านั้น ควรจะฝึกฝนวิชาความรู้ของท่านให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพราะเป็นหนทางที่จะทำให้ท่านช่วยชาติบ้านเมืองได้ดี... (ความตอนหนึ่งจากพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานเนื่องในวันรับปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 12 เมษายน 2490)...
nn รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ยังคงเป็นรัฐบาลหุ่นกระบอกที่มีทักษิณ ชินวัตร นักโทษผู้ได้รับการพักโทษแบบสุดมหัศจรรย์ แล้วจงใจแสดงพฤติกรรมเป็นผู้ชักผู้เชิดหุ่นรัฐบาลมาโดยตลอด ทุกครั้งที่ทักษิณได้แสดงฝีปากบนเวทีต่างๆ นานา จะพบได้ชัดเจนมากขึ้นเป็นลำดับว่าทักษิณคือผู้ที่น่าจะมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลแพทองธาร ในขณะที่แพทองธารผู้สวมบทนายกรัฐมนตรีก็แสดงความไร้เดียงสาทางการเมืองตลอดเวลา...
nn เมื่อสองวันก่อน ทักษิณไปพูดบนเวทีแห่งหนึ่งที่โรงแรมชั้นหนึ่งแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แล้วจงใจแสดงอิทธิฤทธิ์ให้คนที่เฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของทักษิณได้พบว่า ทักษิณแสดงบทเป็นผู้มีมหิทธานุภาพเหนือตลาดหุ้นของไทย โดยบอกว่าตลาดหุ้นต้องไม่ทำให้ทักษิณเสียหน้า คำถามคือทักษิณมีอำนาจเหนือตลาดหุ้นหรือ แล้วการที่ดัชนีหุ้นขึ้นหรือตก มันเกี่ยวอะไรกับหน้าตาของทักษิณ หรือว่าทักษิณมีส่วนกำกับให้ดัชนีหุ้นขึ้นหรือลงเรื่องแบบนี้ยิ่งฟังทักษิณพูดมากๆ เข้า ก็ยิ่งทำให้หลงเข้าใจว่าทักษิณมีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชเหนือตลาดหุ้น...
nn ในความเป็นจริงคนที่ติดตามความเป็นมาของทักษิณมาโดยตลอดรู้ดีว่าทักษิณเริ่มเข้าสู่วงการธุรกิจตั้งแต่ยังรับราชการตำรวจ แล้วต่อมาได้ตั้งบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ โดยบริษัทนี้เป็นตัวแทนขายคอมพิวเตอร์ยี่ห้อไอบีเอ็ม ของสหรัฐฯ ให้กับรัฐบาลไทย และบริษัทดังกล่าวยังเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับ AT&T ขายระบบสื่อสารข้อมูลพร้อมเสียงให้องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย แล้วต่อมาก็ได้รับสัมปทานคลื่นความถี่วิทยุหลายคลื่นจากคณะกรรมการประสานงานการจัดและบริหารความถี่วิทยุแห่งชาติ (กบถ.) แล้วก็ไปลงทุนกับต่างชาติให้บริการ Packlink และต่อมาก็ทำ phonelink แล้วต่อมาทักษิณก็ได้รับสัมปทานโทรศัพท์ GSM 900 MHz และดาวเทียมไทยคม แล้วต่อมาทักษิณก็นำบริษัททั้งสามคือ ชินคอร์ป AIS และไทยคม เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คอข่าวการเมืองไทย และคอข่าวเศรษฐกิจไทยรู้ดีว่าเมื่อทักษิณต้องเล่นเกมปล่อยบริษัทต่างๆ ออกจากมือตัวเอง แล้วสุดท้ายบริษัททั้งหลายของทักษิณไปอยู่ในมือของนักธุรกิจชื่ออะไร เรื่องนี้เห็นๆ กันอยู่ รู้ๆ กันอยู่...
nn สาเหตุที่ต้องเล่าเรื่องราวต่างๆ นานาของทักษิณให้คุณผู้อ่านได้ทวนความจำก็เพราะว่า ทักษิณเป็นคนที่ทำธุรกิจมานาน จนเขาอ้างว่าเขาร่ำรวย มาตั้งแต่ก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ยังมีคำถามอยู่ว่า แล้วสาเหตุใดจึงทำให้เขาร่ำรวยจนกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว รวยเพราะความสามารถ หรือรวยเพราะมีอำนาจอภินิหารใดๆ คอยหนุนส่ง แต่ไม่ว่าทักษิณจะรวยมาก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี หรือเป็นนายกรัฐมนตรีเรายิ่งรวย ก็หนีความจริงที่สังคมทั้งหมดรู้แจ้งเห็นจริงก็คือ ทักษิณถูกยึดทรัพย์ เพราะมีเหตุทุจริต เพราะฉะนั้น การที่ถูกยึดทรัพย์ก็คือการบ่งบอกว่ารวยมาโดยไม่สุจริต...
nn แพทยสภาจะเอาจริงเอาจังแค่ไหนกับแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ที่ถูกระบุว่าเป็นแพทย์เจ้าของไข้ของอดีตนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร สาเหตุที่ถามเรื่องนี้ก็เพราะว่าวันนี้ตรงกับวันที่ 15 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่เป็นเส้นตาย ที่แพทยสภากำหนดให้แพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ดูแลรักษาอาการป่วยของทักษิณ ต้องส่งรายละเอียดการรักษาทั้งหมดให้แพทยสภาตรวจสอบ ต้องรอดูกันว่าถ้าเจ้าของไข้จะระบุขั้นตอนการรักษาทักษิณอย่างไร น่าสนใจมากที่สุดก็คือทำไมคนที่อ้างว่าป่วยหนักใกล้ตายจนต้องอยู่ใกล้กับหมอตลอดเวลา แถมยังอ้างว่านอนอยู่ในโรงพยาบาลยาวนานถึงหกเดือนเศษ แต่เมื่อได้รับการพักโทษ ก็กลับไปอยู่บ้าน แล้วก็มีอาการดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ...
nn เรื่องนี้ทำให้ถูกตั้งคำถามว่าหมอที่รักษาทักษิณเป็นหมอเทวดา หรือว่าอาการป่วยของทักษิณเป็นอาการป่วยทิพย์ เพราะฉะนั้นเมื่อหมอเทวดามาพบกับนักโทษป่วยทิพย์จริง มันเกิดเรื่องราวสุดแสนมหัศจรรย์ จะทำให้เห็นภาพว่าคนที่อ้างว่าป่วยหนักใกล้ตายแถมยังต้องนอนในห้องพิเศษในโรงพยาบาลตำรวจนานกว่าหกเดือน แต่สุดท้ายกลับมีอาการแข็งแรงราวกับว่าไม่เคยเจ็บป่วย สาหัสมาก่อน...
nn สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสยังคงมีเรื่องกำๆ กวมๆ วุ่นๆ วายๆ มาโดยตลอด โดยเฉพาะปัญหาความไม่โปร่งใสภายในองค์กร อันเนื่องมาจากคนบางคนบางกลุ่มที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าตั้งอกตั้งใจทำงานให้กับองค์กร จนไทยพีบีเอสถูกวิพากษ์ว่าเป็นหน่วยงานที่มีการผลัดกันเกาหลังกันไปมา เอื้อผลประโยชน์ให้กันและกัน กีดกันบุคคลภายนอกที่มีคุณสมบัติและมีความสามารถด้านการข่าว ในระยะนี้มีเรื่องหนึ่งที่คนภายนอกวงการข่าวไม่ค่อยจะทราบคือ ปัญหาที่ไทยพีบีเอสตั้งหน่วยงานหนึ่งขึ้นมาและดูเสมือนว่าทับซ้อนกันเอง ถามว่าใครคือตัวปัญหานี้ ถามต่อไปว่าทำไมคณะกรรมการบริหารไทยพีบีเอสจึงปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่น่าตั้งคำถามคือทำไมกรรมการนโยบายของไทยพีบีเอสจึงดูแล้วเสมือนมีคนหน้าเดิมๆ ที่ผลัดและเวียนกันเข้าไปนั่งกินตำแหน่ง ส่วนคนที่เข้าไปกินตำแหน่งประธานกรรมการนโยบายของไทยพีบีเอสก็แสนจะมหัศจรรย์ เพราะเข้าไปด้วยเหตุผลกลใดก็สุดจะบรรยาย แต่ทว่าสามารถเข้าไปนั่งกินตำแหน่งได้อย่างแสนประหลาด ทั้งๆ ที่บางคนไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ด้านสื่อสารมวลชนแม้แต่หางอึ่ง เรื่องสำคัญที่น่าค้นน่าคุ้ยอีกเรื่องในดินแดนแสนมหัศจรรย์นี้คือ การใช้เงินที่ไม่น่าจะโปร่งใส ใช้เงินแบบน่าตั้งคำถามเป็นที่สุด วันนี้ขอแตะเรื่องมหัศจรรย์ในไทยพีบีเอสแบบเบาๆ ไว้ก่อน และวันหน้าจะมากระชากหน้ากากคนบางคนในไทยพีบีเอสให้สังคมได้เห็นโฉมหน้ากันแบบจะจะ แต่ต้องย้ำว่ามีเรื่องน่ากังขา น่าอัศจรรย์ และแสนประหลาดในไทยพีบีเอสมากมายจนเกินบรรยายจริงๆ...nn
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี