หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งกลับผงาดในทำเนียบขาวสมัยที่สอง สื่อออนไลน์ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา และสื่อตะวันตกเปลี่ยนจากการโหมปั่นกระแสฝ่ายต่อต้านยึดเมืองโน้นนี้นั้นได้และรัฐบาลจ่อล่มสลาย มาเป็นการสร้างประเด็นว่า หากจีนไม่สนับสนุนพลเอกมิน อ่อง หล่าย และฝ่ายต่อต้านได้รับปัจจัยสนับสนุนมากพอก็ต่อกรกับรัฐบาลเผด็จการทหารได้
การปั่นกระแสฝ่ายต่อต้านกำลังมีชัย กลายเป็นนำเสนอข้อมูลนักรบรับจ้างฝรั่งในเมียนมา พยายามปลุกปั่นว่า รัฐบาลทหารเมียนมาล่มสลายหากได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจากต่างประเทศ อดีตทหารรับจ้างชาวอเมริกันให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟ ของอังกฤษว่า ตอนเข้าร่วมทำสงครามกับกองกำลังติดอาวุธฝ่ายต่อต้านเมียนมาใหม่ๆ บางครั้งเขาได้รับเงินบริจาค 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 24 ชั่วโมง
เป็นที่รู้กันในหมู่นักข่าวสงครามว่า เอ็นจีโอและทหารรับจ้างฝรั่งหากินกับเงินบริจาค จากผู้หวังดีที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างแท้จริงว่า เอ็นจีโอและทหารรับจ้างฝรั่งที่ทำงานในพื้นที่สงคราม มีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากความใจดีมีเมตตาที่หลับหูหลับตาบริจาค เพราะหลงเชื่อการปั่นกระแสของสื่อตะวันตก
ประสบการณ์ทำข่าวสงครามอินโดจีน สงครามกลางเมืองกัมพูชา ครั้งเขมรสามฝ่ายสู้รบรัฐบาลพนมเปญที่เวียดนามสนับสนุน และสงครามกลุ่มชาติพันธุ์กับรัฐบาลกลางย่างกุ้ง เมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว เมืองชายแดนไทย-กัมพูชาไม่ว่าจะเป็น อรัญประเทศ บ้านกรวด สุรินทร์
หรือชายแดนไทย-เมียนมา แม่สอด แม่สะเรียง จังหวัดตาก ตลอดถึงแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย คลาคล่ำไปด้วยฝรั่งหลายชาติ ฝรั่งเหล่านี้ บางส่วนทำงานกับ UNHR หรือสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้อพยพ สภากาชาดสากล(ICRC) นอกจากนั้นยังมีแพทย์ไร้พรมแดน และองค์กรบรรเทาทุกข์อีกมากมายที่ใช้ฝรั่งทำงานนับพันคน
หน่วยงานต่างๆ ที่ดูผู้อพยพและหลายล้านคนทั้งเขมร เวียดนาม ม้งลาว ตามแนวชายแดนรอบประเทศไทย รวมทั้งหน่วยงานบรรเทาข้ามชายแดนไปทำงานถึงฐานที่มั่นของกองกำลังกลุ่มต่างๆ องค์กรและหน่วยงานบรรเทาทุกข์เหล่านี้ส่วนใหญ่จ้างฝรั่งตกรถในประเทศไทยเป็นลูกจ้างชั่วคราว เข้าไปทำงานในค่ายผู้อพยพและบางครั้งข้ามเขตแดนไปยังที่มั่นของกองกำลังเขมรสามฝ่าย
ฝรั่งตกรถในประเทศไทย เมื่อได้ทำงานกับสำนักงานสาขายูเอ็น หรือหน่วยบรรเทาต่างชาติมักได้รับความร่วมมือและเกรงใจจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงไทยที่ประจำการอยู่ตามชายแดน
เจ้าหน้าที่ไทยปล่อยให้เอ็นจีโอฝรั่ง เข้า-ออกพื้นที่สู้รบในประเทศเพื่อนบ้านเหมือนไปเที่ยวงานวัด เข้า-ออกศูนย์อพยพ เหมือนเข้า-ออกบ้านตัวเอง ซึ่งศูนย์อพยพส่วนใหญ่ทหารฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพนมเปญใช้เป็นที่พักรบและรับเสบียงไม่ว่าจะเป็นทหารเขมรแดง เขมรซอนซาน หรือเขมรพุ่นซินเฟกฝ่ายเจ้าสีหนุ ทหารเขมรสามฝ่ายปะปนอยู่กับผู้อพยพในศูนย์ที่มีพลเรือนฝ่ายตนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ศูนย์อพยพทางภาคเหนือ แม่สอด แม่ลา แม่สะเรียง ตลอดถึงศูนย์อพยพในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ผู้อพยพกะเหรี่ยงเมียนมาเข้าอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวนานกว่าสี่สิบปีแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่เข้มงวดต่อฝรั่งที่ทำสัญญาจ้างกับหน่วยบรรเทาต่างชาติ ปล่อยให้เข้า-ออกชายแดนเพื่อนบ้านไปช่วยฝ่ายต่อต้านได้ตามความพอใจ
สำนักข่าวชาติตะวันตกที่ประหยัดงบประมาณมักจ้างเอ็นจีโอฝรั่ง ที่ทำงานกับหน่วยงานบรรเทาต่างๆ เป็นผู้สื่อข่าวพิเศษ ให้หาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อตะวันตก ฝรั่งลูกจ้างหน่วยงานบรรเทาบางคนคุ้นเคยกับทหารเขมรแดงในค่ายอพยพ ก็นำข้อมูลที่ได้ขายให้กับสำนักข่าว
ฝรั่งลูกจ้างหน่วยงานบรรเทาบางคนพัฒนาความสัมพันธ์กับทหารเขมรแดง ถึงขั้นลักลอบออกทางหลังค่ายอพยพไปยังที่มั่นเขมรสามฝ่ายในกัมพูชา ที่สำคัญฝรั่งลูกจ้างหน่วยงานบรรเทาบางคนวางตัวให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพไทยเกรงใจ ถึงขั้นเปิดทางชายแดนให้เข้าไปสัมภาษณ์นายพล พต ผู้นำเขมรแดง การสัมภาษณ์ครั้งนั้นทำให้ลูกจ้างหน่วยงานบรรเทาขายข่าวได้หลายล้านดอลลาร์ สามารถออกมาเปิดสำนักข่าวเป็นของตัวเองได้
เล่าประสบการณ์ที่ได้รับรู้บทบาทของลูกจ้างหน่วยงานบรรเทาชาวตะวันตกสมัยสงครามกลางเมืองกัมพูชา เพื่อให้ผู้อ่านตระหนักว่า ข่าวที่ชาวโลกรับรู้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นการปั่นกระแสเพื่อประโยชน์ของประเทศตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา จะเห็นได้ว่าหลังจากสงครามการเมืองกัมพูชาสงบ ฮุนเซน รังเกียจ เอ็นจีโอ และหน่วยบรรเทาต่างๆของประเทศตะวันตก รัฐบาลกัมพูชาถึงไล่พวกเอ็นจีโอทั้งหลายออกจากประเทศ
สงครามกลางเมืองกัมพูชาสงบไปนานกว่าสามสิบปีแล้ว พวกเอ็นจีโอหน่วยงานบรรเทาตลอดถึง UNHR จึงย้ายที่ทำมากินไปทางชายแดนไทย-เมียนมา ปักหลักหากินกับชนกลุ่มน้อย หรือกลุ่มชาติพันธุ์ ที่เกาะติดใกล้ชายแดนไทย-เมียนมา ไม่ว่าจะเป็น มอญ ฉาน กะเหรี่ยง กะยา และอื่นๆ พวกเอ็นจีโอ หน่วยงานบรรเทา หน่วยงานช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นในประเทศตัวเอง และ UHNCR มีพฤติกรรมในวิกฤตการเมืองเมียนมาไม่ต่างจากเมื่อครั้งสงครามกลางเมืองกัมพูชา
เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังจาก พลเอก มิน อ่อง หล่าย ยึดอำนาจจากพรรคเอ็นแอลดีของ ออง ซาน ซู จี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย-เมียนมา กะเหรี่ยง กะยา มอญ และอื่นๆ ที่สลายไปแล้วตั้งแต่ปี 2545 กลับมีชีวิตชีวาฟื้นคืนชีพขึ้นมาทันที
ข่าวจากเมียนมาในช่วงเวลาสามปี ชาวโลกรวมทั้งคนไทยจึงเข้าใจว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมารุกคืบหน้ายึดเมืองต่างๆได้สองในสามของพื้นทั้งหมดในประเทศเมียนมา และดูเหมือนว่ารัฐบาลทหารและกองทัพเมียนมาใกล้ล่มสลาย
ในความจริงข่าวที่ออกจากเมียนมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นข่าวปั่นกระแสโดยสื่อตะวันตก ที่ตั้งหน้าตั้งตาปั่นกระแสสร้างข่าวเอาใจโลกตะวันตก โดยเฉพาะอย่างสหรัฐอเมริกา เพื่อให้เข้าใจว่า การทุ่มเงินมหาศาลช่วยฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาเกิดมรรคผลให้เห็นทันตา
ประกอบกับผู้เสพข่าวส่วนใหญ่ เหมือนม้าถูกครอบตาสื่อจูงไปทางไหนก็ไปทางนั้นไม่มองซ้ายมองขวาโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์การสหประชาชาติที่ถูกสหรัฐและสื่อตะวันตกครอบงำจนทำตามวาระวอชิงตันทุกประการ
ในความเป็นจริงสถานการณ์ความมั่นคงและการเมืองในเมียนมา คณะผู้บริหารแห่งรัฐ หรือ State Administration Council=SAC ควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมด ดังที่สำนักงานส่งเสริมการค้า(ไทย)ในต่างประเทศ ณ เมืองย่างกุ้ง ออกใบแถลงข่าวเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 ว่า..
ตลาดเมียนมาคึกคัก ผู้คนจับจ่ายใช้สอยหนาแน่นหลายพื้นที่ในเมืองย่างกุ้ง ทั้งตลาดท้องถิ่น เช่น ตลาดโบจ๊กย่าน China Town, Hledan, Karba Aye รวมทั้งตลาดท้องถิ่น ร้านค้าริมทาง ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ร้านปิ้งย่าง รวมทั้งตลาดสมัยใหม่ เช่น ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอย อุปโภค-บริโภค ซื้อหาของกินของใช้ ทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ผู้สูงวัย สะท้อนว่าผู้คนใช้ชีวิตกันปกติ ทั้งกลางวันและยามค่ำคืน มีความต้องการบริโภค จับจ่ายใช้สอย สังสรรค์เข้าสังคม แสดงถึงโอกาสธุรกิจและความต้องการของผู้บริโภคในเมียนมา
รายงานของสำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศเผยแพร่ออกมาพร้อมๆ กับที่สื่อต่างประเทศและสื่อออนไลน์ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ชะลอเสนอข่าวความคืบหน้าทำสงครามต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ในทางตรงกันข้ามสื่อออนไลน์เมียนมาและสื่อตะวันตกเสนอบทวิเคราะห์ในทำนองว่า หากจีนไม่หนุนหลังรัฐบาลทหาร และหากฝ่ายต่อต้านได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังเชื่อว่า ฝ่ายต่อต้านจะโค่นรัฐบาลทหารเมียนมาลงได้ภายในหนึ่งปี
การเสนอข่าวที่เปลี่ยนไปแสดงว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา และหน่วยงานบรรเทาต่างๆที่หากินกับสงครามกลางเมืองเมียนมาวิตกกังวลว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ อาจชะลอหรือหยุดการช่วยฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา เนื่องจากว่าทรัมป์ให้ความสนใจประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชนน้อยกว่าสงครามการค้า และอเมริกาต้องมาก่อน
สื่อออนไลน์ในเมียนมาและหนังสือพิมพ์ในประเทศอังกฤษเสนอบทวิเคราะห์ทหารรับจ้างฝรั่งมีบทบาทในสงครามกลางเมืองเมียนมาอย่างไร ขอผลัดไปเสนอในโอกาสต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี