เรื่อง“ป่วยทิพย์-ชั้น 14”โรงพยาบาลตำรวจตามที่คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจสอบสวนจรรยาบรรณแพทย์ ของแพทยสภา ซึ่งมีศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี เป็นประธาน ได้ขอให้ พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานวัตถุพยานนั้น
แม้จะมีการส่งเอกสารมาแล้วก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าไม่ครบตามที่คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ หรือคณะอนุกรรมการสอบสวนฯชุดนี้ขอไปซึ่งฟังจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนทั่วไปแล้วก็น่าจะเป็นเพราะมีการ“โกหก”อย่างเป็นขบวนการจึงไม่สามารถหาเอกสารหลักฐานวัตถุพยานได้ครบ
รายละเอียดข้อเท็จจริงต่างๆ ที่คณะอนุกรรมการสอบสวนฯขอแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567และให้ส่งเอกสารที่ขอไปทั้งหมดกลับมาภายในวันที่ 15 มกราคม 2568 นั้นจะต้องทำคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรพร้อมพยานหลักฐานที่สนับสนุนคำชี้แจงทุกประเด็น ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2566ที่“ทักษิณ ชินวัตร”เข้ารับการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งถูกจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลตำรวจเมื่อครบ 180 วันในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 - มีดังนี้
รายละเอียดเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษาพยาบาลของ“ทักษิณ ชินวัตร”ทั้งหมดโดยละเอียด, ขอทราบ ชื่อสกุลแพทย์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาผู้ป่วย รวมถึงเลขใบประกอบวิชาชีพ,ขอคำชี้แจงจากแพทย์ทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการตรวจ การวินิจฉัยและการดูแลรักษา, ขอความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องระหว่างที่แพทย์ทำรายงานสามครั้ง ถึง อธิบดีกรมราชทัณฑ์, ปลัดกระทรวงยุติธรรมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอันเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่ต้องส่งทักษิณกลับเข้าเรือนจำในช่วงครบ 30 วัน, 60 วันและ 120 วันตามลำดับ
นอกจากนั้น ยังขอสำเนาใบส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาต่อ, สำเนาเวชระเบียน,สำเนาบันทึกการผ่าตัด, สำเนาบันทึกการให้ยาระงับความรู้สึก,สำเนาบันทึกการพยาบาล, สำเนารายงานทางการแพทย์ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่นภาพถ่ายทางรังสีวินิจฉัย ผลการตรวจทางรังสี และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการหรือเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการรักษา“ทักษิณ ชินวัตร”โดยให้ระบุหมายเลขหน้าเอกสารดังกล่าวและให้เจ้าหน้าที่ลงนามรับรองสำเนาเอกสารทุกหน้าด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจจะส่งเอกสารให้คณะอนุกรรมการสอบสวนฯไม่ครบก็ตาม แต่ นพ.อมร ลีลารัศมี ก็ได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการสอบสวนฯแล้วเมื่อวันที่ 16 มกราคม วานนี้ โดยนพ.อมรเปิดเผยว่า แม้จะมีการส่งเอกสารมาเพียงบางส่วนเท่านั้นแต่ก็สามารถนำมาพิจารณาในเบื้องต้นได้ และถ้าหากเอกสารตรงไหนไม่ชัดเจนก็อาจจะต้องเชิญแพทย์-พยาบาลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เช่นเดียวกับที่ศาลพิจารณาคดี
ทั้งนี้ นพ.อมร ลีลารัศมี กล่าวว่า “การพิจารณาของคณะอนุกรรมการสอบสวนฯยังไม่ใช่ที่สิ้นสุด เพราะต้องส่งข้อมูลไปยังกรรมการแพทยสภา (บอร์ดแพทยสภา)เพื่อพิจารณาตัดสิน ดังนั้น การพิจารณาข้อมูลของคณะอนุกรรมการสอบสวนฯจึงต้องเป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยได้จะไปเปิดเผยได้ก็ต่อเมื่อมีการตัดสินที่บอร์ดแพทยสภาแล้ว”
เมื่อดูรายชื่อบอร์ดแพทยสภาชุดใหม่ 35 คน ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา โดยจะอยู่ในวาระจนถึงปี 2570 ก็ล้วนแล้วแต่เป็นนายแพทย์ที่มีเกียรติภูมิดีเด่น ซึ่งประชาชนคนไทยพอจะอุ่นใจได้ว่ากรณี“ป่วยทิพย์-ชั้น 14”จะไม่“เป็นมวยล้มต้มคนดู”
เพราะอย่างน้อย นพ.อมร ลีลารัศมี ซึ่งถือว่าเป็น“นายแพทย์ตงฉิน”ก็ได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาเป็นบอร์ดแพทยสภาชุดนี้อีกครั้ง รวมทั้ง ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภาอดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาด้วยคะแนนเป็นลำดับหนึ่งก็เป็นนายแพทย์ที่มีเกียรติประวัติสูงยิ่งและคาดว่าน่าจะเป็นนายกแพทยสภาคนใหม่อีกด้วย
ภายในเดือนมีนาคมนี้ ตามที่ นพ.อมร ลีลารัศมี เปิดเผยว่าจะพยายามทำให้ผลการสอบสอบสวนเสร็จสิ้นนั้นคงต้องวัดความดันโลหิตของ“แพทย์-พยาบาล”ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7คน ว่าจะพรุ่งปรี๊ดจนปรอทแตกหรือไม่
นั่นก็คือ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อครั้งเป็นนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ, พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ, พ.ต.อ.ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5)โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้ และผู้เป็นผู้ออกใบความเห็นแพทย์,พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์,นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์,แพทย์หญิงรวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่และนายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ถ้าหากใครคนใดหนึ่งในจำนวน 7 คนนี้“โกหก”ก็เท่ากับว่าทุจริตประพฤติมิชอบต่อตำแหน่งหน้าที่และไร้จรรยาบรรณของวิชาชีพ ซึ่งย่อมจะต้องพบกับจุดจบที่ไม่สวยงามอย่างแน่นอน
ดังสุภาษิตที่ว่า-“คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล”และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครที่ยอมรับใช้“ทักษิณชินวัตร” ก็มีให้เห็นมาแล้วว่าหนีไม่พ้นคุก !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี