ดูเหมือนรัฐบาลกำลัง “ท้าทาย” ประชาชนคนไทย ด้วยกฎหมายที่ทำให้สังคมไทยเป็นแหล่งรองรับ “การพนัน” และ “นักพนัน” จนเป็นที่กริ่งเกรงกันไปสารพัด
1) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์คลิป พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท - คุยการเมือง” หัวข้อ“พรรคร่วมรัฐบาล เล่น 2 บท นอก-ใน ครม.” ดังนี้...
“การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2568 ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติหลักการพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร โดยมติเอกฉันท์ไม่มีรัฐมนตรีคนใดคัดค้านหรือท้วงติงเลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐมนตรีทุกคนเกรงกลัว เดี๋ยวถูกนายทักษิณ ชินวัตรตำหนิเหมือนครั้งที่เคยตำหนิรัฐมนตรีบางคน ที่ไม่เข้าประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณากฎหมายภาษี จนถึงขั้นนายทักษิณต้องออกปากไล่จากการร่วมรัฐบาล ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ทุกคนต่างก็ปิดปากเงียบ ปล่อยให้ผ่านตามวาระที่นายกรัฐมนตรีเสนอ เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายของนายทักษิณพยายามผลักดันอย่างเต็มที่และได้นำไปประกาศบนเวทีดินเนอร์ทอล์กในวันเดียวกัน
หลังจากคณะรัฐมนตรีประชุมเสร็จ และมีมติผ่านวาระไปแล้ว จะเห็นท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับเรื่องการเปิดบ่อนกาสิโนแบบ 100% เช่น พรรคประชาชาติ บอกว่าไม่คัดค้านในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็เป็นเอกสิทธิ์ของสส.เพราะการมีบ่อนกาสิโนขัดต่อหลักศาสนา, พรรครวมไทยสร้างชาติก็เช่นเดียวกัน นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรคได้ออกมาแถลงจุดยืนว่า ต้องนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมสส. ของพรรคก่อน และพรรคจะเสนอร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ประกบด้วย, ส่วนพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเคยมีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการสร้างสถานบันเทิงครบวงจรมาก่อน ก็ยังสงวนท่าทีในเรื่องนี้ จะรอความชัดเจนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และท่าทีของสมาชิกวุฒิสภาสายสีน้ำเงินว่าจะมีท่าทีอย่างไรต่อพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ของรัฐบาลฉบับนี้ด้วย
จะเห็นได้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ตกอยู่ในสภาพหวานอมขมกลืน หรือกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทั้งนั้น ใจหนึ่งอยากจะทำตามกระแสสังคม ที่คัดค้านการเปิดกาสิโน แต่อีกใจหนึ่งก็เกรงใจนายใหญ่ ที่ต้องการผลักดันให้ได้ ต้องจับตาดูว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยการเกี๊ยะเซียะ แฮปปี้เอนดิ้งกันทุกฝ่าย หรือจะเข้าเกียร์ถอยตามกระแสกดดันของสังคมหรือไม่
2) เห็นด้วยกับมุมมองของนายเทพไท จนต้องมองต่อไปว่า แล้วท่าทีของ “ฝ่ายค้าน” ล่ะ เป็นอย่างไร ปรากฏว่า พรรคประชาชน ซึ่งมี สส. เป็นจำนวนมาก ไม่ได้แสดงการคัดค้านเรื่อง “กาสิโน” หรือเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ พอค้นดู ก็พบว่า สมัยที่เป็นพรรคก้าวไกล พวกเขามีนโยบายเรื่องนี้ และมีเค้าโครงเหมือนที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังขับเคลื่อนเกือบจะ 100%
3) มีเพียงพรรคไทยสร้างไทยเท่านั้น ที่ออกโรงคัดค้านเรื่องนี้ โดย นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ชวนประชาชนจับตาดีลใหญ่ ช่วงสุดสัปดาห์ โดยกล่าวว่าแม้กฎหมาย กาสิโนเพิ่งเริ่มต้น แต่อยากให้ประชาชน จับตาดูเครื่องบินเจ๊ตที่จะบินออกจากประเทศไทย ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ พร้อมนักธุรกิจไทย
จุดมุ่งหมายเกาะฮ่องกง เพื่อเจรจาแบ่งเค้ก กาสิโนโดยมีผู้มากบารมีที่ยังอยู่ต่างประเทศ เป็นศูนย์กลางการเจรจา ระหว่างกลุ่มธุรกิจจากประเทศไทย ประเทศจีน และมาเก๊า ซึ่งหากข่าวนี้เป็นจริง จะถือว่าเป็นการทำงานที่รวดเร็วมาก สำหรับนโยบายกาสิโน เพราะไม่ต้องรอกฎหมาย แต่ใช้การเจรจา บนโต๊ะจิบไวน์แล้วลงตัวได้เลยจึงถือได้ว่าเป็นมิติใหม่ ของการทำงานของรัฐบาลมากๆ
โฆษกไทยสร้างไทย กล่าวว่า กฎหมาย ที่มีการนำเสนอมานั้น ประธานซูเปอร์บอร์ดของนโยบายกาสิโน คือนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ถ้าจะให้ตรงไปตรงมา
ผู้ที่จะทำการเปิดโต๊ะเจรจาหรือเคาะนโยบายจึงน่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี ทำทุกอย่างด้วยตนเอง หลังจากกฎหมายผ่านแล้วคงจะดีกว่า เพราะตนเองเห็นว่า แต่ละนโยบายของรัฐบาลนี้ อาจจะต้องมีคนคอยชี้นำหรือดำเนินการให้ทดแทนการทำงานของนายกรัฐมนตรี ประเทศชาติคงเจริญได้ยาก
4) ถัดมา พรรคไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์ เรื่อง เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ และการอนุญาตพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ฉบับที่ 2 โดยมีเนื้อหาว่า พรรคไทยสร้างไทย มีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อผลกระทบของ “เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ที่ซ่อนบ่อนกาสิโน”และทำ “บ่อนออนไลน์ถูกกฎหมาย” ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำบ่อนออนไลน์ให้ถูกกฎหมาย ยิ่งจะเป็นการมอมเมาเยาวชนและคนไทยให้ติดการพนันมากขึ้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนจะสูงขึ้น เกิดปัญหาสังคมที่ร้ายแรงตามมา
โดยพรรคไทยสร้างไทย มี 4 คำถาม และ 4 ข้อเสนอ ให้รัฐบาลรับไปพิจารณา
คำถามที่ 1 “ความโปร่งใส และความจริงใจของรัฐบาล ที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนมากกว่าผลประโยชน์อื่นใด”
พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีช่องโหว่มากมาย ที่ส่อให้เห็นถึง “ความไม่โปร่งใส” อันอาจทำให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์ การทุจริต โดยเฉพาะการยกอำนาจทั้งหมดให้ “ซูเปอร์บอร์ด” ที่อยู่ภายใต้การกำกับของนักการเมือง เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ รายละเอียดทุกประการ ทั้งที่หลักเกณฑ์ต่างๆ ควรกำหนดไว้ในกฎหมาย เพื่อให้รัฐสภาได้ตรวจสอบ แต่กลับให้อำนาจซูเปอร์บอร์ดไปกำหนดหลักเกณฑ์เองภายหลัง
ถ้ารัฐสภาผ่านร่างกฎหมายนี้ ก็เสมือนเป็นการ “ตีเช็คเปล่า” ให้ซูเปอร์บอร์ดและนักการเมืองไปกำหนดกฎเกณฑ์เองได้อย่างอิสระ อันอาจจะนำมาซึ่งความเสียหาย
ให้กับประเทศชาติ หรืออาจจะทำให้มีการทุจริตเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญ เหตุใดจึงให้ส่งรายได้จากเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ให้ “ซูเปอร์บอร์ด”แทนที่จะส่งรายได้ให้กระทรวงการคลัง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีรายงานข่าวว่ามีการแบ่งเค้กใบอนุญาตสัมปทานโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์จำนวน 6-8 ใบอนุญาต อันอาจเป็นการ “ทุจริตเชิงนโยบาย” ให้กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ รวมทั้งกลุ่มการเมืองที่สมประโยชน์ร่วมกัน จริงหรือไม่?
คำถามที่ 2 “รัฐบาลจะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้อย่างไร ว่าประเทศไทยจะไม่กลายเป็น Hub ของอบายมุข”
การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ การพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติ อย่างที่เกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะเกิดความเสียหายกับประเทศชาติ และอนาคตของลูกหลานไทย ประเทศไทยจะมีสภาพไม่แตกต่างจากปอยเปตหรือเมียวดี
“ถามใจพี่น้องคนไทยทุกคนดูว่า เราจะปล่อยให้ประเทศเราเดินไปถึงจุดนั้นจริงหรือ?”
ในอดีตประเทศไทยเคยมีชื่อ “เสีย” ว่าเป็นแหล่งของการค้าประเวณี ซึ่งกว่าจะกู้ภาพลักษณ์ประเทศกลับมาได้ ก็ต้องใช้เวลายาวนานหลายสิบปี คนไทยคง
ไม่อยากให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางของอบายมุขระดับโลกอีกแน่
คำถามที่ 3 “รัฐบาลมีเหตุผลใดที่จะทำให้การเล่นพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย หรือหวังเพียงเพื่อหารายได้เข้ารัฐเท่านั้น”
เพราะการเปิดพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย จะยิ่งมอมเมาเยาวชนและคนไทยให้ติดการพนันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะต่อเด็กเยาวชน ลูกหลานของเรา ก็จะเข้าถึงการพนันได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งทุกวันนี้ก็เป็นปัญหาติดยาเสพติดและติดการพนันออนไลน์มากอยู่แล้ว ปัญหาความยากจน หนี้ครัวเรือนจะเพิ่มมากขึ้น และจะเกิดปัญหาทางสังคมที่รุนแรงตามมา สิ่งเหล่านี้คือความเลวร้ายที่ต้องปราบปรามให้หมดไปจากประเทศ ไม่ใช่ไปสนับสนุนให้ถูกกฎหมาย หรือรัฐบาลคิดว่าปราบไม่ได้ เลยจะทำให้ถูกกฎหมาย เพียงหวังรายได้เข้ารัฐ โดยไม่คำนึงถึงความเลวร้ายที่เกิดกับสังคม “ถ้าอย่างนั้นยาบ้าที่เกลื่อนเมืองยังปราบไม่ได้ ก็จะออกกฎหมายให้ยาบ้าถูกกฎหมายไปด้วยหรือไม่?”
คำถามที่ 4 “รัฐบาลนี้จะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้อย่างไรว่ามาตรการควบคุมของรัฐ จะบังคับใช้กฎหมายได้จริง รวมทั้งหากเกิดผลเสียทางสังคมอย่างร้ายแรง รัฐบาลนี้จะรับผิดชอบอย่างไร?”
เพราะในปัจจุบันนี้ ปัญหาสิ่งผิดกฎหมายที่ทำความเดือดร้อนให้กับคนไทย ทั้งยาเสพติด พนันออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ หรือแม้แต่สินค้าต่างชาติที่ทะลักเข้ามาอย่างไม่ถูกกฎหมาย เกลื่อนเต็มเมือง เพราะประเทศไทยมีคอร์รัปชั่นสูง ตั้งแต่เจ้าหน้าที่รัฐจนถึงนักการเมืองใหญ่ ทำให้เราไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเคร่งครัด แต่ที่สิงคโปร์ทำได้ เพราะข้าราชการนักการเมืองของเขาไม่คอร์รัปชั่น ทำงานตรงไปตรงมา เอาผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง จึงสามารถควบคุมผลกระทบจากการเปิดกาสิโนที่จะมีต่อคนสิงคโปร์ได้ พิสูจน์ได้จาก Corruption Perceptions Index ที่จัดโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 108 ได้ 35 คะแนน ขณะที่สิงคโปร์ได้ลำดับที่ 5 ของโลก ได้ 85 คะแนน แต่ประเทศไทยจะทำได้อย่างสิงคโปร์หรือไม่ โดยเฉพาะรัฐบาลนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง
4 ข้อเสนอแนะจากพรรคไทยสร้างไทย
1.พรรคไทยสร้างไทย ขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความจริงใจ โดย
- นำข้อมูล แผนการดำเนินงาน การประเมินผลได้ ผลเสีย และมาตรการป้องกันผลกระทบต่อสังคมไทยของโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ และการปล่อยพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ออกมาชี้แจงแถลงให้ประชาชนทราบอย่างละเอียด โดยให้บรรจุรายละเอียดทั้งหมดไว้ในร่างพระราชบัญญัติ แทนการให้อำนาจซุปเปอร์บอร์ดไปกำหนดเองภายหลัง
- ให้ทำการ “ประชามติ ฟังเสียงประชาชน” ผ่านทางระบบออนไลน์ โดยประชาชนที่มาออกเสียงประชามติทำการยืนยันตัวตน (KYC) ซึ่งจะไม่เสียเวลาและสิ้นเปลืองงบประมาณ
- ถ้าประชาชนลงมติเห็นชอบ ก็นำร่างพระราชบัญญัตินี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา
- โดยควรจะเริ่มต้นทำเพียง 1 แห่งก่อน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาโครงการได้ในทิศทางที่ถูกต้อง โดยไม่เกิดผลเสียต่อสังคมไทย
- การให้ใบอนุญาตควรทำการประมูล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและความโปร่งใส
2.พรรคไทยสร้างไทย เสนอว่าก่อนที่จะเปิดบ่อนกาสิโน รัฐบาลไทยต้องจัดการกวาดบ้านในเรื่อง “คอร์รัปชั่น” อย่างจริงจังเสียก่อน มิฉะนั้นจะเกิดผลเสียต่อคนไทยอย่างมหาศาล เทียบไม่ได้กับรายได้ที่จะเข้ามาสู่ประเทศอันน้อยนิด
3.ประเทศไทยสามารถสร้างรายได้ให้การท่องเที่ยวโดยวิธีอื่นได้มากกว่าโครงการนี้ ถ้ารัฐบาลใส่งบประมาณ และกระจายอำนาจให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ รายได้จะกระจายไปสู่คนตัวเล็กทั่วประเทศ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่ที่ทุนยักษ์เท่านั้น และหากจะทำเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ก็ควรเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม และอื่นๆ ได้มีส่วนร่วมกับโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่ยกผลประโยชน์ให้แค่ทุนยักษ์ใหญ่ไทยและต่างชาติเท่านั้น ซึ่งผู้ประกอบการไทย, SMEs, และคนตัวเล็กไม่ได้ประโยชน์
4.พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่า การเดินหน้า “สร้างชาติ” ไม่ใช่เริ่มจากการ “สร้างบ่อน” แต่ต้องเริ่มจากการ “สร้างคน” เราต้องเร่งพัฒนาศักยภาพของเด็กไทยและคนไทยให้ทันกับเทคโนโลยีของโลกใหม่รวมทั้งต้องปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ โครงสร้างอุตสาหกรรม และการดูแลเรื่องทรัพยากรสิ่งแวดล้อม ซึ่งควรเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งลงมือทำอย่างจริงจังก่อนการทำกาสิโน เพื่อให้คนไทยมีศักยภาพในการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน จึงจะสามารถยกระดับ GDP ให้สูงขึ้นอย่างมั่นคง
สรุป : ไม่รู้ว่า ข้อเสนอแนะและแรงคัดค้านจากฝ่ายต่างๆ ที่ค้านอย่างมีเหตุผลนั้น จะทำให้รัฐบาล “หยุดคิด” และ “พิจารณา” บ้างหรือไม่
หรือนี่คือโปรเจกท์ใหญ่ เงินไว้แจกในช่วงเลือกตั้ง หาโอกาสการลงทุนให้พรรคพวกตัวเอง และหาเรื่องให้รัฐบาลอายุสั้น เพราะประชาชนกำลังประกาศลั่นว่า “เราไม่เอากาสิโน” อย่าปล่อยให้ลุกลามจนถึงจุดที่ว่า “เราไม่เอาพรรคเพื่อไทยเราไม่เอาตระกูลชินวัตร”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี